3 เม.ย. เวลา 14:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

บุคลิกแบบฉันควรลงทุนยังไง?

เปิดเคล็ดลับเข้าใจวิธีลงทุนตามรูปแบบ MBTI เพื่อให้ตรงกับลักษณะนิสัยของตัวเอง
MBTI (Myers-Briggs Type Indication) เป็นแบบทดสอบประเภทบุคลิกภาพ ตามทฤษฎีทางจิตวิทยาที่เราสามารถทดสอบได้ด้วยตัวเอง​ เพื่อให้เราสามารถเข้าใจตัวตนของเรา (รวมไปถึงคนรอบข้างด้วย)
ซึ่งอันที่จริงแล้ว MBTI เกิดขึ้นโดยบังเอิญ จากการพัฒนาร่วมกันระหว่างแม่กับลูกสาว แคธารีน บริกก์ส (Catharine Briggs) และ อิซาเบล มายเยอร์ส (Isabel Myers) เมื่อวันหนึ่งอิซาเบลพาแฟนมาที่บ้าน ซึ่งเขาจะมีมุมมองที่แตกต่างจากครอบครัวของพวกเธอไปอย่างสิ้นเชิง แคธารีนจึงเริ่มสงสัยและอยากรู้ว่าคนเราทำไมนิสัยถึงต่างกันขนาดนี้ (ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 แล้ว)
หลังจากนั้นก็กลายเป็น MBTI โปรเจกต์ระยะยาวที่ส่งต่อกันมานานหลายสิบปี และกลายเป็นหนึ่งในแบบทดสอบประเภทบุคลิกภาพที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทุกวันนี้
‘พัคจงซอก’ จิตแพทย์เจ้าของ "คลินิกนักลงทุน" ผู้โด่งดังในเกาหลีใต้ ที่ดูแลบำบัดคนเล่นหุ้นที่พลาดพลั้งเพราะอารมณ์มานานกว่า 10 ปี เขียนไว้ในหนังสือ “เล่นหุ้นให้รวยกำไรอย่าใช้ใจนำสมอง” ว่าเขาเคยได้รับคำถามว่า “MBTI ที่เหมาะกับการลงทุนในหุ้นคืออะไร?”
สำหรับเขาแล้วซึ่งเป็นจิตแพทย์ก็รู้สึกว่า MBTI นั้นไม่สามารถบอกลักษณะนิสัยของมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ “การแบ่งนิสัยของมนุษย์ที่ตรวจสอบยาก แถมยังลึกลับซับซ้อนไม่ต่างจากทะเลลึก เป็น 16 ประเภท ถือว่ามีขีดจำกัดและไม่สมเหตุสมผล”
แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ยอมรับว่าแบบทดสอบนี้สามารถแบ่งนิสัยของคนได้มาก แม้จะไม่สมบูรณ์ก็ตาม
[[ #MBTI_กับการลงทุน ]]
เคยมีคำกล่าวที่ว่า “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง”
สนามลงทุน ก็ไม่ต่างจากสนามรบ แม้เข้าใจว่าตลาดทำงานยังไง อ่านงบการเงินได้ หาราคาที่เหมาะสม รู้จุดเข้าออกเป็น แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของศึกเท่านั้น เราต้องรู้จักตัวเองด้วยว่าเราเป็นคนยังไง จุดแข็งที่จะพาเราไปสู่เป้าหมายคืออะไร จุดอ่อนอยู่ตรงไหนป้องกันยังไงให้เจ็บน้อยที่สุด
“ก่อนจะตั้งคำถามว่า ‘ถ้าอยากเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ จะต้องทำยังไง’ จำเป็นต้องถามตนเองก่อนว่า ‘ฉันเป็นคนยังไง’” พัคจงซอกกล่าว
[สำหรับคนที่ยังไม่เคยทดสอบ ลิงก์ไปแบบทดสอบแนบไว้ในอ้างอิง ใช้เวลาประมาณ​10 นาที]
MBTI แบ่งย่อยเป็น 4 ตัวชี้วัด ได้แก่
1. เป็นคนชอบเข้าสังคมหรือเปล่า Extroverts (E) หรือ เป็นคนเก็บตัวหรือเปล่า Introverts (I)
2. ใช้เหตุและผลตัดสินใจหรือเปล่า Sensors (S) หรือ ใช้สัญชาตญาณตัดสินใจหรือเปล่า Intuitives 👎
3. ให้ความสำคัญกับการคิดพิจารณาหรือเปล่า Thinkers (T) หรือ ให้ความสำคัญกับความรู้สึกหรือเปล่า Feelers (F)
4. ให้ความสำคัญกับการตัดสินชี้ขาดหรือเปล่า Judgers (J) หรือ ให้ความสำคัญกับความเข้าใจหรือเปล่า Perceivers (P)
หลังจากได้ดัชนีทั้ง 4 อย่างตามคำตอบของตนเองแล้ว (ยกตัวอย่าง ENTP, ISFJ ...) จะได้ลักษณะนิสัยทั้งหมด 16 ประเภท เพื่อให้เข้าใจว่าเรามองและตัดสินใจคนอื่นหรือสิ่งอื่นอย่างไร เป็นแบบทดสอบที่แสดงให้เห็นว่า “เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์หนึ่ง มนุษย์เลือกที่จะคิดและปฏิบัติตัวเช่นไร” นั่นเอง
[E] ชอบเข้าสังคม : จุดโฟกัสของความสนใจและพลังงานจะอยู่ภายนอกการสื่อสารกับคนอื่นเป็นเรื่องสำคัญ เกณฑ์การตัดสินใจมักอยู่ภายนอกและทุ่มเทให้กับการสั่งสมคุณสมบัติหรือคุณค่าที่คนอื่นยอมรับมากกว่าความพึงพอใจของตนเอง
[I] ชอบเก็บตัว : สนใจความคิดหรือแนวคิดภายในตนเองมากกว่าการสื่อสารกับคนอื่น มักครุ่นคิดพิจารณาและทบทวนถึงความรักใคร่ที่มีต่อพ่อแม่และอดีตของตนเอง ไม่ได้ถึงขนาดหลีกเลี่ยงที่จะสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น เพียงแต่รู้สึกสบายใจเวลาอยู่คนเดียวมากกว่า
1
[S] ใช้เหตุและผลตัดสินใจ: มักยอมรับและเชื่อแต่ข้อมูลที่เห็นกับตาและได้ยินกับหูตนเองเท่านั้น ระมัดระวังและละเอียดถี่ถ้วน ยึดกระบวน-การและขั้นตอนเป็นหลัก แล้วค่อยๆ ดำเนินงานทีละขั้น สุขุมรอบคอบและมองสิ่งต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรม
[N] ใช้สัญชาตญาณตัดสินใจ: มักตัดสินใจตามสัญชาตญาณและลางสังหรณ์ แม้บางครั้งจะมีคนบอกว่าแปลกประหลาดหรือมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่มักให้ความสำคัญกับเส้นทางใหม่ มีความคิดสร้างสรรค์และคิดถึงอนาคต ชอบการผจญภัย บางครั้งก็กระโดดไปลงทุนหรือทำ ธุรกิจแบบไม่ยั้งคิดและให้ความสำคัญกับการอ่านข้อมูลให้ออกและหาความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลต่าง ๆ
[T] ให้ความสำคัญกับการคิดพิจารณา: มักวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อมูลบนพื้นฐานของเหตุผลและเป็นรูปธรรม ก่อนจะสรุปเป็นผลลัพธ์ที่สมเหตุสมผล ตัดสินใจตามการคิดคำนวณหรือตัวเลข
[F] ให้ความสำคัญกับความรู้สึก: มักสนใจความรู้สึกที่ทำให้เกิดการกระทำต่าง ๆ มากกว่าผลลัพธ์ รวมถึงความสัมพันธ์ที่เกิดจากการกระทำ นั้นด้วย
[J] ให้ความสำคัญกับการตัดสินชี้ขาด: เวลาวางแผนและดำเนินงาน มักตั้งภาพใหญ่ก่อน แล้วค่อยดำเนินงานอย่างเป็นระบบ มักแสวงหาความแน่นอน โดยควบคุมตัวแปรและทิศทางที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่คอยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
[P] ให้ความสำคัญกับความเข้าใจ: มีความยืดหยุ่นเล็กน้อย มักจัดการและปรับตัวไปตามสถานการณ์ มากกว่าพยายามควบคุมชีวิตตนเองอย่างเคร่งครัด หรือทะยานไปข้างหน้าอย่างเดียว
[[ ##ตีความ_MBTI_และสิ่งที่ต้องระมัดระวังตามรูปแบบต่างๆ ]]
#ESTJ : รูปแบบที่เหมาะกับการลงทุนมากที่สุด ละเอียดรอบคอบ คิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล รับฟังผู้อื่น ชอบหุ้นมั่นคง แต่บางครั้งก็อยากลองเสี่ยง โดยรวมถือว่าสมดุลที่สุด
#ESTP : แม้จะอ้างอิงพื้นฐานข้อมูลและสถิติ บางครั้งก็เสี่ยงไปลงทุนในหุ้นตามคนอื่นบ้าง แม้จะมีหลักการ แต่บางครั้งก็เสี่ยงตามอารมณ์ หรือลงทุนในรูปที่ต่างออกไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
#ESFJ : ไหวพริบดีเป็นเหตุเป็นผล เข้ากับคนได้ง่าย โดดเด่นในกลุ่ม แม้รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น แต่ด้วยความเป็นคนหัวรั้น จึงยึดติดกับการลงทุนในหุ้นหมวดใดหมวดหนึ่งนานเกินไปได้
#ESFP : ละเอียดรอบคอบ รักอิสระ มักค้นหาหุ้นที่คนอื่นไม่รู้จัก มีความดื้อรั้น เลือกเดินเส้นทางที่ต่างจากคนอื่น เห็นหุ้นขึ้นก็จะสนใจกระแสตรงข้าม เมื่อราคาลงก็เข้าซื้อโดยไม่รีรอ
#ENTJ : แม้มีเหตุมีผล แต่ด้วยความอยากก้าวหน้า เป็นที่ยอมรับ จึงค่อนข้างหูเบา มักอิจฉาคนที่ได้กำไรมาก หลายครั้งรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อย แม้เข้าใจสถานการณ์ดี แต่มักทำพลาดเพราะอยากทำกำไรมากกว่าเดิม
#ENTP : มีเส้นทางและทางเดินของตัวเอง มีความเป็นตัวเองสูง ไม่ชอบเสียงบ่นหรือคำแนะนำ หัวแข็ง ทำตามอารมณ์อยู่เสมอ บางครั้งก็ขลาดกลัว แต่บางครั้งก็อยากเป็นฝ่ายรุก แล้วมักเสียใจภายหลัง เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจจึงควรครุ่นคิดให้ดีสักหน่อย
#ENFJ : มักสงสัยในข้อมูลที่ได้มา และซื้อหุ้นด้วยอารมณ์ จากนั้นก็มานั่งเสียใจทันที ขาดความเชื่อมั่นและแน่นอนในตัวเอง บางครั้งขายหุ้นที่เพิ่งซื้อมาวันนั้นตอน 11 โมง พอเห็นราคาวิ่ง ก็สติหลุดเข้าไปซื้อใหม่ ซื้อขายอย่างตื่นตระหนกอยู่เสมอ
#ENFP : รูปแบบนี้การลงทุนหุ้นต้องระวัง เพราะจะเล่นเหมือนพนัน เป็นคนเสเพลวางก้ามทำตามอารมณ์ แม้ล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่มักคิดว่าเป็นเพราะดวงไม่ดี
#ISTJ : คิดอยากจะลงทุนที่ได้กำไรแน่นอนหรือแสวงหาความมั่นคงจนเกินไป ยึดติดกับผลงานหรืองบการเงินมากเกินไป และจะไม่แตะหุ้นที่เสี่ยงเลย (แม้จะมีโอกาสในการเติบโต)
#ISTP : สุขุมรอบคอบ ปกติมักลงทุนปลอดภัยและปริมาณน้อย แต่บางครั้งก็ลงทุนก้อนใหญ่แบบหมดหน้าตักไปกับหุ้นหนึ่งหรือสองหมวดที่ดูไม่มีความเป็นไปได้เลย
#ISFJ : ไม่ค่อยสนใจการลงทุนในหุ้น ชอบเงินฝากหรือออมเงินมากกว่า ไม่ค่อยโลภมากและมีความอิสระในตัว เวลาเห็นคนได้กำไรจากหุ้นก็จะบอกตัวเองว่า ‘เราไม่ถูกกับหุ้น’
#ISFP : แม้จะคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล แต่ก็มักหวั่นไหวตามความรู้สึก คนที่ประสบความสำเร็จรอบตัวมีอิทธิพลต่อความคิด มักลงทุนช้าหรือรอฟังคำแนะนำจากคนอื่นก่อน มักเข้าไปในราคาที่สูงแล้ว
#INTJ : จ้องมองโอกาสอย่างใจเย็น พอสบโอกาสก็ลงทุนแบบไม่ลังเล ปัญหาคือ ลงทุนน้อยหรือไม่ก็พอราคาเริ่มขึ้นก็รีบขายเอากำไร ทนสถานการณ์อึดอัดใจไม่ได้
#INTP : จ้องมองโอกาสอย่างใจเย็น แต่พอได้โอกาสกับลังเล คิดเยอะ ตัดสินใจไม่ได้ ลงทุนด้วยจินตนาการ พอเห็นหุ้นตก ก็คิดในใจ “เห็นไหมล่ะ ถ้าซื้อนี่เป็นเรื่องแล้ว” แต่พอเห็นหุ้นขึ้นก็จะคิดว่า “ก็ไม่ได้คิดจะซื้อเยอะอะไรขนาดนั้น”
#INFJ : บางครั้งก็ทิ้งสิ่งที่คิดมานานไปเลย ชอบแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ชอบความมั่นคงและไม่ยอมแบกรับความเสี่ยง ความขี้กังวลและความไม่สบายใจทำให้คิดลงทุนในระยะยาว แต่สุดท้ายทำไม่ได้และตัดสินใจขายทิ้งกลางทาง
#INFP : คล้ายกับ ENFP แต่ลักษณะจะไม่ได้มีความต้องการเป็นที่ยอมรับหรือขี้อวดมากนัด ไม่ค่อยลงทุนมาก แม้ ENFP จะอันตราย แต่บางทีก็ได้เงินก้อนใหญ่ สำเร็จไปเลย ส่วน INFP จะไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นและน่าจะเป็นประเภทที่เลวร้ายที่สุดในการลงทุน
แน่นอนว่าการแบ่งประเภทเหล่านี้ช่วยให้เราเห็นภาพชัดขึ้น เข้าใจตัวเองมากขึ้น ว่าเรามีจุดแข็งจุดอ่อนตรงไหนบ้าง แต่สิ่งที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ เพราะถ้าเรารู้แล้วว่าลักษณะนิสัยเราเป็นยังไง ก็ค่อยๆ หาวิธีแก้ไป เพื่อให้เราเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จได้มากขึ้นด้วย
- โสภณ ศุภมั่งมี
อ้างอิงจากหนังสือ : เล่นหุ้นให้รวยกำไรอย่าใช้ใจนำสมอง
#aomMONEY #MBTI #Investment #ลงทุน #ลักษณะนิสัย #บุคลิก #การเงิน
โฆษณา