26 มี.ค. เวลา 06:54 • ไลฟ์สไตล์
เมื่อก่อนตอนช่วงวัยกำลังแข็งแรง เวลามีเรื่องราว ที่รู้สึกไม่สบายใจ ก็ไปหาที่ หลงว่า พักผ่อน ไปเที่ยวนั่งกินเหล้าสนุกไปเรื่อย แต่ก็ยังสวดมนต์เป็นประจำ ก็ทำตามๆ ที่เค้าว่ากัน นั่นก็เป็นเรื่องที่เราไม่รู้คำว่าทุกข์เลย พอพระท่านบอกว่า คนกินเหล้าตกนรก บอกเราให้เลิก เราก็ยังไม่สามารถรับปากท่านได้ จริงแล้ว เราไม่รู้จักคำว่า ทุกข์ด้วยซ้ำไป ไม่รู้จักอะไรคือทุกข์ อะไรคือสิ่งที่เกิดเป็นกรรม
ยิ่งพูดคำว่า ธรรม เราก็กินเหล้าไปเอาหนังสือธรรมมาอ่านด้วยซ้ำไป มันไม่รู้จักอะไรเลย นั่นคือ เรื่องราวที่จิตเรายังไม่ได้มีการฝึกหัดที่จะไปรับรู้ ในสิ่งที่เป็นนามธรรมได้ แม้เราอาศัยอยู่กับสิ่งที่เรียกว่าขันธ์ห้า เราก็ไม่รู้จัก ในสิ่งเหล่านั้นเป็นอย่างไร บุญเป็นอย่างไร กรรมเป็นอย่างไร จิตไม่สามารถรับรู้ได้เลย
นั่นก็ล้วนเป็นเรื่องราวที่ว่า เอาแต่อ่านจดจำมา แต่ไม่เคยตั้งอกตั้งใจจริงจังปฏิบัติขึ้นมา พอเรามาเจอพระที่ท่านแนะนำสอนให้ ค่อยให้เราฝึกหัด เรียนรู้เรื่องกายอารมณ์จิต ที่ท่านบอกว่า นำกายที่มาประพฤติปฏิบัติธรรม กายย่อม..สอนจิตว่ามีกายเป็นทุกข์ จิตก็พลอยได้รับทุกข์ด้วย เมื่อจิตดี..จิตสำรวจกายวาจาใจ ในเปล่งเสียง หรือ การกระทำต่างๆ ว่าสิ่งนั้นคือความทุกข์ สิ่งนั้นคือการปล่อย ปราศจากไม่มีทุกข์ ก็ต้องศึกษา เรียนให้รู้จัก จากรอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เข้าใจ
เมื่อเวลามีทุกข์ ..เราก็นำกายนี้มาสร้างบุญกุศล นำกายนี้มาเดินในรอยทั้งสี่ รอยของผู้ที่ไม่มีทุกข์ .เราก็อาศัยรอยทั้งนี้นี้ มาประพฤติปฏิบัติ เพราะมีกายเกิดเมื่อไหร่ มันก็มีทุกข์ เราก็เอากายนี้มาเดินมาฝึกหัด รอยของผู้ที่ไม่มีทุกข์ เพื่อปลดเปลื้องทุกข์ออกไป ..เราก็ทำไปเรื่อย เพราะตื่นมามันก็มีอารมณ์นึกคิด เรื่องนั้นเรื่องนี้ มันเรื่องทุกข์ทั้งนั้น มีทุกวัน ..
..เราก็นำกายมาปฏิบัติธรรมทุกวัน เหมือนที่เราใช้กายไปทำเรื่ิองนั้นนี้ ..ด้วยอารมณ์ที่ปรุงแต่ง ..เราก็ไม่เห็นทุกข์เห็นกรรม .เราจึงสวดมนต์ ปฏิบัติธรรมทุกวัน เมื่อมีเวลา มีร่างกายที่ยังแข็งแรง เราก็ทำของเราไป เท่าที่กายนี้อำนวยให้ ..
พอมีคำว่าทุกข์ ..พูดว่า ทุกข์ เรารู้จักทุกข์ ที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร ทำไมพระท่านจึงบอกให้หนีทุกข์ แล้วหนีทุกข์มันทำได้ง่ายจริงๆหรือเปล่า .
โฆษณา