24 มี.ค. เวลา 03:39 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เพราะเราอยู่ในระบบ Fait currency system ที่เงินถูกพิมพ์ เป็นว่าเล่น โดยไม่มีทองคำค้ำประกันมูลค่า เริ่มจากการที่ President ของเมกา ยกเลิกการค้ำประกันมูลค่าของเงินที่พิมพ์ด้วยทองคำในปี 1971
บุคคลที่อยู่ใกล้เครื่องผลิตเงิน ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารกลาง หรือ รัฐบาล ย่อมได้ประโยชน์จากโครงสร้างระบบนี้ เพราะจะสามารถใช้เงินในขณะที่มูลค่าของมันยังเท่าเดิม แต่เมื่อเงินนี้ไหลเข้าสู่ระบบ กลายเป็นว่า ชาวบ้านตามต่างจังหวัดจะรู้สึกว่า ทำไมของมันแพงขึ้น ทำไมรู้สึกว่าต้องทำงานเยอะขึ้น เพื่อให้ได้ซื้อของในปริมาณเท่าเดิมได้ และนี้ไม่ได้เกิดกับประเทศใดประเทศหนึ่งแต่เกิดขึ้นทั่วโลก ประชาชนเป็นผู้แบกรับมูลค่าของเงินที่ลดลง
Robert kiyosaki ก็เคยเขียนไว้ในหนังสือ Fake(การเงินลวงโลก)
ถ้าคุณอยากจะปล้นเงินของคนทั้งโลก โดยที่คุณไม่ต้องใช้ปืนบังคับใครสักคนเลย จะทำอย่างไรละ?
ก็แค่พิมพ์เงินเพิ่มเท่านั้น มูลค่าในกระเป๋าทุกคนก็จะน้อยลง ทำให้ทุกคนก็จะต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อแลกกับเงินเฟียตที่มูลค่าลดลงตลอดเวลา ดูได้จากว่า คนในยุคใหม่ ทั้งที่มีเทคโนโลยีที่ดีขึ้น เมืองที่ดีขึ้น แต่ทำไมคุณภาพชีวิตกลับแย่ลง ต้องอยู่ในห้องเช่าที่เล็กลง กินอาหารขยะที่มีขาดสุขภาวะมากขึ้น ป่วยกันมากยิ่งขึ้น สถาบันครอบครัวถูกทำให้แยกออกจากกัน มากยิ่งขึ้น ความสามัคคี และ การแบ่งปันก็หายไป เพียงเพราะระบบการเงินเป็นยังงี้
ด้วยโครงสร้างนี้ เป็นภาคบังคับให้ต้องสร้าง Wealth หรือ สินทรัพย์ขึ้นมาด้วยซ้ำ อย่างเช่นเก็บในสิ่งที่มันมีมูลค่าในตัวมันเองจริงๆอย่างทองคำ, อสังหา, หรือที่ดิน จึงจะพอทำอะไรต่อมิอะไรได้ ทั้งปัจจุบัน และ อนาคต
หรือกองทุน และ อนุพันธ์ ที่ต้องมีการจ่ายผลตอบแทน และ บีบให้ต้องมีการจ่ายดอกเบี้ยเป็นทอดๆ
เอาเข้าจริง นโยบายอัดฉีด "สภาพคล่อง" เนี้ย ถ้าเอาเปลือกนอกออก มันก็ไม่ต่างอะไรกับการบอกคนทั้งประเทศว่า "จะขอปล้นเงินพวกคุณทุกคนเลยแล้วกันนะ อย่าลืมทำงานให้หนักขึ้นด้วยน้า ทุกคน สู้ๆ" มิใช่หรือ?
อ่าใช่ ต้องบอกว่า ไม่ใช่แค่ประเทศสิ ต้องทั้งโลกมากกว่า เพราะคนที่พูดคือ FED หรือ ธนาคารกลางแห่งสหรัฐ ที่ค่าเงินดอลลาร์ถูกใช้อ้างอิงทั่วโลก ถ้าดอลลาร์ถูกพิมพ์เพิ่มก็เป็นอันรู้กัน 😉
โฆษณา