2 เม.ย. เวลา 07:49 • นิยาย เรื่องสั้น

เรื่องเล่าวันฝนตก#19

สาธิตกึ่งเดินกึ่งวิ่งฝ่าสายฝน พาตัวเองมาถึงใต้ชายคาตึกได้สำเร็จ เนื้อตัวเขาเต็มไปด้วยโคลนดินชุ่มน้ำฝน เมื่อหยุดยืนนิ่งๆ ก็รู้สึกได้ว่า กล้ามเนื้อที่น่องกระตุกสั่น รอบตัวมีกลิ่นความชื้นลอยเข้าจมูก
สาธิตรู้สึกหายใจติดขัด หากก้าวเท้าต่อไปคงจะไม่ไหว เลยทรุดตัวนั่งลงบนพื้นปูนตรงที่น้ำฝนสาดไม่ถึงเพื่อพักเหนื่อยสักครู่
เขาสูดหายใจ เข้า -ออกลึกๆ เพื่อเรียกความผ่อนคลายให้ใจจิตตัวเอง ตอนนี้ความคิดในหัวเต็มไปด้วยความสับสน ใจหนึ่งก็อยากจะหนีออกไปจากที่ตรงนี้ แต่ใจหนึ่งเขาเองก็คิดว่า ทุกคนในเหตุการณ์นี้เห็นหน้าเขาแล้ว หากหนีห่างไปจากที่ตรงนี้ โดยไม่รู้เรื่องราวว่ามันจบแบบไหน บางที เรื่องวันนี้อาจจะย้อนกลับไปหาเขาในอนาคตอีกก็เป็นได้ สาธิตคิดว่า ต้องเข้าไปเคลียเรื่องราวต่างๆให้จบ อย่างน้อยถ้าจะไปจากที่นี่ มันต้องไม่มีเรื่องค้างคามาถึงตัวเขา
เสียดายอย่างเดียว ปืนที่ตั้งใจจะเอาไปคืนน้องดอกจิก ดันอยู่ในรถคันนั้น แล้วในนั้นมันก็วุ่นวายมากเกินกว่าที่ตัวเขาเองจะเข้าไปข้องเกี่ยว ลำพังแค่การตกกระไดพลอยโจนจากเรื่องราว สองชายชุดดำ ป้าแกร็ปฟู้ด กำนัน คลังแสง และการส่งของ อะไรนั่นตั้งแต่เช้าจนมาถึงตอนนี้ สาธิตก็แทบจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว
สาธิตยอมแพ้ให้กับเรื่องรอบตัวที่ประดังเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว …เขาเลยพักเรื่องปืนไว้ตรงนั้นก่อน
สุดแล้วแต่มันจะเป็นไป สาธิตมักตัดบท ด้วยความคิดแบบนี้…ทุกครั้งที่เขามองหาหนทางข้างหน้าไม่เจอ บางที การพูดกับตัวเองว่า “ช่างแม่ง” หรือ “ไม่รู้ด้วยแล้วโว้ย” ก็คือการปล่อยอะไรต่อมิอะไรที่ยุ่งเหยิง ดำเนินไปได้ด้วยตัวของมันเอง
สาธิคคิดแบบนั้นแล้ว พ่นลมหายใจออก
เฮ้อ.ออออออ
เวลาเดินผ่านไปหลายนาที พร้อมกับกลุ่มเมฆสีดำบนฟ้า คลายตัวเป็นสีเทา เมื่อรู้สึกหายใจโล่งขึ้น สาธิตก็พร้อมไปต่อ…เขายันกายลุกขึ้น มุ่งตรงสู่ที่รวมพล สาธิตรู้สึกว่าตัวเองก้าวเท้าลำบากนิดหน่อย เพราะรองเท้าที่เปื้อนเศษโคลนดิน เหมือนฉุดเวลาให้เดินช้าลง มันชวนให้เขาลังเลและทบทวนสิ่งที่จะทำต่อไป.. แต่แล้วสาธิตก็สลัดมันออกแล้วเดินต่อ
เมื่อสาธิตมาถึงที่รวมพล ก็ไม่พบใครอยู่ที่ตรงนี้ รอบห้องนั้นว่างเปล่า
ครืน..น.นนนนน เสียงฟ้าร้องคำราม ลอดผ่านเข้ามาในห้องโถงแห่งนี้ มันสร้างความรู้สึกแปลกๆในใจสาธิต
เขาสังเกตุรายละเอียดโดยรอบ ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ หรือถ้ามี เขาอาจจะสังเกตุด้วยตาเปล่าไม่เห็น
แล้วทุกคนอยู่ที่ไหน…. สาธิตถามตัวเอง พร้อมกับมองไปทางเดิน สู่ห้องโถงอีกห้องที่ ป้าแกร็บฟู้ด เคยนั่งอยู่กับเด็กชายคนนั้น
สาธิตไม่รอช้า เขาเดินมุ่งตรงไปยังที่ตรงนั้น
เมื่อสาธิตมาถึง ก็พบกับความว่างเปล่า…. ทุกคนหายไปไหนหมดนะ
สาธิตถามตัวเองพร้อมกับความพยามเพ่งสายตาไปในที่ต่างๆทั่วบริเวณที่เขายืนอยู่
ครืน…น..นนนนนนนน เสียงฟ้าร้องคำราม และตามมาด้วยแสงของฟ้าแล็บที่ปล่อยออกมาพร้อมกัน แสงนั้นทำให้สาธิตมองเห็นสายตาของคนคนหนึ่งที่หลบอยู่ในมุมมืด….
สาธิตรีบพาตัวเองไปที่มุมนั้น แล้วเขาก็หยุดชะงัก ด้วยความลังเล
ตรงซอกตึก มีเสาใหญ่ แกนกลางของอาคารตั้งอยู่ มันมีขนาดกว้างพอที่คนคนหนึ่งจะแอบซ่อนตัวได้
แสงฟ้าแล็บนั้น ชวนให้เขาเห็นสิ่งมีชีวิตที่หลบอยู่ในมุมมืด
ต้องมีใครสักคนหลบอยู่ตรงนั้นแน่ๆ… สาธิตมั่นใจในสายตาตัวเอง แต่ก็มีคำถามแย้งขึ้นมาในหัวว่า… ถ้าคนคนนั้นหลบซ่อนอยู่ ทำไมเขาต้องหลบ หรือจะมีใครคนอื่นอีก ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องราวส่งของวันนี้
สาธิตไม่รอช้า พาตัวเองเข้าหาความสงสัยตรงที่เสาต้นนั้นตั้งอยู่ จนลืมความปลอดภัยของตัวเอง
แช่ะ… แสงจากไฟแช็คที่สาธิตจุดขึ้น สว่างว้าบราวสามวินาทีแล้วดับหายไป คงเป็นเพราะเนื้อตัวสาธิตเปียก ความชื้นเลยทำให้ไฟแช็คจุดติดได้ไม่นาน
สาธิตลองหมุนวงล้อเหล็ก จุดไฟแช็กอีกสองสามรอบ มันไม่ได้ผล
สาธิตคิดโกรธตัวเองที่ฝากกระเป๋าเป้ไว้กับหนึ่งในชายชายชุดดำ มือถือดันอยู่ในนั้นด้วย ถ้ามีมือถือน่าจะเปิดใช้โหมดไฟฉายได้
ความสลัวแผ่คลุมรอบพื้นที่เสาใหญ่แกนกลางตึก สาธิตยืนนิ่งปล่อยให้ดวงตาปรับม่านรับแสง จนในที่สุดเขาก็เห็นเงาของใครคนหนึ่งนั่งหลบอยู่ที่ตรงนั้น
ฮื้อ…ออออออ มีเสียงร้องออกมาจากที่ตรงนั้น …. ฮื้อ…… เมื่อสาธิตเดินเข้าไปใกล้ๆ จนเห็นภาพชัดขึ้น ลมหายใจถูกพ่นออกมาด้วยความโล่งอก เขาจำเสียงนี้ได้ เด็กชายตัวเล็ก ลูกกำนันนี่เอง
“ ไอ้หนู มานั่งทำอะไรตรงนี้.” สาธิตถาม
ฮื้อ..ออออ เด็กชายไม่ตอบ แต่ร้อง ฮื้อ…หนักขึ้น จนสาธิตต้องเข้าไปจูงแขนออกมาจากมุมมืด
“ป้าไปไหน ทำไมปล่อยให้อยู่ตรงนี้คนเดียว “ สาธิตถามเด็กชาย
ฮื้อ…ออออออออ ฮื้อ…. “ป้า บะ บะ บอกให้หลบอยู่ตรงนี้ ป้า บะ บอก ว่า ไปตามพ่อแป้ปเดียว เดี๋ยวมา แต่..แต่ ป้ากับพ่อไม่กลับมาเลย.ยยยยย ฮื้อ..ออออออ " เด็กชายยอมเปิดปากบอกสาเหตุ แต่สาธิตยังสงสัยติดในใจ เพราะปรกติเด็กชายมีทีท่าเก่งกาจไม่กลัวสิ่งรอบตัว เด็กคนนี้น่าจะมีความกล้าพอเดินตามหาพ่อและป้า แต่ทำไมมานั่งร้องไห้ในมุมมืดแบบนี้
“อ้าว..แล้วทำไมไม่ลองตามหาป้ากับพ่ออ่ะ นั่งร้องไห้ทำไม “ สาธิตถามนำความที่สงสัย หวังว่า เด็กชายจะตอบอะไรกลับมาบ้าง แต่…ผิดคาด เด็กชายตัวน้อยนั่งนิ่ง กลืนก้อนสะอื้นลงลำคอ ยกมือเช็ดน้ำตาตัวเอง ทรวงอกกระเพื่อมขึ้ยลงด้วยแรงสะอึก
สาธิตปล่อยช่วงเวลาให้เด็กชายได้ผ่อนคลาย ด้วยการนั่งลงใกล้ๆ แล้วใช้ความเงียบ เยียวยา
เวลาเดินผ่านไปชั่วฟ้าร้อง สอง สาม ครืน.นนนนน…. เด็กชายก็เปิดปากพูดความจริงผ่านความรู้สึกเล็กๆที่กระทบใจเมื่อหลายนาทีที่ผ่านมา
“ ป้าหยิกผม….แล้วบอกว่า ถ้าผมตามไป พ่อจะไม่กลับมา ผมกลัว…. “ ในที่สุดเด็กชายก้บอกความจริง เป็นแบบที่สาธิตสงสัยจริงๆ ด้วย
“เจ็บมั้ย ถูกหยิกตรงไหน “สาธิตถาม เด็กชายพยักหน้า พร้อมกับยก แขน และขาให้ดู
ผิวของเด็กชายมีรอยเล็บ จิกลึกลงไปในหนังกำพร้า แม้ยามนี้ไม่มีเลือดซึมออกมาให้เห็น แต่สาธิตก็ประเมินบาดแผลได้ว่า…. เด็กชายคงเจ็บน่าดู และป้าแกร็บฟู้ดคงจะทำด้วยแรงจากอารมณ์ในใจที่ขุ่นเคืองแน่ๆ
สาธิตนั่งคิด เขาไม่รู้จะไปต่อยังไง จะพาเด็กไปที่ไหนดี จะออกตามหากลุ่มกำนัน ป้าแกร็บฟู้ด และคนที่เหลือยังไง เพราะสาธิตเริ่มรู้สึกได้ว่า เหตุการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่นี้ เริ่มจะไม่ธรรมดาและมีลับลมคมในซ่อนอยู่ และอาจเป็นไปได้ว่า…น่าจะมีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกในใจที่ต้องรับผิดชอบเด็กชายที่ไม่ควรมารับรู้ความรุนแรงของผู้ใหญ่ ทำให้สาธิตต้องวางแผนให้ดี
จึ๊ก!!!!! … ยังไม่ทันที่สาธิตจะคิดแผนการณ์ออก เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ไหล สาธิตรู้สึกว่า มีอะไรบางอย่างไหลเข้าสู่ร่างกาย แล้วความง่วงก็เข้าครอบงำ
ภาพสุดท้ายก่อนที่เปลือกตาจะปิดลง เขามองเห็นเด็กชายล้มพุบลงที่พื้นพร้อมกันกับเขา…
ใครหนอช่างโหดร้ายทำกันได้ขนาดนี้… สาธิคคิดคำนึงก่อนที่ โลกทั้งใบจะมืดดับลง
โฆษณา