Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Bnomics
•
ติดตาม
28 มี.ค. เวลา 01:06 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เก็บภาษีความมั่งคั่ง (Wealth Tax) จะได้คุ้มเสียหรือไม่?
หลังจากประธานาธิบดีไบเดน ได้ประกาศว่าจะออกกฎหมาย billionaire tax หรือภาษีสำหรับมหาเศรษฐีขึ้นมา หากเขาได้รับการเลือกตั้งอีกครั้งในเดือนเมษายน โดยตั้งเป้าเก็บภาษีกลุ่มคนร่ำรวย ในอัตรา 25% สำหรับชาวอเมริกันที่มีทรัพย์สินมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
5
ซึ่งก็สอดคล้องกับการที่รัฐมนตรีคลังทั่วโลกกำลังประชุมสุดยอด G20 ในบราซิลเมื่อเดือนที่ผ่านมา ว่าพวกกำลังสำรวจแผนการเก็บภาษีขั้นต่ำสำหรับมหาเศรษฐี 3,000 รายทั่วโลก เพื่อให้แน่ใจว่าคนกลุ่ม 0.1% บนสุดของพิรามิดนั้นจะจ่ายภาษีอย่างยุติธรรมต่อสังคม
1
แต่ผู้เชี่ยวชาญก็แบ่งแยกความคิดกันเป็น 2 ฝ่ายว่า ภาษีความมั่งคั่งนี้เป็นการเก็บภาษีที่มีประสิทธิภาพจริงหรือไม่ และสามารถทำได้อย่างไรในโลกแห่งความเป็นจริง
1
🔴ภาษีความมั่งคั่งคืออะไร?
ภาษีความมั่งคั่ง (Wealth Tax) คือภาษีแบบกว้างๆ ที่เก็บบนฐานของทรัพย์สินที่เป็นของคนร่ำรวย หรือครอบครัวที่ร่ำรวย เช่น เงินสด อสังหาริมทรัพย์ ยานพาหนะ จิวเวลรี่ และของมีค่า ซึ่งจะแตกต่างจากภาษีเงินได้ ที่เก็บบนฐานรายได้ต่อปี และ Capital Gains Tax หรือภาษีที่คิดจากกำไรจากการขายทรัพย์สิน
ภาษีความมั่งคั่งจึงถูกมองว่าเป็นเหมือนวิธีการเก็บภาษีแบบองค์รวมสำหรับความมั่งคั่งของแต่ละบุคคล
ครั้งหนึ่งภาษีความมั่งคั่งเคยได้รับความนิยมในยุโรป ก่อนที่จะเริ่มเสื่อมความนิยมลงไปในช่วงศตวรรษที่ 21 ท่ามกลางความสงสัยต่อประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีชนิดนี้
จนมาถึงในปี 2024 มีเพียงสวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ สเปน และไม่กี่ประเทศที่ใช้แนวทางการเก็บภาษีความมั่งคั่ง แต่ก็เริ่มมีหลายประเทศที่สนใจนำไอเดียนี้มาใช้กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโคลอมเบีย ที่ได้ประกาศจะเก็บภาษีความมั่งคั่งในปี 2022 และรัฐบาลสกอตแลนด์ก็เป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังศึกษาเรื่องนี้เช่นกัน
1
🔴คนรวยอาจหนี ถ้าถูกเก็บภาษีสูงไป
ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีชี้ว่า แม้ว่านโยบายการเก็บภาษีความมั่งคั่งที่มีการออกแบบมาเป็นอย่างดี บ่อยครั้งก็ยากที่จะบังคับใช้และนำไปปฏิบัติได้จริง เพราะมีข้อถกเถียงมากมายที่เกิดขึ้นว่าทรัพย์สินไหนควรจะถูกเก็บภาษี หรือใครควรจะมีหน้าที่ต้องจ่ายภาษีที่ถูกประเมินออกมา
2
นอกจากนี้ยังมีความกังวลว่า หากมีการเก็บภาษีความมั่งคั่ง ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดการอพยพถิ่นฐานในหมู่มหาเศรษฐีที่มีความคล่องตัวสูงไปยังประเทศที่เป็น Tax Haven หรือประเทศที่เก็บภาษีในอัตราที่ต่ำ
อย่างในปี 2022 เมื่อนอร์เวย์ขึ้นภาษีความมั่งคั่งกับประชาชนที่มีทรัพย์สินเกิน 20 ล้านโครน (1.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ก็ส่งผลให้้มหาเศรษฐรีหลายคนตัดสินใจย้ายไปสวิตเซอร์แลนด์
4
นอกจากนี้ยังมีความกังวลถึงต้นทุนของนโยบายการเก็บภาษีความมั่งคั่ง และประสิทธิภาพของการกระจายความมั่งคั่ง
3
เพราะจากข้อมูลชี้ให้เห็นว่าในประเทศที่มีการเก็บภาษีความมั่งคั่ง รายได้จากภาษีความมั่งคั่งนั้นคิดเป็นสัดส่วนที่น้อยมากๆ เมื่อเทียบกับภาษีทั้งหมด แล้วก็ไม่ค่อยจะเพิ่มขึ้นด้วยแม้เวลาผ่านไป
2
แต่ที่เพิ่มขึ้นแน่ๆ คือต้นทุนจากหน่วยงานที่จัดเก็บภาษี เพราะว่าจะต้องมีต้นทุนในการประเมินเพิ่มเติมอย่างแน่นอน
🔴เก็บคนรวย ช่วยคนจน…แก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมได้จริงหรือ?
1
ถึงอย่างนั้น ผู้ที่สนับสนุนแนวคิดการเก็บภาษีความมั่งคั่งก็มองว่ารายได้จากภาษีความมั่งคั่ง จะช่วยให้ช่องว่างของความมั่งคั่งลดลง
1
ข้อมูลจาก Oxfam ชี้ว่าความไม่เท่าเทียมกันของความมั่งคั่งทั่วโลก เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้
คนที่จนที่สุด 50% ของประชากรโลกทั้งหมด เป็นเจ้าของทรัพย์สินเพียง 2% เท่านั้น
ในขณะที่คนรวย 10% ถือครองสินทรัพย์ 76%
และในบรรดาคนที่รวยที่สุด 1% ถือครองทรัพย์สิน 2 ใน 3
1
ข้อเสนอนโยบายของไบเดน ที่จะคิดภาษี 25% ของทรัพย์สินที่มีมูลค่าเกินกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะช่วยให้เกิดรายได้ภาษีกว่า 500 พันล้านดอลลาร์สหรรัฐฯ ภายในระยะเวลา 10 ปี แล้วรายได้ส่วนนี้จะไปช่วยสนับสนุนงบการดูแลเลี้ยงดูเด็ก และเงินอุดหนุนการลาหลังคลอด ช่วยทำให้อัตราภาษีที่มหาเศรษฐี กว่า 1,000 คนของสหรัฐฯ ต้องจ่าย จากเดิมอยู่ที่ราว 8.2% ไปอยู่ที่ 25% ซึ่งใกล้เคียงกับที่แรงงานชาวอเมริกันส่วนใหญ่จ่าย
3
รายงานจาก Oxfam ยังชี้ให้เห็นว่า การเก็บภาษี 5% กับมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยมหาศาล และมหาเศรษฐฐี จะช่วยเพิ่มรายได้กว่า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี โดยเงินจำนวนนี้สามารถยกระดับชีวิตคนยากจนกว่า 2 พันล้านคน ให้หลุดพ้นจากเส้นความยากจนเลยด้วยซ้ำ
1
เวลาเราฟังเริ่มการเก็บภาษีคนรวยเพิ่ม หลายคนมักเผลอคิดไปเองว่าคนรวยคงจะไม่เห็นด้วย แต่อันที่จริงแล้วก็มีกลุ่มคนร่ำรวยที่สนับสนุนแนวคิดนี้เช่นกัน
โดยคนร่ำรวยที่สุด ซึ่งหนึ่งในนั้นประกอบไปด้วยทายาทของ Disney คือ Abigail Disney และ Brian Cox นักแสดงจากเรื่อง Succession ได้ตั้งตัวเป็นกลุ่มที่ชื่อว่า “Patriotic Millionaires” และสนับสนุนว่ามหาเศรษฐีควรจะต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงกว่า เพื่อเป็นการทำประโยชน์ต่อสังคมให้มากขึ้นและเป็นความภูมิใจของคนเหล่านั้น
2
ดังนั้นเราคงต้องติดตามดูกันว่า การเก็บภาษีความมั่งคั่งที่ว่า จะถูกนำไปบังคับใช้ได้จริงหรือไม่ และเมื่อบังคับใช้แล้ว จะเกิดประสิทธิภาพในการกระจายความมั่งคั่งได้แค่ไหน…
ผู้เขียน: ชนาภา มานะเพ็ญศิริ Economist, Bnomics
ภาพประกอบ : บริษัท ก่อการดี จำกัด
════════════════
▶︎ ติดตามช่องทางของ Bnomics ได้ที่
Website :
https://www.bnomics.co
Facebook :
https://www.facebook.com/Bnomics.co
Blockdit :
https://www.blockdit.com/bnomics
Line OA : @Bnomics
https://bit.ly/3eYkTJC
Youtube :
https://www.youtube.com/bnomics
Twitter :
https://twitter.com/bnomics_co
════════════════
คุณจะไม่พลาดทุกประเด็นเศรษฐกิจ จาก Bnomics
เพียงตั้งค่าที่เมนูมุมขวาบนเพจให้
เป็น "#Favourites" หรือ “#รายการโปรด”
แล้วทุกประเด็นเศรษฐกิจ จะเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
════════════════
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
════════════════
Reference
https://www.cnbc.com/2024/03/15/bidens-billionaire-tax-hits-the-super-rich-can-a-wealth-tax-work.html
ภาษี
ข่าวรอบโลก
เศรษฐกิจ
37 บันทึก
48
8
59
37
48
8
59
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย