26 มี.ค. เวลา 11:30 • หนังสือ

ปิดล้อมดักโจร

ตั้งใจจะนำกลยุทธ์ของเหล่าบรรดาขุนพลสามก๊กที่ใช้กันบ่อยๆ มาเล่าให้ฟัง ทั้งนี้ก็เพื่อความบันเทิงเท่านั้น หากมีข้อความหรือบทตอนในที่ผิดเพี้ยนออกไปจากความจริง หรือบิดเบี้ยวจากในวรรณกรรมบ้าง ก็ขออภัยด้วย
กลยุทธ์แรกผมตั้งชื่อเอาเองว่า "ปิดล้อมดักโจร"
คุณตาเคยเล่าให้ฟัง สมัยก่อนบ้านเรามีสภาพเป็นชนบท ผู้คนในหมู่บ้านทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยการทำนาทำสวน บ้านเรือนแต่ละหลังจะตั้งอยู่ห่างกัน ตัวบ้านก็เป็นเรือนไม้ยกสูงสร้างด้วยวัสดุตามธรรมชาติ หลังคาเป็นตับจาก และฝาทำด้วยไผ่สาน มีใต้ถุนบ้านค่อนข้างกว้าง ไว้ทำกิจกรรมต่างๆช่วงกลางวัน และจะแบ่งพื้นที่ใต้ถุนบางส่วนเป็นคอกสัตว์ ซึ่งก็มักเป็นวัวหรือควายที่เอาไว้ช่วยทำนา
มีคราวหนึ่ง มีโจรผู้ร้ายเข้าปล้นบ้านนึงในละแวกบ้านเรา ไม่ใช่การเข้าทำแบบการลักทรัพย์หรือย่องเบานะ แต่เป็นการยกพวกขึ้นบ้านแล้วขู่ทำร้ายคนในบ้านเพื่อแลกกับเงินทอง เมื่อเกิดกับบ้านหลังนึงแล้ว ก็มักจะเกิดอีกกับบ้านถัดๆไป เพราะลักษณะนิสัยของพวกเสือโจรสมัยนั้นคือการตระเวนเข้าปล้นไปเรื่อยอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจรัฐที่ยังปกแผ่เข้าไม่ถึงชนบท ชาวบ้านก็ต้องป้องกันตัวและทรัพย์สินกันเอง
การเตรียมรับมือกับโจร เกือบทุกบ้านต้องเลี้ยงหมา เวลาค่ำคุณตาและคุณยายจะพาลูกๆเข้าบ้านตามปกติ แต่พอผ่านพลบค่ำเริ่มดึก คุณตาจะฉวยปืนยาว ปืนสั้น และมีดพก หลบออกมาซุ่มนอนตามชายรั้ว ตามร่องคู หรือริมจอมปลวก หรือที่ที่คิดว่าได้เปรียบในเชิงชัยภูมิ ทุกๆบ้านจะทำกันแบบนี้ บางทีก็ดักซุ่มร่วมกันเป็นทีม หรือถ้าแยกกัน แต่ละบ้านก็จะรู้ลู่ทางไปมาหาสู่ระหว่างกัน
หากพวกโจรจะเข้าปล้นบ้าน สิ่งแรกคือหมาจะเห่าหนัก เมื่อโจรทำร้ายหมาและเข้าไปในพื้นที่บ้าน ซึ่งมักเป็นลานโล่ง แสงจันทร์หรือแสงจากกองไฟจะส่องให้เห็นร่างคนแปลกหน้า คนที่ซุ่มอยู่ที่มืดตามชายรั้วหรือร่องคูก็จะเลือกยิงเอาโดยสะดวก กลุ่มโจรก็จะระส่ำระสายเพราะมัวโฟกัสไปที่ตัวบ้านหรือวัวควาย ไม่คาดคิดว่าจะมีคนสู้ อีกทั้งยังไม่รู้ว่าคนที่สู้นั้นซุ่มซ่อนอยู่ที่จุดใด มีครั้งหนึ่งที่ยิงกันจริงๆแต่เป็นบ้านอื่น พวกโจรถูกปืนเจ็บพากันหนี คุณตาเล่าว่าเห็นรอยเลือดหยดเต็มทาง และหายไปที่ถนนเข้าหมู่บ้าน
กลยุทธ์แบบนี้มีมาแต่สมัยโบราณแล้ว ย้อนไปยุคสามก๊กก็มักอ่านพบการกระทำในทำนองนี้ เพื่อตีกองโจรนั้นให้พ่ายแพ้ไป หรือหากผู้ใช้มีความชำนาญมาก ก็จะพลิกแพลงรุกกลับจนอีกฝ่ายต้องถอยร่นไม่เป็นท่า ถึงเสียบ้านเสียเมืองเลยทีเดียว พอจะยกตัวอย่างได้ 2-3 เหตุการณ์
เหตุการณ์แรกคือ โจโฉรบเล่าปี
เกิดในช่วงแรกๆของเรื่อง โจโฉได้เป็นใหญ่แล้ว ได้ฮ่องเต้อยู่ในควบคุมและตั้งเมืองหลวงที่ฮูโต๋ เล่าปี่เพิ่งจะได้เป็นพระเจ้าอา และเมื่อราชโองการเลือดไม่เป็นความลับ เล่าปี่โชคดีหนีออกจากอำนาจของโจโฉได้ ไปอยู่เมืองเล็กๆทางภาคกลางตอนล่าง ชื่อมณฑลชีจิ๋ว มีเมืองบริวารสองเมืองคือเมืองเสียวพ่ายและเมืองแห้ฝือ
โจโฉเริ่มจะมีข้อขุ่นเคืองกับอ้วนเสี้ยวซึ่งเป็นอีกขั้วอำนาจครองเมืองอยู่ทางภาคเหนือ ตั้งใจจะรบให้แตกหัก แต่ที่ปรึกษาแนะนำให้ลงมากำจัดเล่าปี่ซึ่งเป็นหอกข้างแคร่เสียก่อนแล้วค่อยไปรบอ้วนเสี้ยวจะได้ไม่พะวงหลัง โจโฉก็ทำตามและยกกองทัพหลายสืบหมื่นลงทางใต้ ก่อนจะถึงเมืองของเล่าปี่ โจโฉก็พักทัพและตั้งค่าย
ทางเล่าปี่รู้ข่าวศึกก็มาอยู่เมืองเสียวพ่ายเพราะมีสภาพเป็นเมืองหน้าด่าน และส่งครอบครัวไปอยู่เมืองไกลสุด คือเมืองแห้ฝือ และให้กวนอูอยู่เป็นองรักษ์ดูแลครอบครัว แผนแรกที่จะรับมือคือส่งคนไปหาอ้วนเสี้ยว ให้ยกทัพลงมาตีฮูโต๋ก็จะได้โดยง่ายเพราะโจโฉได้ยกกำลังส่วนใหญ่ออกจากเมืองลงไปทางใต้แล้ว แต่อ้วนเสี้ยวปฏิเสธ อ้างว่าลูกป่วย
แผนแรกไม่ได้ผล สถานการณ์ก็จวนตัว ใครคิดแผนอะไรได้ก็จำต้องเอาแล้ว เตียวหุยออกอุบายว่า ทัพโจโฉเดินทางมาไกล เพิ่งตั้งค่ายและกำลังอ่อนเพลียคงไม่ทันระวัง เหมาะสำหรับการเข้าปล้นซึ่งจะเข้าทำในเวลากลางคืน ซึ่งหากทำสำเร็จก็อาจทำความเสียหายให้กับกองทัพเมืองหลวงได้ไม่มากก็น้อย
โจโฉมีลางบอกเหตุ และก็คงคาดการณ์ล่วงหน้า ก็เตรียมล้อมดักโจร
คืนนั้น อาศัยความได้เปรียบที่มีกำลังพลมาก ก็แบ่งทหารออกเป็น 11 กอง ให้กองแรกอยู่ในค่าย ให้อีก 8 กองออกจากค่ายไปซุ่มซ่อนอยู่ด้านนอกค่ายทั้ง 8 ทิศ อีก 2 กองให้ยกไปตั้งดักทาง ป้องกันอีกสองเมืองจะยกมาช่วยโจร และได้กำชับให้ 1 ใน 8 กองแรกว่าเมื่อรบตลุมบอนกันแล้ว ให้แยกไปตีเมืองของโจรที่ไม่มีทหารป้องกัน และให้อีก 1 กองแยกไปดักรอทางที่จะหนีไปเมืองของอ้วนเสี้ยว
จากนั้นฝ่ายตั้งรับก็รอเวลา
ฝ่ายเล่าปี่แยกทหารออกเป็น 2 ชุด ให้ตัวเองและเตียวหุยคุมคนละชุด นัดแนะให้เตียวหุยเป็นกองหน้าและเล่าปี่จะเป็นกองหนุนเข้าไป เตียวหุยก็คุมทหารโห่ร้องเข้าปล้นค่ายตามที่คิด ก็เจอทั้ง 8 กองทหารของโจโฉที่ซุ่มอยู่เข้ารุมรบ เตียวหุยมุ่งแต่จะเข้าทำคนในกระโจมหลังใหญ่ ไม่ทันระวังตั้งตัวก็พ่ายแพ้ พาทหารที่เหลือตายไม่กี่สิบคนหนีไปซุ่มกบดานบนภูเขา
เล่าปี่ที่หนุนหลังเข้ามาก็ไม่รู้ว่ากองหน้าเสียทีไปแล้ว ก็ถลำเข้าไปในวงล้อม ทหารเล่าปี่ก็โดนสังหารเสียครึ่งนึง คิดว่าสู้ไม่ได้แล้วก็พาทหารหนีกลับเมือง แต่เมืองก็โดนยึดไปเสียแล้ว จะพาทหารหนีไปเมืองแห้ฝือก็มีกองทหารของโจโฉมาดักทางไว้ไปไม่ได้ เหลือทางสุดท้ายคือไปหาอ้วนเสี้ยว ก็พบทหารโจอีกหนึ่งกองดักทางไว้อีก เล่าปี่จนใจก็ทิ้งทหารที่เหลือควบม้าฝ่าหนีรอดไปแต่ผู้เดียว
ครั้งนี้ โจโฉใช้แผนล้อมจับโจร จนเล่าปี่ กวนอู และเตียวหุย เรียกได้ว่าบ้านแตก ต่างคนต่างพรัดพรากแยกทางกันไป โจโฉเป็นผู้ช่ำชองในตำราพิชัยสงคราม ทั้งเคยผ่านประสบการณ์จริงในสนามรบ เคยทั้งชนะและพ่ายแพ้มานักต่อนัก ไม่ใช่คนที่จะเอาชนะได้ด้วยการเข้าปล้นง่ายๆแบบนี้
เหตุการณ์ครั้งนี้หลายคนกคงจำได้ โจโฉยกต่อไปล้อมกวนอู และเตียวคับเกลี้ยกล่อมจนกวนอูยอมไปอยู่กับโจโฉ และเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการทำสงครามกับอ้วนเสี้ยวต่อไป
แผนล้อมดักโจรเป็นการอาศัยสถานการณ์ รู้แล้วว่าฝ่ายตรงข้ามจะเข้ามาในบ้าน ก็เปลี่ยนบ้านให้เป็นพื้นที่ที่ได้เปรียบในการต่อสู้ และคิดวางแผนต่อยอดว่าจะทำอย่างไรต่อไปเมื่อฝ่ายนั้นเข้ามาและเสียเปรียบฝ่ายเราแล้ว
แผนล้อมดักโจรตอนถัดไปจะเป็นเรื่องราวของใคร ตอนไหน โปรดติดตาม รับรองมีการพลิกแพลงสนุกไม่แพ้กันครับ (จริงแล้วกลยุทธ์นี้มีชื่อเป็นทางการว่าอย่างไร ใครรู้โปรดช่วยชี้แนะด้วยครับ)
โฆษณา