2 เม.ย. เวลา 07:08 • ไลฟ์สไตล์
วิธีหนึ่ง ที่เค้าสอนให้เราลดละความอยากได้ อยากมี เราก็แบ่งปันเวลาที่เราสะดวก ไปนั่งหน้าพระ หน้าพระองค์น้อยๆของเรา ทำแทนน้อยๆที่เราบูชา ให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง เหมือนแทนพระอรหันต์ ไม่ต้องมีรูปเกจิอาจารย์ ไม่มีตะกรุด ผ้ายัง ไม่มีไอ้ตุ๊กตา ตัวเล็กตัวนเอยที่เค้าปลุกเสก ยัดเอาผีตายโหง ภูตผีปีศาจ จิตไม่มียบุญไม่มีที่อาศัย เค้าท่องเวทนมนต์ จับยัดเข้าไปในหุ่นตุ๊ดตา ..ให้เราไปหลงกราบไหว้ ยึกถือผี เราก็อย่าไปทำตัวทำตนแบบนั้น
เซ่นไหว้ น้ำร้อนน้ำชา น้ำเขียวน้ำแดง ..เราไปเลี้ยงผีแบบนั้นมผีมันหิวกระหาย เราก็ทะเยอทะยาน อยากได้หิวกระหาย เหมือนจิตเป็นร่วมวงเป็นพวกเดียวกับเปรตอสุรกาย ที่หิวกระหายไม่มีหยุดหย่อน ปากก็เล็ก แต่กินไม่รู้จักพอ ทะเยอทะยานอย่างนั้น ..ถึงรวย ยศศักดิ์ จิตมันหิวกระหาย ไม่หยุดหย่อน นั่งที่ไหน ก็คิดเวินคิดทอง ..ให้ร่ำรวย
แล้วจะใช้กายนี้นานเท่าไหร่ มีเงินมีทอง ก็ดีอย่าง มียาดีๆ มีหมอดีๆ จ้างเค้ามาดูแล เอามาไว้เฉือนตรงนั้น เติมแต่งเข้า เติมแต่งหนังตึงหน้าเอ็ง..แต่ก็ปรุงแต่งกิริยากายวาจาใจ .ของกายแก่ กายชราไปไม่ได้หรอก
เราทำให้แท่นที่เรากราบไกว้บูชา เป็นแท่นบริสุทธิ์ มีรูปพระพุทธองเดียวพอแล้ว พอเพียงแล้ว แล้วเราก็ไปกราบพระ เอาตังค์ที่เราหามาด้วยความเหน็ดเหนื่อย ลำบากกาย เราก็นำกาย .
มาแบ่งปัน แปรสภาพ ที่จิตเราใช้กายไปหามาไปหาปัจจัย เห็นวัตถุปัจจัยเป็นของสำคัญ กว่าจะได้ปัจจัยมาต้องใช้กายใช้อารมณ์อะไรบ้าง มีทุกข์อะไรเกิดขึ้นบ้าง
แล้วเมื่ออยากได้มาก กายที่เราอาศัยอยู่ ก็ถูกใช้ให้ไปเสาะแสวงหามา หาปัจจัยมาหล่อเลี้ยงสังขาร แล้วหากว่า เราทำเพื่อหล่อเลี้ยงยังขาร กายก็ไม่เดือดร้อน นั่นก็เพราเรายังมีความอยากอยู่ กายจึงต้องเหน็ดเหนื่อย ตามไปด้วย เรานำปัจจัยนั้นมาสร้างเป็นบุญให่เกิดขึ้น
ปัจจัยที่เรายึดถือ ก็มีอารมณ์อยากทะเยอทะยานซ่อนอยู่ในนั้น เราหยิบปัจจัยออกมาทำให้เป็นบุญ ก็เหม่่อเราได่ดึงอารมณ์อย่กนั่นออกไป กับวัตถุปัจจัยที่เราหามายึดถือ เราสร้างบุญกุศล อาศัยวัตถุ เราก็ปลดเปลื้องอารมณ์อยากต่างๆ ออกไปจากกาย ทำแบบไม่รู้สึกเสียดาย กายเราก็จะเบา จิตก็เบา เราทำได้บ่อยๆ อารมณ์อยากก็ลดลงไป เราก็ทำไปเรื่อยๆ ให้เกิดเป็นบุญกุศล พอจิตมีบุญบารมีเกิดขึ้น อารมณ์อยาก ก็ลดลงไปด้วย
โฆษณา