1 เม.ย. เวลา 11:09 • การศึกษา

ระวัง! ไมโครพลาสติก

อาหารในชีวิตประจำวันที่มีไมโครพลาสติกปนเปื้อน
ชีวิตของเราเต็มไปด้วยพลาสติก! รายงานฉบับล่าสุดแสดงให้เห็นว่าผักผลไม้ที่เราบริโภคในทุกวันนั้นปนเปื้อนไปด้วยไมโครพลาสติก ถึงเวลาแล้วที่เราเลิกใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกและสนับสนุนการวิจัยที่ว่ามลพิษพลาสติกส่งผลอย่างไรต่อสุขภาพ ยิ่งเราปล่อยเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่เราก็ยิ่งได้รับพลาสติกเข้าสู่ร่างกายมากเท่านั้น
1. ผักและผลไม้
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยคาทาเนียร์ ประเทศอิตาลี พบอนุภาคพลาสติกเล็ก ๆ ในผักและผลไม้เช่นแครอท ผักกาดหอม แอปเปิล และลูกแพร์
โดยพบอนุภาคพลาสติกสูงสุดในแอปเปิลเฉลี่ย 195,500 อนุภาคต่อกรัม ในขณะที่ลูกแพร์มีอนุภาคพลาสติกเฉลี่ยประมาณ 189,500 อนุภาคต่อกรัม บรอกโคลีและแครอทเป็นผักที่มีการปนเปื้อนมากที่สุดโดยเฉลี่ยมากกว่า 100,000 อนุภาคพลาสติกต่อกรัม
งานวิจัยสองชิ้นที่ตีพิมพ์ก่อนหน้านี้พบว่า ไมโครพลาสติกสามารถแทรกซึมเข้าไปในรากของผักกาดหอมและต้นข้าวสาลี ในขณะที่พลาสติกนาโนถูกดูดซับโดยรากพืช ผักและผลไม้สามารถสะสมไมโครพลาสติกได้ผ่านการดูดซึมจากน้ำหรือดินที่ปนเปื้อนไมโครพลาสติก
ซีออน ชาน ผู้ประสานงานรณรงค์ จากกรีนพีซ เอเชียตะวันออกกล่าวว่า “ทันทีที่เรากัดแอปเปิล ร่างกายจะรับไมโครพลาสติกไปพร้อมกัน เพื่อลดมลพิษพลาสติก บริษัทต่าง ๆ ควรลดการใช้พลาสติกและลดสร้างขยะในห่วงโซ่การผลิตของตน ซูเปอร์มาร์เก็ตก็เช่นเดียวกัน ยิ่งเราลดการใช้พลาสติกได้เร็วเท่าไหร่ พวกเราก็ยิ่งบริโภคไมโครพลาสติกน้อยลงเท่านั้น”
ผลกระทบที่เป็นอันตรายของมลพิษไมโคร
ผลกระทบที่เป็นอันตรายของมลพิษไมโครพลาสติกต่อสุขภาพของมนุษย์
ไมโครพลาสติกทำลายสุขภาพของสิ่งมีชีวิตในน้ำเช่น ความผิดปกติของลำไส้ในปลา ไมโครพลาสติกอาจมีสารเติมแต่งที่เป็นพิษและเป็นอันตรายต่อมนุษย์ สามารถยึดติดกับสารมลพิษอินทรีย์ (POPs) ที่คงอยู่เช่น สารกำจัดศัตรูพืช พลาสติไซเซอร์ (หรือ
สารเติมแต่งที่ใส่ลงในกระบวนการผลิตพลาสติกเพื่อทำให้มีคุณสมบัติเปลี่ยนไป) หรือ PEและ PP หากเรากินอาหารที่ปนเปื้อนพลาสติกหรือไมโครพลาสติกเข้าไป สุขภาพของเราก็จะได้รับความเสี่ยงตามไปด้วย
ทางออกของวิกฤติมลพิษพลาสติก
ทางออกคือ เราจะต้องลดใช้พลาสติก ปฏิเสธบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่เกินความจำเป็น และปฏิเสธพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งในชีวิตประจำวันของเรา ร้านค้าต่าง ๆ สามารถนำรูปแบบการยืม-คืนขวดพลาสติกมาใช้ หรือใช้ระบบรีฟิล ซึ่งก็คือ ผู้บริโภคสามารถนำขวดหรือบรรจุภัณฑ์มาเติมผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ได้เอง โดยการเพิ่มจุดการเติม (Refill Station)
ตามบริเวณของศูนย์การค้า หรือในร้าน
เราต้องการการมีส่วนร่วมของคุณในการลดหรือเลิกใช้พลาสติกในขณะที่ซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของเราเอง และร่วมกันผลักดันให้ผู้ผลิตมีความรับผิดชอบกับบรรจุภัณฑ์ของตนเองด้วยเช่นกัน
มนุษย์กินไมโครพลาสติก 5 กรัมต่อสัปดาห์
เมื่อปี พ.ศ.2563 ในงานศึกษาโดยองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล WWF ร่วมกับ มหาวิทยาลัยนิวคาสเซิลในออสเตรเลีย ทำการวิจัยหาปริมาณพลาสติกจากแหล่งธรรมชาติสู่วงจรบริโภคของมนุษย์ พบว่า
มนุษย์อาจบริโภคไมโครพลาสติกเข้าสู่ร่างกาย ในปริมาณกว่า 2,000 ชิ้น หรือ 5 กรัมต่อสัปดาห์ เทียบเท่ากับบัตรเครดิต 1 ใบ คิดเป็น 20 กรัมต่อเดือน 240 กรัมต่อปี ! การค้นพบครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้เกิดการศึกษา      ต่อยอดอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป เพื่อสร้างความเข้าใจและค้นหาความจริงถึงผลกระทบของพลาสติกที่มีต่อร่างกายและสุขภาพของมนุษย์
ปัจจุบันไมโครพลาสติกกลายเป็นปัญหามลพิษทางทะเลที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งทั่วโลก เนื่องจากไมโครพลาสติกมีขนาดเล็กมากทำให้ยากต่อการเก็บและกำจัด รวมถึงย่อยสลายได้ยาก เมื่อมีการระบายน้ำที่ผ่านการบำบัดน้ำเสียลงสู่สิ่งแวดล้อม ไมโครพลาสติกจึงสามารถปนเปื้อน แพร่กระจาย สะสมและตกค้างในสิ่งแวดล้อมได้ง่าย
โดยการแพร่กระจายของไมโครพลาสติกในสิ่งแวดล้อมพบได้ทั้งในน้ำจืด ตะกอนดินและในทะเล หากสิ่งมีชีวิตในทะเลกินไมโครพลาสติกเข้าไป ทำให้เกิดการสะสมในห่วงโซ่อาหาร (Food chain) และสามารถถ่ายทอดไปตามลำดับขั้นของการบริโภคอาหารในระบบนิเวศ ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพและการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต
ไมโครพลาสติก (Microplastics) คืออะไร?
ไมโครพลาสติก คือ อนุภาคพลาสติกที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร มักเกิดจากการย่อยสลายหรือแตกหักของขยะพลาสติกขนาดใหญ่หรือเกิดจากพลาสติกที่มีการสร้างให้มีขนาดเล็ก เพื่อให้เหมาะกับวัตถุประสงค์การใช้งาน ส่วนใหญ่มีรูปร่างทรงกลม ทรงรี เส้นตรงหรือบางครั้งมีรูปร่างไม่แน่นอน
ประเภทของไมโครพลาสติก สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
ไมโครพลาสติกปฐมภูมิ (Primary microplastic)
ไมโครพลาสติกปฐมภูมิ คือ พลาสติกที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาให้มีขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตรเพื่อการใช้ประโยชน์เฉพาะด้าน เช่น เม็ดพลาสติกที่นำมาใช้เป็นวัสดุตั้งต้นของการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก (Nurdle) เม็ดพลาสติกที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า เครื่องสำอางหรือยาสีฟัน ซึ่งมักเรียกกันว่า ไมโครบีดส์ (Microbeads)
หรือเม็ดสครับ ไมโครพลาสติกประเภทนี้สามารถแพร่กระจายสู่สิ่งแวดล้อมทางทะเลจากการทิ้งของเสียโดยตรงจากบ้านเรือนสู่แหล่งน้ำและไหลลงสู่ทะเล
ไมโครพลาสติกทุติยภูมิ (Secondary microplastic)
ไมโครพลาสติกทุติยภูมิ คือ พลาสติกที่เกิดจากกระบวนการสลายตัวของพลาสติกขนาดใหญ่จนกลายเป็นชิ้นส่วน (Fragment) เส้นใย (Fiber)
หรือแผ่นฟิล์ม (Film) ของพลาสติกที่มีขนาดเล็กลง กระบวนการสลายตัวของพลาสติกขนาดใหญ่ให้กลายเป็นพลาสติกขนาดเล็กนี้ สามารถเกิดได้ทั้งโดยกระบวนการย่อยสลายทางกล (Mechanical degradation) กระบวนการย่อยสลายทางเคมี (Chemical degradation) กระบวนการย่อยสลายทางชีวภาพ (Biological degradation) และกระบวนการย่อยด้วยแสง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรังสีอัลตราไวโอเลต (UV degradation)
ซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะทำให้สารแต่งเติมในพลาสติกหลุดออก ส่งผลให้โครงสร้างของพลาสติกเกิดการแตกตัวจนมีขนาดเล็ก กลายเป็นสารแขวนลอยปะปนอยู่ในแม่น้ำและทะเล
ผลกระทบต่อสุขภาพ
มีรายงานเกี่ยวกับผลกระทบต่อร่างกายในสัตว์ที่กินเม็ดไมโครพลาสติกเข้าไป เช่น การทำลายเนื้อเยื่อหลอดเลือดและมีผลกระทบต่อระบบหัวใจ
อีกทั้ง ยังมีรายงานเกี่ยวกับสารที่เป็นองค์ประกอบและพบการปนเปื้อนอยู่ในไมโครพลาสติกมักเป็นสารพวกโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAHs) โพลีคลอริเนตไบฟีนิล (PCBs) ดีดีที (DDT) และไดออกซิน ซึ่งเป็นสารพิษที่สามารถก่อให้เกิดมะเร็งได้ แต่ยังไม่มีรายงานว่า ไมโครพลาสติกก่อให้เกิดผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ จากการได้รับผ่านทางห่วงโซ่อาหาร แม้องค์การอนามัยโลก (WHO)
จะประกาศว่าไมโครพลาสติกที่รับเข้าสู่ร่างกายมนุษย์จะถูกขับออกผ่านการขับถ่ายได้ ปัจจุบันยังไม่พบอันตรายและยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติม แต่หากไมโครพลาสติกถูกขับออกไม่หมดและมีระดับที่เล็กลง ก็อาจคาดการณ์ได้ว่าไมโครพลาสติกสามารถส่งผลต่อมนุษย์ได้หลายประการในระยะยาว เช่น
* รบกวนฮอร์โมนในร่างกาย ไมโครพลาสติกมีสารที่เรียกว่า Bisphenol A (ฺBPA) เป็นส่วนประกอบของพลาสติก BPA อาจเข้าไปรบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อ มีผลกระทบกับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่คอยควบคุมการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อ BPA ยังอาจมีส่วนทำให้ฮอร์โมนเพศชายมีการเปลี่ยนแปลงได้ มีผลกระทบถึงการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศชาย
* เด็กมีพัฒนาการลดลง สาร BPA มีผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมองของเด็กที่อายุน้อยกว่า 5 ปี ทำให้ความจำและระบบประสาทลดลง
* ขัดขวางการทำงานของเส้นเลือด เนื่องจากหลายคนอาจรับไมโครพลาสติกเข้าไปมากกว่า 1 หมื่นชิ้นต่อปีจากการกินอาหารทะเลและดื่มน้ำจากขวดพลาสติก ไมโครพลาสติกซึ่งมีขนาดเล็กเท่าแบคทีเรียอาจเข้าสู่กระแสเลือดและปิดกั้นทางเดินเลือดได้ในที่สุด
* อาจเกิดโรคมะเร็ง หากไมโครพลาสติกฝังเข้ากับเนื้อเยื่อในร่างกาย อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง เพราะไมโครพลาสติกอาจปล่อยพิษหรือโลหะหนักที่ติดจากสิ่งแวดล้อมเข้าสู่เนื้อเยื่อ
* เป็นตัวกลางนำสารพิษ ไมโครพลาสติกมีคุณสมบัติที่สามารถดูดซับหรืออุ้มน้ำได้ จึงสามารถเก็บเอาสารพิษบางประเภท เช่น สารพิษในยาฆ่าแมลง DDT ในน้ำ กล่าวคือเมื่อไมโครพลาสติกยิ่งอยู่ในทะเลนานก็จะยิ่งดูดซับความเป็นพิษเอาไว้ ส่วนสัตว์เล็กในทะเลที่กินไมโครพลาสติกเข้าไปก็จะรับสารพิษนั้นเอาไว้ด้วย เมื่อคนนำมากินก็จะได้รับสารพิษตกค้างจากสัตว์เหล่านั้นเช่นกัน
อาจพูดได้ว่า ไมโครพลาสติกเป็นอันตรายเงียบ ที่เราต้องตระหนักและหาทางป้องกันโดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้มีการทิ้งขยะพลาสติกลงไปในทะเล โดยการลดการเกิดขยะพลาสติกเริ่มต้นได้ง่าย ๆ ที่ตัวเรา เช่น ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายที่มีส่วนผสมของไมโครบีดส์ ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งหรือคัดแยกขยะพลาสติกเพื่อนำไปรีไซเคิลใหม่อย่างถูกวิธี เป็นต้น
โฆษณา