22 มี.ค. 2024 เวลา 23:58 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สรุปพื้นฐานธุรกิจ-ความเสี่ยง หุ้น AAPL

# ภูมิหลังบริษัท
 
- ประเภทของบริษัท :
บริษัทเทคโนโลยีที่ออกแบบ ผลิต และทำการตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งสำหรับผู้บริโภคทั่วไปและมืออาชีพ
- ระบบปฏิบัติการ :
บริษัทใช้ระบบปฏิบัติการที่พัฒนาโดยตัวบริษัทเองสำหรับอุปกรณ์ต่างๆ
- ระยะเวลาปีงบประมาณ :
 ปีงบประมาณของบริษัทมีระยะ 52-53 สัปดาห์ สิ้นสุดในวันเสาร์สุดท้ายของเดือนกันยายน
 
/////....................................................//////
# ผลิตภัณฑ์
 
- iPhone :  สมาร์ทโฟนรุ่นหลักของบริษัท ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS ประกอบด้วยรุ่นต่างๆ อาทิ iPhone 15 Pro, iPhone 15, iPhone 14, iPhone 13 และ iPhone SE
 
- Mac : คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของบริษัท ใช้ระบบปฏิบัติการ macOS ประกอบด้วยรุ่นแล็ปท็อปเช่น MacBook Air และ MacBook Pro และรุ่นเดสก์ท็อปเช่น iMac, Mac mini, Mac Studio และ Mac Pro
- iPad : แท็บเล็ตอเนกประสงค์ของบริษัท ใช้ระบบปฏิบัติการ iPadOS ประกอบด้วยรุ่น iPad Pro, iPad Air, iPad และ iPad mini
- Wearables, Home and Accessories (อุปกรณ์สวมใส่ อุปกรณ์ภายในบ้าน และอุปกรณ์เสริม)
1. Wearables :  ประกอบด้วยสมาร์ทวอทช์และหูฟังไร้สาย อาทิ Apple Watch UltraTM 2, Apple Watch Series 9, Apple Watch SE, AirPods, AirPods Pro, AirPods MaxTM และหูฟังยี่ห้อ Beats
2. Home : ประกอบด้วยอุปกรณ์สตรีมมิ่ง Apple TV (ใช้ระบบปฏิบัติการ tvOS) และลำโพงอัจฉริยะ HomePod และ HomePod mini
3. Accessories : ประกอบด้วยอุปกรณ์เสริม มีทั้งของแบรนด์ Apple เอง และอุปกรณ์จากบริษัทอื่นที่ทำงานร่วมกันได้
/////....................................................//////
# บริการ
1. โฆษณา (Advertising) :
- บริษัทมีรายได้จากการให้บริการโฆษณา ทั้งผ่านรูปแบบการให้สิทธิ์ใช้งานกับบุคคลอื่น (third-party licensing) และผ่านแพลตฟอร์มโฆษณาของ Apple เอง
 
2. AppleCare
- บริการซ่อมบำรุงและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อ AppleCare® ลูกค้าต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มเติม
- ให้สิทธิ์ลูกค้าในการเข้าถึงฝ่ายบริการลูกค้าของ Apple การซ่อมแซมผ่านช่างที่ได้รับรองทั่วโลก รวมถึงในบางกรณีคุ้มครองการเสียหายจากอุบัติเหตุหรือการโจรกรรม (ขึ้นกับประเทศและผลิตภัณฑ์)
3. บริการคลาวด์ (Cloud Services)
- บริการสำหรับเก็บข้อมูลของลูกค้าทั้งรูปภาพ วิดีโอ และอื่นๆ ให้ข้อมูลทันสมัยและเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ของ Apple รวมถึงคอมพิวเตอร์ Windows
4. เนื้อหาดิจิทัล (Digital Content)
- บริการสื่อและแอปพลิเคชันต่างๆผ่านแพลตฟอร์มของบริษัท โดยเฉพาะ App Store® ซึ่งเป็นแหล่งรวมแอป เกม หนังสือ ดนตรี วิดีโอ พอดแคสต์ ฯลฯ
- บริการสมาชิก (Subscription) อาทิ Apple Arcade® (เกม), Apple Fitness+SM (ฟิตเนส), Apple Music®, Apple News+®, และ Apple TV+®
5. บริการชำระเงิน (Payment Services)
- Apple Card® บัตรเครดิตที่ Apple ออกร่วมกับสถาบันการเงิน
- Apple Pay® บริการชำระเงินแบบไร้เงินสด
/////....................................................//////
# โครงสร้างธุรกิจ
 
1. การแบ่งกลุ่มธุรกิจ (Segments) บริษัทแบ่งการบริหารตามกลุ่มพื้นที่ทางภูมิศาสตร์:
- อเมริกา (เหนือและใต้)
- ยุโรป (รวมอินเดีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา)
- จีนแผ่นดินใหญ่ (รวมฮ่องกงและไต้หวน)
- ญี่ปุ่น
- เอเชียแปซิฟิกอื่นๆ (รวมออสเตรเลีย)
2. ตลาดและการจำหน่าย
- กลุ่มลูกค้าหลัก: ผู้ใช้ทั่วไป ธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง สถานศึกษา ธุรกิจขนาดใหญ่ หน่วยงานรัฐ
- จำหน่ายทั้งโดยตรง: ผ่านร้านค้าของ Apple เอง (ทั้งออฟไลน์และออนไลน์) พนักงานขายของบริษัท
- จำหน่ายทางอ้อม: ผ่านเครือข่ายมือถือ ผู้ค้าส่ง ร้านค้าต่างๆ
/////....................................................//////
# การแข่งขัน
 
1. ตลาดของ Apple มีการแข่งขันสูง โดยเน้นเรื่อง :
- ราคา
- การเปิดตัวสินค้าและบริการใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ
- การพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องทั้งด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ
- การรักษาความปลอดภัย
2. แนวทางของ Apple
- มุ่งขยายโอกาสในตลาดสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต อุปกรณ์สวมใส่ และบริการ
- แข่งขันด้วยนวัตกรรม การออกแบบ ระบบ ecosystem ของสินค้าและบริการที่เชื่อมต่อกัน
/////....................................................//////
# การจัดหาส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ (Supply of Components)
 
1.การพึ่งพาและการแข่งขัน
- แม้ว่าส่วนประกอบสำคัญส่วนใหญ่จะสามารถหาได้จากหลายแหล่ง แต่บางส่วนยังมีแหล่งจัดหาเดียวหรือจำกัด
- บริษัทต้องแข่งขันด้านการจัดหาส่วนประกอบเหล่านี้กับผู้ผลิตรายอื่นในตลาดสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และอุปกรณ์สวมใส่
- ทำให้เกิดความเสี่ยงด้านการขาดแคลนส่วนประกอบไปทั้งอุตสาหกรรม และความผันผวนของราคา
2.ส่วนประกอบเฉพาะที่ไม่แพร่หลาย
- บริษัทใช้ส่วนประกอบบางอย่างที่ออกแบบมาเฉพาะ ไม่ได้ใช้งานแพร่หลายในหมู่คู่แข่ง
- ผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่มักจำเป็นต้องใช้ชิ้นส่วนเฉพาะเหล่านี้ ซึ่งบางครั้งมีแหล่งผลิตเพียงแหล่งเดียว
- กรณีใช้เทคโนโลยีใหม่ อาจมีปัญหาการผลิตในช่วงแรกจนกว่าซัพพลายเออร์จะปรับตัวได้ ทำให้เกิดข้อจำกัดเรื่องจำนวนสินค้า
3.ความเสี่ยงต่อความต่อเนื่อง
- ความพร้อมใช้งานของชิ้นส่วนในราคาที่เหมาะสม (หรือการจะมีชิ้นส่วนใช้เลย) อาจได้รับผลกระทบหากผู้ผลิตเปลี่ยนไปเน้นผลิตสินค้าที่ใช้กันทั่วไปมากขึ้น
- บริษัทมีข้อตกลงกับซัพพลายเออร์ต่างๆ แต่ไม่มีการรับประกันว่าจะสามารถต่อสัญญา หรือต่อได้ภายใต้เงื่อนไขที่คล้ายเดิม
/////....................................................//////
# การวิจัยและพัฒนา (Research and Development)
 
ความสำคัญของนวัตกรรม
- ตลาดที่บริษัทแข่งขันเปลี่ยนแปลงไวตามเทคโนโลยี ความสามารถในการแข่งขันจึงขึ้นอยู่กับการพัฒนานวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ บริการ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
- บริษัททุ่มงบประมาณให้การวิจัยและพัฒนา หาวิธีปรับปรุงสินค้าที่มีอยู่ และขยายขอบเขตธุรกิจ โดยพัฒนาเทคโนโลยีด้วยตนเอง ลิขสิทธิ์ทางปัญญา และการเข้าซื้อกิจการอื่น
/////....................................................//////
# ทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property)
 
1. เครื่องมือในการสร้างความแตกต่าง
- บริษัทถือครองทรัพย์สินทางปัญญาจำนวนมากทั้งสิทธิบัตร การออกแบบ ลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า ฯลฯ ทั้งในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ
- แม้ทรัพย์สินทางปัญญาจะมีความสำคัญ บริษัทเชื่อว่าความสำเร็จยังขึ้นอยู่กับความสามารถด้านนวัตกรรม ทักษะทางเทคนิค และการตลาดของบุคลากรด้วย
2.การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา
- บริษัทยื่นจดสิทธิบัตร การออกแบบ ลิขสิทธิ์ ฯลฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องนวัตกรรมต่างๆ และมีการดำเนินการทางกฎหมายเพื่อปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาเหล่านี้
- สินค้าและบริการไม่ได้รับการคุ้มครองโดยสิทธิ์ทางปัญญาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการผสมผสานหลายๆ ส่วนเข้าด้วยกัน
3.การใช้งานทรัพย์สินทางปัญญาของบุคคลที่สาม
- ผลิตภัณฑ์และบริการบางส่วนของบริษัทใช้องค์ความรู้ที่เป็นของบุคคลภายนอกด้วย อาจจำเป็นต้องขอหรือต่อลิขสิทธิ์ในอนาคต
- แม้ในอดีตจะสามารถจัดการเรื่องลิขสิทธิ์ได้ในราคาที่เหมาะสม แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าจะเป็นเช่นนั้นในอนาคต
/////....................................................//////
 
# ผลกระทบของฤดูกาลและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ต่อธุรกิจ
 
1.ช่วงไตรมาสแรกมียอดขายสูง :
 บริษัทมักจะมียอดขายสุทธิสูงขึ้นในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ เนื่องมาจากความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นตามเทศกาลต่างๆ
2.การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ :
 การเปิดตัวผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ มีผลกระทบอย่างมากต่อยอดขาย ต้นทุนการขาย และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
3.ช่วงเวลาเปิดตัวสินค้าส่งผลต่อช่องทางการจัดจำหน่าย :
 ช่วงเวลาที่เลือกเปิดตัวสินค้าส่งผลต่อยอดขายของบริษัทผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายทางอ้อม เนื่องจากช่องทางเหล่านี้จะเต็มไปด้วยสินค้าใหม่หลังเปิดตัว และสินค้าเก่าในช่องทางมักจะลดลงเมื่อมีสินค้ารุ่นใหม่กว่า
1
4.ความคาดหวังของลูกค้าและตัวแทนจำหน่าย : 
ยอดขายอาจได้รับผลกระทบเมื่อผู้บริโภคและตัวแทนจำหน่ายคาดว่าจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่
/////....................................................//////
# ความเสี่ยง
# ปัจจัยความเสี่ยง
 
- ความเสี่ยงต่อธุรกิจและผลกระทบทางการเงิน :
ธุรกิจ ชื่อเสียง ผลการดำเนินงาน สภาพคล่องทางการเงิน และราคาหุ้นของบริษัทอาจได้รับผลกระทบด้านลบจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ทั้งที่รู้จักกันอยู่ในปัจจุบันหรือยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
- ความไม่แน่นอนในการคาดการณ์แนวโน้ม :
 ผลการดำเนินงานทางการเงินที่ผ่านมาไม่ควรถูกนำมาใช้เป็นตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับประสิทธิภาพในอนาคต นักลงทุนไม่ควรใช้แนวโน้มในอดีตเพื่อคาดการณ์ผลลัพธ์หรือแนวโน้มในอนาคต
/////...................................................///////
# ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจมหภาคและอุตสาหกรรม
 
- ผลประกอบการขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจ : 
การดำเนินงานและผลประกอบการของบริษัทพึ่งพาสภาพเศรษฐกิจโลกและภูมิภาคอย่างมาก สภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยสามารถส่งผลกระทบร้ายแรงต่อธุรกิจ ผลการดำเนินงาน และสถานะทางการเงินของบริษัท
- ธุรกิจระดับโลก : 
บริษัทดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ โดยยอดขายนอกสหรัฐอเมริกาคิดเป็นส่วนใหญ่ของยอดขายสุทธิทั้งหมด นอกจากนี้ ห่วงโซ่อุปทานของบริษัททั่วโลกนั้นใหญ่และซับซ้อน โดยส่วนใหญ่ของโรงงานซัพพลายเออร์ รวมทั้งสถานที่ผลิตและประกอบ อยู่ภายนอกสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจและประสิทธิภาพของบริษัทต้องขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจระดับโลกและภูมิภาคเป็นอย่างมาก
- เศรษฐกิจถดถอยกระทบต่อความต้องการ : 
สภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น การเติบโตที่ชะลอตัวหรือภาวะถดถอย อัตราการว่างงานสูง เงินเฟ้อ ตลาดเครดิตที่ตึงตัว อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และความผันผวนของค่าเงิน ล้วนส่งผลกระทบในเชิงลบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการใช้จ่าย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความต้องการผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทอย่างมาก
- ความเสี่ยงจากคู่ค้า : 
ความไม่แน่นอนหรือการตกต่ำของเศรษฐกิจโลกหรือในภูมิภาคต่างๆ อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อซัพพลายเออร์ ผู้รับจ้างผลิต ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ผู้จัดจำหน่าย ตัวแทนจำหน่ายเครือข่ายมือถือ และพันธมิตรช่องทางอื่นๆ รวมไปถึงเหล่านักพัฒนา ซึ่งความเสี่ยงเหล่านี้อาจแสดงให้เห็นผ่านความไม่มั่นคงทางการเงิน การไม่สามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อเพื่อดำเนินธุรกิจ หรือการล้มละลายได้
- ผลกระทบทางการเงิน : 
สภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยยังก่อให้เกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อบัญชีลูกหนี้การค้าของบริษัท ความล้มเหลวของคู่สัญญาอนุพันธ์และสถาบันการเงินอื่นๆ ข้อจำกัดในการก่อหนี้ใหม่ สภาพคล่องทางการเงินที่ลดลง และการลดลงของมูลค่าที่เหมาะสมของตราสารการเงินของบริษัท ผลกระทบเหล่านี้และอื่นๆ สามารถส่งผลร้ายแรงต่อธุรกิจ ผลการดำเนินงาน สถานะทางการเงิน และราคาหุ้นของบริษัท
 
/////...................................................///////
มีต่อ เดี๋ยวมาเพิ่มให้ในโพสต์นี้แหละ มันเยอะเกิน ตอนนี้ขี้เกียจ+ง่วง ควรมาเปิดดูเป็นระยะๆ
โฆษณา