26 มี.ค. เวลา 14:43 • กีฬา

บทความ : Before - After ของ Liverpool ในยุคสมัยของ FSG

- ผลงานที่เกิดขึ้นในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ต้องชม FSG นะ เป็นขั้นเป็นตอน รื้อโครงสร้างและฐานรากเดิม ค่อยๆก่ออิฐฉาบปูนจนเป็นบ้านที่สวยแต่หลังจากนี้คงต้องจับตาดูอนาคตของสโมสร เพราะก่อนยุคคล็อปป์และยุคคล็อปป์ FSG ได้ สร้างเสาเข็มจนถึงโครงสร้างหลังคามาเยอะแล้ว
- พอหลังหมดยุคคล็อปป์ ผมคิดว่า FSG คงรีโนเวทบ้านครั้งใหญ่ ไม่งั้นคงไม่ให้เอ็ดเวิร์ด คุมด้านฟุตบอลของ FSG ที่มองภาพใหญ่(ที่เจ้าตัวเคยมองภาพเล็ก) แถมภาพเล็กก็ดึงริชาร์ด ฮิวจ์ และหัวหน้าแมวมองของบอร์นมัธมาอยู่ในคณะ TC สโมสรที่เดิมก็วิเคราะห์โหดอยู่แล้ว หลังจากนี้(หลังยุคคล็อปป์) FSG คงมีเป้าหมายที่ใหญ่มากแน่ๆ
*แผนงานของ FSG ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา*
- เป้าหมายแรก : ใช้หนี้ให้สโมสรและให้ทีมมีแผนงานด้านงบดุลที่ดีขึ้น ถ้าใครจำแรกๆได้ ตอนเซอร์เคนนี่มาคุม FSG ให้เงินเสริมทีมเกิน 100m ถ้ายังจำไม่ได้ให้นึกถึงยุคแอนดี้ คาร์โรล 555+ ยุคนั้นเลย
- เป้าหมายสอง : เบื้องหลังการเงินเริ่มทรงๆแต่ผลงานในสนามยังไม่เข้าตาแถมการซื้อตัวในยุคร็อดเจอร์ส เรียกได้ว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ เลยดึงคล็อปป์มา เพราะคล็อปป์มีดีกรีล้มบาเยิร์น แถมสร้างทีมที่ไม่ได้เงินถุงเงินถังแต่พาทีมกดทีมใหญ่ได้ มันไม่ธรรมดาเลย
- เป้าหมายสาม : ทีมเบื้องหลังที่วิเคราะห์ฟุตบอลช่วยกันหาผู้เล่นในทีมมีผลงานที่ดีขึ้นเพราะมีโค้ชดีแล้วแต่นักเตะยังไม่ได้ นักเตะอย่างมาติป มาเน่ ฟานไดจ์ อลิสสัน ซาลาห์ โรเบิร์ตสัน และคนอื่นๆ เลยได้มาร่วมทีม
- เป้าหมายสี่ผลงานทีม ทั้งในและนอกสนามทุกอย่างเพอร์เฟ็ค สโมสรเริ่มยืนได้ด้วยตัวเอง เลยใช้โอกาสนี้ทำให้สโมสรเพิ่มขีดความสามารถของตัวเอง คือ ขยายสนามทั้งเฟสแรกและเฟสสอง ,พัฒนาสนามซ้อมให้ชุดเล็ก-ใหญ่ซ้อมที่เดียวกัน(รวมดีลไนกี้ด้วย) คือให้ยืนได้ด้วยตัวเองแบบเต็มสองขา โดยที่ FSG ไม่ต้องมาประคองเหมือนเด็กพึ่งหัดเดิน
- เป้าหมายต่อไป ที่ผมคาดการณ์ เนื่องจากดึงเอ็ดเวิร์ดและผอ.กีฬาที่วิเคราะห์ตามสเปคของ FSG ก็คงเป็นทำให้ทีมฟูลออฟชั่นเหมือนแมนซิตี้แต่ไม่ต้องใช้เงินแบบแมนซิตี้ และอาจจะขยายสนามไปที่เฟส 3 และ 4 แต่ถ้าไม่ได้มองที่ลิเวอร์พูล เป้าหมายของ FSG คือการสร้างเครือข่ายฟุตบอล(ดูทรงแล้วอนาคตมีซื้อทีมฟุตบอลแน่ โดยใช้เอ็ดเวิร์ดคัดสรรทีมที่จะซื้อนี่แหล่ะ)
- ส่วนเป้าหมายที่จะทำให้แมนยูตกอันดับลงมาจากทีมที่มีการตลาดดีที่สุด(ไม่งั้นไม่รวยขนาดนั้น)ในพรีเมียร์ลีก ผมเชื่อว่าตอนนี้แล้วเทียบเคียงได้แล้ว และอีกไม่เกิน 5 ปี FSG คงทำให้แซงแมนยูไปหลายขุมแน่ๆ เพราะมันบ่งบอกชัดเจนในเรื่องที่บิลลี่ โฮแกน CEO ของสโมสรขึ้นมาดูด้านนี้(ด้านพาณิชย์)โดยตรง และเรื่องฟุตบอลให้เอ็ดเวิร์ดดูไป
- พอมองกลับไปถ้าไม่มีโรคโควิด ป่านนี้เราไปไกลมากกว่านี้แล้วโดยเฉพาะด้านพาณิชย์ของสโมสร
ปล. ผมของเสริมเรื่องบิลลี่ โฮแกนถ้าใครตามข่าวเบื้องหลังของทีมมาตั้งแต่ช่วงยุคแรกในปี 2012 FSG ดึงมาเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ ทำงานร่วมกับเอียน อายร์ กรรมการผู้จัดการ ซึ่งเดิมทีโฮแกนเป็นกรรมการผู้จัดการของ Fenway Sports Management ดูแลด้านนี้ให้กับเครือข่ายของ FSG คือ Liverpool Football Club, the Boston Red Sox, New England Sports Network (NESN) และ Roush Fenway Racing
หลังจากเอียน อายร์ไป โฮแกนก็ทำงานด้านนี้มาเรื่อยๆมาหลายปีจนมีช่วงนึงเอาปีเตอร์ มัวร์ส ที่เคยเป็น CEO ให้บริษัทใหญ่ๆมาแล้ว อันนี้คือความคิดของผมนะ ผมเดาว่า FSG อยากเอาประสบการณ์ของมัวร์สมาให้โฮแกน
จนตอนนี้โฮแกนอยู่กับลิเวอร์พูลมาตั้งแต่ 2012 ก็ 13 ปีแล้ว ซึ่งตอนนี้คือ CEO มันทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่า FSG เขาวางแผนด้านนี้มาโดยตลอด
โฆษณา