5 เม.ย. เวลา 02:35 • ท่องเที่ยว

ประสบการณ์แผ่นดินไหวครั้งประวัติศาสตร์ที่ไต้หวัน

ผมเป็นนักศึกษาเรียนอยู่ที่ประเทศไต้หวัน ซึ่งวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมานี้พวกเราได้มีทริปท่องเที่ยวต่างจังหวัด ซึ่งปลายทางอยู่ที่จังหวัดฮวาเหลียน (Hualien) ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ด้านตะวันออกของไต้หวันและยังติดทะเล จังหวัดนี้ผู้คนมักมาท่องเที่ยวธรรมชาติ มีทั้งหุบเขาทาโรโกะ (Taroko) ที่สลับซับซ้อน สูงตระหง่าน และยังมีชายหาดหินกรวดและน้ำทะเลสีฟ้าสดใสที่สวยงามติด Top 5 ของไต้หวัน
พวกเรากินเที่ยวดื่มกันอย่างสนุกสุดเหวี่ยง โดยที่ลืมไปเลยว่าวันนี้มันวันเมษาหน้าโง่นี่นา...
วันที่ 2 เมษายน เรายังคงกินเที่ยวดื่มอย่างสุดเหวี่ยง มีกิจกรรมล่องแก่งความยาว 24 กิโลเมตร ใช้เวลาล่องทั้งหมดประมาณ 4 ชั่วโมงเห็นจะได้ ความพีคคือ แพเราติดโขดหินหลายรอบ (เพราะความไม่สามัคคี555) จนมีครั้งนึงต้องปีนขึ้นไปบนโขดหินตรงกระแสน้ำเชี่ยวกราดที่ดูจะอันตราย มีคนลื่นตกลงไปในน้ำจนหัวเกือบฟาดกับโขดหิน ความตายมันช่างใกล้ตัวกับเราเสียจริง
คืนวันที่ 2 นี้เราดื่มฉลองกันตามประสาวัยรุ่นวุ่นรักเหมือนเดิม โดยใครจะไปรู้ว่าพรุ่งนี้จะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น...
และก็มาถึงเช้าวันที่ 3 เมษายน ผมกับเพื่อนตื่นกันประมาณ 7 โมงเช้า อาบน้ำแปรงฟันเตรียมลงจากโรงแรมชั้น 8 ไปสวาปามบุฟเฟต์อาหารเช้าที่ล็อบบี้ชั้น 1
ในใจผมก็คิดว่าพักโรงแรมวันสุดท้ายแล้ว จะกินจัดหนักไปเลย แล้วจากนั้นก็จะไปเที่ยวสวนสนุกกันต่อ ปิดวันให้สวยงาม ผมเหลือบมองไปที่หน้าต่าง ท้องฟ้าวันนี้ช่างแจ่มใส ผมคิดกับตัวเอง วันนี้ต้องสนุกแน่ ๆ
ผมทิ้งตัวนอนเล่นโทรศัพท์บนเตียงตอนเกือบ 8 โมง สักพักมีความรู้สึกสั่น ๆ เสียงครืน ๆ เกิดขึ้น ตอนนั้นความคิดแรกในหัวที่เกิดขึ้นคือ โรงแรมซ่อมอะไรแต่เช้า หลังจากความคิดนั้นไม่กี่วินาที มันสั่นแรงขึ้น ห้องเหมือนมีคนมาเขย่าแรง ๆ ใจผมเริ่มเต้นแรง แต่มันก็ยังไม่แรงเท่าความสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้น ผมลุกขึ้นจากเตียงด้วยความตกใจ ตอนนั้นยืนแทบจะไม่อยู่แล้ว ความคิดที่สองตามมา แผ่นดินไหวหรือเปล่าวะ!
แต่ความคิดของคนเรามันช่างแปลก ทั้งที่เราเห็นและรับรู้เหตุการณ์รอบตัวว่ามันผิดปกติสุด ๆ แต่มันยังมีความคิดที่ผุดขึ้นมาไม่ให้เรายอมรับความจริงที่อยู่ตรงหน้า ความคิดนั้นมันตอบกลับมาว่า แผ่นดินไหวอะไรจะเกิดกะทันหันและรุนแรงแบบนี้... ช่างเป็นความคิดที่ไร้ตรรกะเสียจริง
แต่สิ่งจริงเสียยิ่งกว่าความคิดเหล่านั้นคือ...ความกลัว มันเป็นความกลัวชนิดที่คนเราไม่ได้พบเจอกันง่าย ๆ หรือเห็นได้ชัด ๆ ความกลัวที่คนเราพยายามกลบฝังมันให้ลึกที่สุด มันกลับผุดขึ้นมา ซึ่งก็คือ ความกลัวตาย
ต่อให้เราจะคิดอะไรมากมายเพียงใด แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันชัดเจนเสียจนต้องทำอะไรสักอย่าง ผมบอกตัวเองให้เชื่อสิ่งที่แย่ที่สุดที่อาจเกิดขึ้น นั่นคือแผ่นดินไหวรุนแรงและอาจทำให้ตึกถล่ม (เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นประโยชน์ของความคิดลบ555) ผมรีบกระโดดไปหลบที่มุมห้อง พร้อมตะโกนบอกเพื่อนให้หามุมหลบหรือไปหลบใต้โต๊ะ เพราะเคยอ่านหนังสือการ์ตูนเอาชีวิตรอดมาเยอะสมัยวัยเด็ก
หากคิดดูดี ๆ เหตุการณ์ที่ผมกำลังเผชิญ เราไม่ได้จะตายเพราะแผ่นดินไหวหรอก เราตายเพราะสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นย้อนมาทำลายเราเอง นั่นคือ ตึกถล่ม
1
แผ่นดินไหวกินเวลาประมาณ 1 นาทีกว่า ความแรงที่ 7.5 ริกเตอร์ ซึ่งเป็นความแรงที่อาจเกิดสึนามิได้ มีความคิดผุดขึ้นมาในหัวผมมากมาย เช่น เราจะตายไหม ตึกจะรับแรงไหวหรือเปล่า เพดานจะถล่มลงมาใส่หัวไหม เพื่อนเราทำอะไรอยู่ เราควรคิดอะไรควรรู้สึกยังไง ทุกอย่างดูปั่นป่วนไปหมด
หลังจากนั้นไม่นาน แผ่นดินไหวเริ่มเบาลง เราเริ่มใจชื้นขึ้นกันมาบ้าง และรีบเก็บของสัมภาระ เตรียมอพยพลงไปนอกตึก โดยที่ไม่ทันคิดว่า เมื่อมี shock ก็อาจมี aftershock
เราออกมานอกห้องเห็นน้ำเจิ่งเพราะท่อประปาแตก เราต้องเดินลงบันไดฉุกเฉินกัน ซึ่งพอลงมาไม่กี่ชั้น ก็มี aftershock ตามมาจริง ๆ แต่ไม่แรงเท่าครั้งแรก ครั้งนี้เรากลัวน้อยลง หามุมหลบเหมือนเดิม จากนั่นเมื่อเว้นระยะไหว พวกเราก็อพยพไปที่ลานจอดรถเพื่อความปลอดภัย ทำให้ทริปวันสุดท้ายจำเป็นต้องยกเลิกแผนเที่ยวทั้งหมด
แต่ว่า ในร้ายก็มีดี ในดีก็มีร้าย และเรื่องร้าย ๆ ก็ไม่ได้เกิดขึ้นตลอดไป หลังจากอพยพขึ้นรถเตรียมกลับเมืองหลวง ทว่าทางกลับปกติที่ใช้เวลาเพียงราว ๆ 3 ชั่วโมง ไม่สามารถกลับได้เนื่องจาก เสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิ เราจึงได้ขับรถอ้อมเกาะไต้หวันที่เป็นเส้นทางที่ปลอดภัยกว่า นั่นทำให้เราได้ขับรถผ่านเกือบทุกจังหวัดของไต้หวันเลยทีเดียว
ผมได้เห็นทะเลทางตอนใต้ของไต้หวันเป็นครั้งแรก มันสวยงามกว่าทะเลแห่งใดที่ผมเคยพบ มองอย่างไรก็ไม่เบื่อ เป็นสีน้ำเงินของมหาสมุทรและสีฟ้าของท้องฟ้ามาบรรจบกันตรงเส้นลับขอบฟ้าอย่างสวยงาม จนทำให้ผมถึงกับนึกขอบคุณเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้นมาเลยทีเดียว มันทำให้ผมนึกถึงประโยคทองจากซีรี่ย์ในดวงใจเรื่องหนึ่งของผม มีความว่า
"Sometimes things have to fall apart... to make way for better things."
ไม่ว่าใครกำลังเผชิญเรื่องร้ายอะไรอยู่ เราจะผ่านมันไปได้แน่นอนครับ
โฆษณา