6 เม.ย. เวลา 08:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ส่องหุ้น MAJOR ความหวังปีนี้อยู่ที่หนังไทย และ ยอดขายป๊อบคอร์น

MAJOR ปีนี้จึงคาดหวังรายได้จากหนังไทย หลังโมเมนตัมดีต่อเนื่องจาก ไตรมาส 4 ปี 2566 และเพิ่มช่องทางการขายป๊อบคอร์นมากขึ้น
บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) มองว่า แม้ปีนี้หนังจากฮอลลีวูดดูน้อยกว่าปีก่อน แต่หนังไทยกลับมีโมเมนตัมดีต่อเนื่องจาก ไตรมาส 4 ปี 2566 ผู้ผลิตยังส่งหนังไทยเข้าฉายต่อเนื่อง ปีนี้จึงคาดหวังรายได้จากหนังไทย และเมเจอร์จะเพิ่มโรงอีก 47 โรง
และเพิ่มช่องทางการขายป๊อบคอร์นมากขึ้น หลัง หมด exclusive กับค้าปลีกเจ้าหนึ่ง และการต่อสัญญาใหม่ ของสื่อโฆษณา ที่ราคาขายดีขึ้นโดยเมเจอร์ เป็นผู้นำในธุรกิจโรงหนังที่มีส่วนแบ่งราว 70%
บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)
บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป วิเคราะห์หุ้น MAJOR ว่า หนังไทยมีแนวโน้มดีจากโมเมนตัมใน ไตรมาส 4 ปี 2566 ที่ทำเงินได้สูงอย่าง เช่น สัปเหร่อ, ธี่หยด และ 4 Kings 2 ซึ่งในไตรมาส 1 ปี 2567 พี่นาค 4 มีรายได้ถึง 24 มี.ค.(Thailandboxoffice) สูงสุดหนังที่เข้าฉายตั้งแต่ต้นปีที่ 161 ล้านบาท หอแต๋วแตก 10 ที่84 ล้านบาท เหมรยที่ 67 ล้านบาท
ซึ่งรายได้จากการขายตั๋วหนังของ MAJOR ก็สอดคล้องกับตามรายได้หนัง ทำให้ปีต้องพึ่งหนังไทยเป็นหลัก และจะเห็นทีวีดิจิทัลมาทำหนังมากขึ้น ชดเชยรายได้จากโฆษณาทางทีวีดิจิทัลที่มีแนวโน้มลดลงอีกทั้งช่องทางในการหารายได้จากหนังมีมากขึ้นเช่นการขายสิทธิ์ให้กับ OTT และทีวีดิจิทัล รวมถึงการไปฉายต่างประเทศจึงมีโอกาสสร้างกำไรได้ดีขึ้นปีนี้
ขณะเดียวกัน MAJOR จะเปิดโรงภาพยนตร์อีกอย่างน้อย15 สาขา 47 โรง จากสิ้นปี 2566 ที่ 851 โรง โดยเพิ่มในต่างจังหวัดมากขึ้นรองรับหนังไทยและเป็นการเพิ่มฐานคนดูต่างจังหวัดให้มากขึ้น
ป๊อบคอร์นคาดดีขึ้นหลังหมด Exclusive
ป๊อบคอร์น MAJOR ได้หมดสัญญา Exclusive กับค้าปลีกเจ้าหนึ่ง โดย MAJOR ขยายป๊อบคอร์นไปยังโมเดิร์น อย่าง Lotus, BigC และร้านสะดวกซื้ออื่น ได้ตั้งแต่ต้น ก.พ. ทำให้คาดว่ายอดขายของป๊อบคอร์นจะดีขึ้น และมีแผนจะออกรสหวานเพิ่ม รวมถึงการปรับ Packaging และเพิ่มจำนวนคีออสรวมถึงกระตุ้นยอดขายผ่านออนไลน์และเดลิเวอรี่
อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 1 ปี 2567 คาดว่าผลประกอบการไม่น่าจะแย่ลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีเดียวกันกับปีก่อน เพราะมีหนังรายได้สูง คือ Avatar 2 ที่ 117 ล้านบาท John Wick 4 ที่ 104 ล้านบาท Ant-Man 83 ล้านบาท ซึ่งก็ไม่ต่างกับ ไตรมาส 1 ปี 2567 นัก
รวมถึงธุรกิจอื่นที่คาดว่ายังโตได้ อย่างป๊อบคอร์นที่เพิ่มช่องทางการขายเพิ่ม อีกทั้ง ยังมีขาดทุนจากการขาย ZAA (MPICเดิม) มาหักเป็นค่าใช้จ่ายก่อนเสียภาษีอีก 140 ล้านบาท คาดว่าจะนำมาใช้ใน 1Q67 ซึ่งจะช่วยกำไรได้อีกทางหนึ่ง
สำหรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น กับ หุ้น MAJOR เช่น
  • 1.
    การพึ่งพาภาพยนตร์ที่เข้าฉายทาให้รายได้ผันผวนตามความนิยมของผู้เข้าชม
  • 2.
    การลงทุนขยายสาขาใหม่ๆที่อาจไม่เป็นไปตามคาด
  • 3.
    เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเช่นโรคระบาดอัคคีภัยน้าท่วมเป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ผลการดําเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อย สำหรับปี 2566 งบการเงินรวมมีกําไรสุทธิ 1,042 ล้านบาทเปรียบเทียบกับเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 252 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 790 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 313%
ส่วนรายได้มี 2566 อยู่ที่ 8,551 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้ 6,388 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,163 ล้านบาท คิดเป็น 34% โดยสาเหตุหลักมาจากความนิยมในภาพยนตร์ไทยเพิ่มมากขึ้น
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา