23 มี.ค. เวลา 15:15 • ความคิดเห็น
เอาเป็นว่า
episode 1: the principle
สำหรับผมแล้ว
ความพอใจ,
ความภาคภูมิใจ,
ความรู้สึกขอบคุณ
ที่ได้เป็นตัวเอง
คือ “ความสุขที่แท้จริง”
episode 2: the test driving
ผมชอบศึกษาเรื่องรถมาตั้งแต่เด็กๆ ผมสนใจเครื่องยนต์กลไกของรถ มากกว่าการครอบครองรถรุ่นนั้นรุ่นนี้
ผมมักอาสา test drive รถรุ่นใหม่ๆ จากศูนย์ที่เพื่อนสมัยเรียนของผมทำธุรกิจด้านนี้อยู่ แล้วเขียน review สั้นๆลงกลุ่มไลน์ของเพื่อนๆสมัยเรียนให้ หลังทดลองขับแล้ว
ล่าสุดผมทดลองขับรถยนต์ในกลุ่ม luxury ราคาหลายล้านบาท
การทดสอบขับรถ เป็น “ความสุข” เล็กๆน้อยๆ ของผม
ผมก็ต้องเผชิญกับ traffic, อากาศร้อนอบอ้าว หรือ ฝนฟ้าในบางครั้ง นั่นมิใช่ “ความสบาย” แต่อย่างใด! แต่นี่คือสิ่งที่ทำให้ผมมี “ความสุข”
ยิ่งกว่านั้น
ทุกครั้งที่ผมทดสอบขับรถรุ่นใหม่ล่าสุดเสร็จลง ผมมีความสุขมากที่ได้เดินกลับไปขึ้นรถของผมที่ผมขับมาและใช้เป็นประจำ! ทั้งๆที่รถคันนี้อายุ 20 ปีแล้ว และราคาตอนซื้อมาใหม่ๆ เป็นราคารถที่ไม่ถึงหลักล้านแต่อย่างใด!
แล้ว “ความสุข” ของผมมาจากไหน?
episode 3: the reasons
ผมเป็นคนชอบศึกษาเรื่องรถ เมื่อผมมีความรู้เรื่องรถมากขึ้น ผมก็ดูแลรถได้ดีขึ้น
เมื่อผมดูแลรถที่ใช้อยู่ได้ดีขึ้น ผมก็สามารถดูแลรถของญาติๆได้ดีขึ้น!
และนั่นคือ “ความสุข” ของผม!
เพราะผมมีคติในใจอยู่ว่า
ความหมายของชีวิต
คือ
การใช้ชีวิตให้มีความหมาย
และ
ชีวิตที่มีความหมาย
คือ
การใช้ชีวิต
เพื่อผู้อื่น
แต่หนทางสู่ “ความสุข” ของผม มันไม่ได้ “สะดวกสบาย” เลยแม้แต่น้อย!
- จากที่ผมไม่เคยรู้จัดการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์เลย
ผมก็พยายามศึกษา spec ของแบตเตอรี่ ว่ารถของผมควรใช้แบตเตอรี่ spec ไหน?
แบตเตอรี่ที่ใช้มีอายุการใช้งานแค่ไหน และผมจะรู้ได้ยังไงว่า ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้แล้ว?
ผมใช้เวลาและความพยายามจนผมสั่งซื้อ battery tester มาใช้ เพื่อใช้วัดค่าทางไฟฟ้า ในการตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่ จนผมมีความมั่นใจว่า ผมรู้ว่าควรจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เมื่อใด!
นอกจากนั้น ผมยังเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ด้วยตัวเองจากการศึกษาบน Youtube!
- ผมยังศึกษาเรื่องความดันลมยางที่เหมาะสมกับ style การขับขี่ของผม โดยการเปลี่ยนค่าความดันลมยางไปเรื่อยๆ
จนกระทั่ง ผมพบความดันลมยางที่ผมพอใจ และให้สมรรถนะที่ดีที่สุดตามที่ผมต้องการ!
- ผมศึกษาชนิดของนำ้มันเครื่องที่ใช้ ไม่ว่าจะเป็น semi-synthetic และ fully-synthetic ที่มีอายุการใช้งาน และราคาต่างกัน จนผมตัดสินใจลงทุนใช้ fully-synthetic กับรถผม เพราะรถอายุ 20 ปี แล้ว ผมจึงอยากใช้ของที่มีคุณภาพดีขึ้น เพราะน่าจะคุ้มค่ากว่าในระยะยาว
- ผมใช้เวลาร่วมสามเดือน ในการค้นหา ยี่ห้อและรุ่นของกล้องติดรถ
จนผมพบกล้องติดรถที่มี price-performance ratio (ความคุ้มค่าของราคากับสมรรถนะ) อยู่ในเกณฑ์ที่ผมต้องการ
แถมผมยังติดตั้งกล้องด้วยตัวเอง จากการดูเทคนิคต่างๆ บน Youtube
- ผมค้นหา กระจกมองหลังรถใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่ากระจกที่ติดตั้งมากับรถ รวมถึงกระจกมองจุดอับสายตา (blind-spot mirror) มาติดตั้งเสริมกระจกมองข้าง
จนทำให้รถที่มีอายุ 20 ปีของผม สามารถมองเห็นสถานการณ์รอบด้านได้ดีขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีแบบที่มีในรถสมัยใหม่เลย!
- ทุกครั้งที่ผมนำรถเข้าศูนย์
คนส่วนใหญ่มักนั่งรอรถรับบริการอยู่ในพื้นที่รับรองที่ติดแอร์และมีเครื่องดื่มบริการ
แต่ผมมักเดินเข้าไปในพื้นที่ซ่อมบำรุงที่ไม่มีแอร์ เพื่อที่ผมจะได้พูดคุยสอบถามช่างถึงข้อมูลที่ผมเตรียมเป็นคำถามมาแล้วในใจ
และผมมักได้ความรู้ดีๆกลับมาเสมอ!
episode 4: the bottom line
“ความสุข” ของผม ไม่ได้มีพื้นฐานมาจาก “ความสบาย”
แต่นั่นแหละครับ ความสุขของผมคือการที่ผมสามารถบอกกับตัวเองได้ว่า
I know what I am doing!
โดยที่ผมไม่สนใจว่าหนทางมันจะ สบายหรือไม่ อย่างไร!
โฆษณา