👉 Gen Y ไม่สนตำแหน่งผู้นำ เพราะขึ้นเงินเดือนให้น้อยนิด ไม่คุ้ม
คนทำงาน GenY ไม่สนใจงานบริหารจัดการคนอื่น แต่สนใจความก้าวหน้าส่วนบุคคล เช่น การเป็น Specialist ในสายอาชีพตัวเอง อ้างอิงจากงานวิจัยของ Washington Post ซึ่งแสดงให้เห็นว่า คำจำกัดความของความสำเร็จสำหรับ Gen Y ไม่ใช่การได้โปรโมทขึ้นเป็นตำแหน่งผู้นำ เช่น หัวหน้า ผู้จัดการ หรือผู้บริหาร เพื่อได้เงินเดือนที่มากขึ้น แต่ Gen Y ต้องการเป็นผู้เชี่ยวชาญในสายอาชีพมากกว่า
👉 Quiet Ambition คนทำงานต้องการ Work Life Balance
เทรนด์คนทำงานล่าสุดที่น่าจับตามอง Quiet Ambition คนทำงานไม่อยากเป็นหัวหน้า เพราะต้องเจอกับความเครียด ความกดดัน แต่ได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แลกกับเวลาส่วนตัวที่หายไป ทำให้รู้สึกว่า ถ้าต้องเจอแบบนี้ขอไม่เป็นดีกว่า ไม่คุ้ม!! สู้เอาเวลาไปพัฒนาตัวเอง ดูแลครอบครัวดีกว่า หรือที่เราพูดกันบ่อย ๆ ก็คือ Work Life Balance นั่นเอง
เทรนด์คนทำงานที่เกิดขึ้น มีโอกาสส่งผลให้คนทำงาน GenY เลือกงานมากขึ้น นายจ้างก็หาคนในตำแหน่งผู้นำยากขึ้นเช่นกัน เพราะ GenY ต้องการเวลาส่วนตัวมากกว่าตำแหน่งผู้นำท ซึ่งต้องใช้เวลาไปกับการบริหารจัดการคนอื่น ดังนั้น แม้เงินเดือนจะสูงกว่าตำแหน่งทั่วไป แต่ถ้าแลกกับเวลาส่วนตัวที่เสียไป ทำให้ขาด Work Life Balance อาจทำให้ GenY ไม่สนใจร่วมงานด้วย
👉 นายจ้างจะดึงดูดคนทำงาน Gen Y เข้ามาร่วมงานอย่างไร ?
ปัจจุบันหลายองค์กรก็ลดวันทำงานเหลือ 5 วัน ซึ่งก็ช่วยดึงดูดให้ GenY สนใจมากขึ้น แต่ช่วงก่อนหน้านี้โดยส่วนใหญ่ยังกำหนดวันทำงานไว้ 6 วัน ซึ่งหากจำเป็นสำหรับบางธุรกิจ หากเป็นไปได้ อาจปรับเปลี่ยนให้มีการทำงานแบบ Hybrid คือสามารถทำงานที่บ้าน (Work from Home) สลับกับเข้าออฟฟิศ (Work from Office) ยิ่งถ้าเป็นการทำงาน 5 วันด้วยก็ยิ่งดี หรือสำหรับบางตำแหน่งงานที่เหมาะสม (ขึ้นอยู่กับลักษณะงานและหน้าที่ความรับผิดชอบ) อาจกำหนดให้ทำงานที่บ้าน 100% ไปเลย จะช่วยให้ Gen Y สนใจร่วมงานมากที่สุดก็ว่าได้
👉 Work from Home ช่วยส่งเสริม Work Life Balance สู่ Work Life Harmony
การทำงานที่บ้าน เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้คนหางานมองข้ามเรื่องเงินเดือน นั่นคือ ยอมรับงานที่เงินเดือนน้อยกว่าเข้าออฟฟิศ เพราะไม่ใช่แค่ได้ Work Life Balance
แต่การทำงานที่บ้านจะทำให้ได้ Work Life Harmony รู้สึกได้ว่า เรื่องงานกับชีวิตผสมผสานไปด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะความเป็นจริง งานกับชีวิตไม่สามารถแยกออกจากกันได้อยู่แล้ว และหากองค์กรทำให้ Gen Y สามารถนำเรื่องงานกับชีวิตมารวมกันได้นอกจากจะช่วยให้เขามีเวลามากขึ้น ยังส่งเสริมให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้นด้วย
👉 หาคนทำงาน GenY ที่ตรงใจ ไม่ใช่เรื่องง่าย!!
อย่างไรก็ตาม การหาคนทำงาน โดยเฉพาะ GenY ที่มีแนวโน้มความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง เมื่อเทียบกับ Gen Baby Boomer และ Gen X ทำให้นายจ้างต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานที่ให้อิสระด้านเวลาแก่คนทำงานมากขึ้น แต่การคัดเลือกคนก็ต้องเข้มงวดมากขึ้นเช่นกัน