29 มี.ค. เวลา 01:34 • ปรัชญา
มุมมองที่เราให้คนอื่น คำว่าคนอื่น คนไม่ใช่บุคคลทั่วไป ที่เกลื่อนทั่วไปหมด แล้วไม่ใช่มุมมองในเรื่องราวต่างๆไปทั่ว ในเรื่องที่เราก็ไม่รู้จริงไม่ถนัด แล้วที่เราจะให้มุมมอง ..ในเรื่องราวชีวิต ที่มีอุปสรรค อารมณ์โลภโกรธหลง มีดีใจเสียใจ เจ็บปวด ขาดกำลังใจ ซึมเศร้า มีกายที่ต้องหิวกระหาย มีอารมณ์ฟุ้งซ่าน อมทุกข์ อยากระบาย อึดอั้นตันใจ อะไรมากมาย อยู่ในคำว่า กายอารมณ์จิต เรื่องโลก เรื่องธรรม เรื่องกรรม ที่รวมกันอยู่ เกิดขึ้นในคำว่ากายวาจาใจ ชีวิตที่อาศัยชั่วขณะหนึ่ง
การที่เราให้มุมมอง ที่เราพอช่วยให้เค้่ามีสติ ทบทวน ตั้งสติ ..ไม่ตกในหลุมพรางของอารมณ์นั่น..มันเป็นเรื่องยาก ..มีใช่ว่า จะบอกกันได้ไปทั่ว ..บอกได้แต่ผู้ที่ มองดูแล้ว เค้าเป็นผู้ที่มีนิสัย มีความสนใจ ที่เข้าใจเรื่องจิตใจของตัวเอง มีนิสัยที่รู้จักกรรม พื้นฐานสนใจเรื่องสร้างบุญกุศลบารมี ..หากมีนิสัยที่แตกต่างกัน ..ก็ได้แต่อยู่เฉย ..เหมือนคนที่มุ่งมั่น..เสาะแสวงหาความร่ำรวย ยศฐานบรรดาศักดิ์ เค้ามุ่งมั่นไปทางนั่น ไม่ได้มุ่งมั่นที่จะไปลดละอารมณ์ ทำความเข้าใจในอารมณ์ที่เกิดขึ้นในตัวตน ..เราก็เงียบเฉย
คนที่เค้ามุ่งมั่น สร้างกรรม สร้างอารมณ์ มีตัวกระทำต่างๆเกิดขึ้นในจิตในใจของเค้า ..เค้าก็ไม่คิดจะแก้ไข ไม่คิดถึง เรื่องราวของกรรม ไม่คิดว่า วันหนึ่งจะต้องตาย จิตได้อะไรไป ต้องไปอยู่กับอะไร ..เราก็ต้องเฉย บางครั้งก็แค่พูดสะกิดนิดหน่อย ..เค้าไม่รู้จักคำว่าจิตของเค้าเลย ไม่รู้จักตัวเอง ว่าเกิดมาทำอะไร จะเอาอะไรไปกับจิต ..เราก็ต้องเฉย
บางครั้ง ก็เจอะคนรู้จัก รู้จักอ่านหนังสือธรรมมากมาย เค้าได้แต่รู้จักจำ แต่ไม่ลงมือปฏิบัติขึ้นมา เเล้วเค้าจะรู้จักของตัวเองอารมณ์ของตัวเองได้มั้ย เค้ารับรู้ด้วยตาดีหูดีจำดี รู้ให่เข้าๆในกายรับรู้ไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าจิตที่อาศัยกายเป็นอย่างไร รู้ได้แต่จำก็ไม่สวดมนต์ ไม่ทำบุญทำทาน สร้างกุศล
หรือบ้างก็ว่า ทำบุญที่ใจ . เรื่องพวกนี่ พอเราศึกษาปฏิบัติมากขึ้น รู้จักเรื่องอารมณ์กรรมตัวกระทำบ้าง รู้จักเรื่องราวพิษของการเดินทางของจิต ที่ไปยึดในสิ่งที่ไม่สมควรยึด เอามาทับถมจิตใจตัวเอง มันน่าสงสาร ..น่าจะบอก กล่าว
.. แต่นั้นแหละ จิตที่เหมือนปลาขาดน้ำ ..เค้าย่อมไม่ยินดี ที่จะฟัง .เค้าย่อมดิ้นรนทุราย กระเสือกกระสน..หาแหล่งน้ำ หล่อเลี้ยงชีวิต เค้ามีชีวิตไปตามสัญชาตญาณรักชีวิตตนนิสัยของตน. ไม่คิดที่จะจับตนค้นตน แก้ไขตนเอง คิดแต่อยากได้ อยากยึด อยากอ้อนวอน ..มันเป็นสภาพที่เห็นว่าตัวเองดีแล้ว แล้วจิตใจก็จมลงไปๆ โดยไม่รู้ตัว จมลงไปยึดความทุกข์ ให้จิตทุกข์ทรมาน
เราเจอพระ พระที่ว่า พอละ ..ท่านมีความปกตินิ่งเฉย ..แต่เวลาเราติดขัดในเรื่องราวการปฏิบัติ ถามปุ๊บ ท่านตอบปั๊บ ในเรื่องราวที่เรากำลังติดขัด .ว่าต้องทำอย่างไรต่อ..นั่นเป็นเรื่องการปฏิบัติฝึกหัดตัวเอง ..แล้วเราก็ไม่สามารถอ่านจิตท่านได้หรอก ..
โฆษณา