30 มี.ค. เวลา 15:01 • สุขภาพ

ตายดี ในแบบฉบับของอาม่าฉัน

อาม่าฉันเกิดเมืองจีน นั่งเรือหนีสงครามมาไทยตั้งแต่ยังเด็ก มีลูก 7 คน มีหลานเหลนมากมาย
1
อาม่าเลี้ยงฉันมาตั้งแต่เด็กๆ เรียกว่าอาม่าเลี้ยงลูกเอง 7 คน แล้วยังเป็นคนที่เลี้ยงหลานเองเกือบทุกคน
ความจำตั้งแต่เด็ก อาม่าเลี้ยงฉันมา ฉันกลับจากโรงเรียนอนุบาล จะกางโต๊ะกลางบ้าน ซึ่งเป็นบ้านตึกแถวเล็กๆ อาม่าจะมีขนมให้กิน ซึ่งมักเป็นถั่วเขียวต้มน้ำตาล ไม่ก็หมี่หวาน บางทีก็เป็นสาคูถั่วดำ เมนูอื่นจำไม่ค่อยได้ ชอบกินหมี่หวาน กินแบบเย็นก็ได้ ร้อนก็ได้
หลังกินขนมเสร็จ ฉันก็จะไปเล่นกับเพื่อนวัยไล่เลี่ยกันในซอย โดยยังไม่ทำการบ้าน ซึ่งต้องแอบหนีออกไปนะ เพราะระหว่างนี้อาม่ากำลังทำครัวเตรียมมื้อเย็นต่อไป บางวันก็เล่นจนเย็น อาม่าต้องเอาไม้เรียวไปไล่เข้าบ้านก็มี ฉันโดนตีก้นมาบ้าง จำไม่ได้ว่าทำอะไรผิดหรอก แต่เป็นส่วนน้อยมากกกกก ส่วนมากกเลยคืออาม่าจะเป็นคนใจดี เตรียมของกิน เตรียมอาหาร ซึ่งอาม่าทำอาหารอร่อยม๊ากกกกกกก
เด็กๆฉันโชคดี ที่โตมาบ้านอาม่า เพราะพอมีน้อง ป๊าม๊าก็แยกออกไปอีกบ้านนึง ซึ่งไกลโรงเรียน ฉันเลยได้นอนบ้านอาม่าต่อ ฉันนอนห้องเดียวกับอาม่า นอนข้างอาม่าเลย อาม่าสอนให้ประหยัด อดทน สอนให้ตั้งใจเรียน ให้รับผิดชอบต่อหน้าที่ และสอนให้ดูแลคนในครอบครัว พอมีเด็กเกิดใหม่ในตระกูล ก็จะมาอยู่กับอาม่าก่อน ฉันเลยได้มีโอกาสช่วยอาม่าร้องเพลงกล่อมน้องๆหลายคน
อ่อง อ๊องเอ อ่องกิมก๋องจอเหล่าเตีย ซึ่งก็คือเพลงกล่อมเด็กอมตะ ของคนแต้จิ๋ว
2
ฉันร้องได้ โดยไม่ต้องรู้ความหมาย เพราะร้องกล่อมน้องคนอื่น แทนอาม่า (ซึ่งโตมาถึงรู้ว่า เป็นเพลงที่ให้เด็กโตมาเป็นเจ้าคนนายคน)
ฉันรู้มาว่าตอนป๊าเด็กๆ ที่บ้านไม่ได้มีฐานะดี
ตอนพ่อฉันเด็กๆ อาม่ายังไม่มีเงินซื้อรองเท้าให้ป๊าใส่ไปโรงเรียนด้วยซ้ำ พอมีรองเท้า ก็มี 1 คู่ ต้องสลับกันใส่ระหว่างป๊า กับน้องชายป๊า จนเท้าป๊าแตกเลือดออกตั้งแต่เด็ก
1
อาม่ากับอากงขยันทำงานจนเก็บเงินซื้อบ้านได้ ฐานะครอบครัวก็ค่อยๆดีขึ้น
ตอนฉันเด็กๆตอนนั้น ป.1 ได้เงินไปโรงเรียน 2 บาทเพราะกินข้าวโรงเรียนอยู่แล้ว
บางทีก็ซื้อขนม บางทีก็อยากได้มากกว่านั้น ก็จะมาขออาม่า
อาม่า ขอเจ้กผวก แปลว่าขอบาทนึง อาม่าก็จะล้วงออกมาจากกางเกง หยิบให้ 1 บาท อาม่าก็จะถามว่าเอาไปทำอะไร ก็บอกว่าซื้อขนมบ้าง ไรบ้าง
อาม่าชอบเล่นไพ่ เล่นไพ่สมสิบ กินเงินกับลูกๆ ลูกเขย ซึ่งฉันก็จะเป็นทีมคอยเก็บเงิน ลุ้นให้อาม่าตลอด ถ้าอาม่าโชคดี วันนั้นฉันก็ได้ติ้บ ไปกินขนม
1
ฉันน่าจะเป็นหลานคนนึงที่ได้อยู่กับอาม่าเยอะมากๆเลย
จนโตขึ้นมา วัยรุ่นฉัน ซึ่งตอนนั้นเราย้ายบ้านแล้ว ฉันก็ยังชอบไปนั่งคุยกับอาม่า ชอบไปแหย่อาม่าเรื่อยๆ อาม่ายิ้มสวยมาก ยิ้มง่ายมากๆ ชอบเข้าบ่อน ไปเล่นรูเล้ต ชอบแทง 0 แทงเลขต่ำๆ ตลอด ฉันก็เป็นทีมคอยเก็บเงิน ว่าชิบให้อาม่า
พอฉันเรียนหมอ จบอายุรกรรม จำได้เลยว่าอาม่าอึเป็นเลือด ตอนนั้นวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ อาม่าก็ผ่าตัด ตอนนั้นเก่งมากๆ ผ่าวันเดียวก็เดินได้เลย (ตอนนั้นอายุ 84 ปีแล้ว) หลังผ่าตัดไม่นาน อาม่าก็เริ่มลืมบ่อยๆ
ตอนที่เริ่มเป็น dementia นั้น สิ่งที่อาม่ายังเหมือนเดิมคือ ห่วงลูกหลาน อาม่าจะถามเสมอว่า เจี๊ยบ่วย เจี่ยะมิไก้ไหม่ (แปลว่ากินข้าวยัง กินอะไรมั้ย)
อีกแป็บๆก็ถามใหม่…
1
ตอนนั้นฉันรู้แล้ว ว่าวันหนึ่งจะเกิดอะไรขึ้น
12 ปีที่อาม่าเป็น dementia อาม่ายังเป็นเหมือนเดิม คือยิ้มง่ายมากๆ วันไหนฉันเลิกเร็ว ก็จะพาอาม่าเดินในบ้าน
1
จนวันหนึ่ง สังเกตเห็นว่า อาม่าแรงน้อยมากๆ เดินไม่ไหวแล้ว ปวดเข่า ก็พาไปรักษาเข่าเสื่อม คุยกันถึงขั้นผ่าตัด วันนั้นอาม่ายังพอตัดสินใจอะไรได้เองบ้าง อาม่าก็บอกไม่ผ่าแล้ว เดินไม่ได้ก็รถเข็น ฉันได้โอกาสเลยคุยคต่อเรื่องต่อไปถ้ากินไม่ได้หล่ะ
อาม่าก็บอกว่า กินไม่ได้ ก็ฮอซี่เหลี่ยว แปลว่า ”ถ้ากินไม่ได้ ก็ตายได้แล้ว“
ฉันบอกว่า จริงๆกินไม่ได้ ก็ใส่สายยางให้อาหารได้นะ อาม่าก็ไม่ต้องกิน เดี๋ยวฉันจะเอาอาหารใส่สายยางต่อลงท้องได้เลย
อาม่าหันมาค้อน แล้วบอกว่า ไม่เอา อย่ามาทำแบบนั้น
แค่นี้ฉันก็รู้แล้ว ว่าอนาคตจะเป็นยังไง
ช่วงหลังอาม่าย้ายบ้านไปอยู่กับโซ้ยเจ็ก (หมออำนาจ ผอ.เอกชัย) ที่กระทุ่มแบน ซึ่งเป็นบ้านริมแม่น้ำ บรรยากาศดีมากๆ แล้วฉันก็อยู่กทมต่อไป ช่วงนี้เราเจอกันน้อยลงประกอบกับอาม่าลืมมากขึ้นตามตัวโรค จนหลังๆ อาม่าก็ลืมฉันบ้างบางที
แต่อาม่ายังจำลูกๆ หลานๆหลายคนได้ แต่ต้อง remind กันเยอะหน่อย
อาม่าไม่มีหงุดหงิดเลย เป็นคนแก่ dementia ที่เลี้ยงง่าย อารมณ์ดี ร้องเพลงจีนเก่าๆได้ โยกหัวตามเพลง
1
ฉันได้คุยกับลูกๆของอาม่า เพราะบ้านเราทำธุรกิจโรงพยาบาล การเข้าถึงการรักษานั้นเรียกว่าง่ายมากๆ อยากทำอะไร มีคนทำให้หมด ฉันจึงต้องบอกลูกๆทุกคน ถึงอนาคตการดำเนินโรคของอาม่า ซึ่งทุกคนเข้าใจ และเห็นตรงกันว่าเราจะไม่ใส่ท่อ ไม่ปั๊มหัวใจอาม่าแน่ๆ ส่วนเรื่องสายให้อาหารนั้น อาจจะยากที่จะทำให้เวลาเห็นอาม่ากินไม่ได้ แต่ฉันได้ยืนยันกับทุกคนว่าสายให้อาหาร เป็นสิ่งที่อาม่าไม่ต้องการ
1
อาม่ากินได้น้อยลงๆ มาประมาณปีกว่า ร่างกายช่วงนี้ก็ถดถอยลงตามเวลา จนเดือนนึง อาม่ากินได้น้อยมากๆ หลับเป็นส่วนมาก มีพาไปโรงพยาบาลครั้งนึงให้น้ำเกลือ ก็กลับมากินได้แว๊บๆ หลับสองวัน กินนิดๆ ได้ซักวันนึง เป็นอย่างนี้อยู่เกือบเดือน
ทุกคนกังวลแน่นอน ว่ากินไม่ได้ทำยังไง จะไปโรงพยาบาลให้น้ำเกลืออีกมั้ย ซึ่งช่วงนี้อาม่าแทบไม่ตื่นมาสบตา ไม่ตื่นมาสื่อสารแล้ว ฉันจึงบอกว่า อาม่าชอบอยู่บ้าน ไม่ชอบอยู่รพ. และนี้ก็เป็นการดำเนินโรคตามธรรมชาติแล้ว ลูกหลานทุกคนเข้าใจ อาม่านอนอยู่ที่บ้าน ลูกหลานผลัดกันไปอยู่ด้วย
จนวันหนึ่งดูการหายใจเริ่มเปลี่ยนไป ความดันต่ำลง ฉันจึงบอกให้เลิกวัดความดัน ฉันไปอยู่กับอาม่าเพื่อประเมินอาการไม่สุขสบายที่อาจจะเกิดขึ้น แต่เท่าที่ดูอาม่าดูสบายดี ไม่เหนื่อย ไม่ปวด ไม่ทุรนทุรายใดๆ อาม่าหายใจแผ่วลง และเริ่มไม่สม่ำเสมอ
ฉันส่งสัญญาณว่าเหลือหลักนาที ลูกหลานอยู่เต็มห้อง ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงเพลงเจ้าแม่กวนอิมเบาๆจาก notebook ข้างๆเตียง ทุกคนรู้ว่าต้องทำอะไร ไม่มีฟูมฟาย ทุกคนส่งพลังดีๆ สวดมนต์บ้างในใจ อาม่าหายใจอีก 5-6 ครั้ง ก็หยุด ทุกคนหันมาสบตาฉัน ฉันบอกว่าอาม่าหยุดหายใจแล้ว ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องคลำชีพจร ไม่ต้องฟังหัวใจ ให้อยู่ตรงนี้ส่งพลังดีๆต่อไป ทุกคนทำได้ดีมากๆ มีน้ำตาไหลแต่เป็นน้ำตาของความอาลัย ไม่มีรั้ง ไม่มีใครฟูมฟาย ไม่มีใครรบกวนร่างกาย ไม่มีเสียง monitor ปิ้ดๆ
ทุกอย่างคือสวยงาม สงบ และมีศักดิ์ศรีที่สุดแล้ว
1
ตั้งแต่อาม่าตัดสินใจการรักษาด้วยตัวเองไม่ได้ ไม่มีใครมาทำอะไรที่อาม่าไม่ต้องการกับท่านเลย
ฉันได้ทำหน้าที่หลานส่งอาม่าออกเดินทางได้สมบูรณ์แล้ว
แม้ลูกจะเป็นผอ.รพ.หนึ่ง หลานเป็นผอ.อีกรพ.หนึ่ง แต่อาม่าชอบอยู่บ้าน เราก็ดูแลให้ท่านได้อยู่บ้านตามที่ท่านต้องการ
1
อาม่าฉันช่วงท้าย ไม่มีเสมหะให้ต้องดูด ไม่มีเสียงน้ำลายดังคอกแคก ไม่มีอาการหอบเหนื่อยใดๆ ทุกอย่างสบายมากๆ น่าจะเป็นคนไข้ที่ตายสบายที่สุดคนหนึ่งที่ฉันเคยดูเลยทีเดียว
บางคนอาจจะคิดว่าการมีลูกหลานเป็นหมอ ต้องไปโรงพยาบาล
แต่ป่าวเลย อาม่าอยู่บ้านค่ะ ตามที่อาม่าประสงค์
การที่เราไม่ทำอะไร โดยเฉพาะสิ่งที่อาม่าไม่ต่องการ นั่นก็คือการรักษาแบบหนึ่งเหมือนกัน
อยากอาม่าฉัน ได้เป็นหนึ่งในตัวอย่างการจากลาที่สวยงาม
ไม่ได้บอกว่า ทำอะไรผิดหรือถูก เพราะเรื่องนี้ไม่มีผิดไม่มีถูกค่ะ แต่แชร์ในมุมของหลานที่เป็นหมอคนหนึ่ง ที่คิดว่าถ้าเรื่องของอาม่าเป็นประโยชน์กับใคร ก็ขอให้ผลบุญนั้น ส่งถึงอาม่าฉันด้วย ก็เท่านั้นเอง
โฆษณา