8 เม.ย. เวลา 02:14 • สุขภาพ
กรุงเทพมหานคร

จะป้องกันกระดูกพรุนด้วยแคลเซี่ยมเม็ด ต้องอ่านก่อน

กระดูกพรุน-ภัยร้ายของสว. ป้องกันได้..ง่ายนิดเดียว
สว(คนอายุ 60 ปีไปแล้ว) มีความเสี่ยงกระดูกพรุนหรือบาง
โดยผู้ชายจะเกิดกระดูกพรุน/บาง ราว 10 %
ผู้หญิง 60 ปี มีความเสี่ยงมากกว่า คือราว 40%
👩‍⚕️และถ้าเป็นผู้หญิงที่อายุ 70 ปีไปแล้ว ยิ่งเสี่ยงมากคือเกิดกระดูกพรุน/บางได้ครึ่งหนึ่งเลย 50% กันเลยค่ะ
กระดูกพรุน ส่งผลเสียอะไรบ้าง
เยอะเลยมาดูกัน
1. เสี่ยงต่อกระดูกหัก เพราะเมื่อกระดูกพรุนหรือบาง แค่ลื่นไถลหรือหกล้มกระทบเบา ๆ กระดูกก็หักแล้ว เป็นเรื่องตรงไปตรงมา
👉ไม่ต้องเป็นอุบัติเหตุที่รุนแรง
2. กระดูกพรุน/บางทำให้กระดูกไม่แข็งแรง บางทีผิดรูป ถ้าเป็นกับกระดูกในบางตำแหน่งที่สำคัญผิดรูป เช่น
- 💃กระดูกแกนกลางลำตัว กระดูกสันหลัง โค้ง โก่ง เช่นหลังค่อม ซึ่งคือกระดูกทรุดตัวลงไป จะส่งผลต่อระบบการย่อยอาหารและระบบการหายใจ
- ถ้าเป็นที่กระดูกข้อมือ ข้อเข่า ข้อสะโพก 👍✌️
จะส่งผลต่อการใช้มือ การหยิบจับ การเคลื่อนไหว ทำให้เหมือนทุพพลภาพ มีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
👩‍⚕️
#หาทางเสริมกระดูกกันอย่างถูกวิธี
- ตามปกติคนเราต้องการแคลเซี่ยม 800 มิลลิกรัมต่อวันในคนธรรมดา และถ้าเป็นคนที่ตั้งท้องหรือมีครรภ์ ต้องได้แคลเซี่ยมเพิ่มขึ้นอีกเปน 1500 ถึง 1600 มิลลิกรัมต่อวัน
- และเพราะนอกจากการรับเอาแคลเซี่ยมเข้าไปแล้ว ต้องระวังเรื่องการขับแคลเซี่ยมออกของร่างกายเราด้วยค่ะ
- จึงมีเรื่องที่เราต้องทำความเข้าใจ และต้องทำเอง
👩‍⚕️🧑‍⚕️👨‍⚕️
”คุณทำได้ไม่ยากค่ะ“
ใช้ สูตร #3 #3 #3
#3 อย่างที่ห้ามกิน
#3 สิ่งที่ต้องทำ
#3 กลุ่มอาหารที่ต้องกิน
เชื่อเถอะค่ะ ป้าพาเรียนมา
#3 อย่างที่ห้ามกิน คือ
1. อาหารเค็ม
2. กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอินและหรือโซดา
3. โปรตีนเนื้อสัตว์ใหญ่
การกินชา กาแฟ ซึ่งมีคาเฟอิน สารคาเฟอินเป็นตัวทำให้เกิดการระบายหรือขับแคลเซี่ยมออกทางน้ำปัสสาวะ และเป็นกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
☕️
รู้มั้ย? ผู้หญิงกินกาแฟ 1 แก้ว จะสูญเสียแคลเซี่ยมไปทางปัสสาวะอีกนานถึง 4 ชั่วโมงเลย!!!
- ☕️กาแฟไม่ควรกิน
เกินวันละ1 แก้ว
- หรือน้ำอัดลมที่มีคาเฟ่อีน น้ำอัดลม หรือโซดาทำลายเคลือบฟัน และมีผลในการยับยั้งการดูดซึมแคลเซี่ยม
- 🐮อาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ใหญ่
🥩 🥩🥩
เนื้อสัตว์ใหญ่มักมี ซัลเฟอร์สูง เมื่อโปรตีนเหล่านี้เข้าไปในร่างกาย จะเกิดการย่อยสลายทำลายไปแล้วซัลเฟอร์ก็จะถูกขับออกทางปัสสาวะ ซึ่งจัดเป็นกรดที่มีพิษต่อทางเดินปัสสาวะ ร่างกายจึงต้องขับแคลเซี่ยมออก
- เพราะฉะนั้นจึงเกิดการสูญเสียแคลเซี่ยม ออกไปโดยตรง
👉คนสูงวัยหรือ สว. ที่มีอายุแล้วจึงไม่ควรกินโปรตีนแบบนี้ เนื้อสัตว์ที่ซัลเฟอร์มากเกินไป ได้แก่ หมู ไก่ เนื้อวัว พูดง่าย ๆ คือสัตว์ใหญ่นั่นเอง
- โปรตีนที่แนะนำก็คือโปรตีนที่ไม่มีซัลเฟอร์ ได้แก่ ไข่ขาว เต้าหูก้อน เนื้อปลา หรือผผลิตภัณฑ์จากนม
🧀โปรตีนแบบนี้จะมีซัลเฟอร์น้อย กินแล้วดีมีประโยชน์กับสว. มากกว่า
- อาหารเค็มก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีผลเสียต่อกระดูก เพราะทำให้ไตต้องทำงานมากขึ้น กระตุ้นฮอร์โมนที่จะทำให้ระดับแคลเซี่ยมในเลือดลดลง
- และอาหารเค็มยังทำให้ไตทำงานมาก อาจก่อให้เกิดโรคไต และทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน เพราะสูญเสียแคลเซียมออกไปจากร่างกาย
จงจำไว้ว่า
ถ้าซื้ออาหารจากนอกบ้าน ไม่ได้ทำเอง
อาหารเหล่านี้ได้รับการปรุงรสมาแล้วอย่างแน่นอน
..เค็มอยู่แล้ว..
เพราะฉะนั้น
ถ้าเป็นไปได้
ทำอาหารกินเองค่ะ
กินจืด
ไม่อร่อย
แต่ตัดปัญหา
และดีต่อสุขภาพของเราเอง
ป้าเอง
🥬🥕🍅
กินจืดเท่าที่ทำได้
จะทำให้มีสุขภาพดี ไม่เป็นโรคความดันสูง ไตเราก็ไม่ต้องทำงานมากจนเกินไป
👀เพราะถ้าไตทำงานมาก เพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคความดันสูง เป็นไตวายเรื้อรัง
👩‍⚕️ถึงตอนนั้น
จะมีภาวะแคลเซี่ยมถูกขับออกจากร่างกาย จนต่ำ
และถาโถมให้เกิดกระดูกบางได้มากขึ้นอีก กลายเป็นวงจรชั่วร้ายต่อร่างกายเราค่ะ
ป้าหมอกล่าว
#3 กลุ่มอาหารที่ต้องกิน
อาหารอะไรบ้างที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในแง่ของกระดูก
1) นม 🥛🍼
2) ผลิตภัณฑ์ที่ดัดแปลงมาจากนม เช่น โยเกิร์ต เนยแข็งหรือชี้ส
1
🧀เนยแข็งจะมีแคลเซี่ยมสูงมาก มากกว่านมด้วยค่ะ
*ถ้าใครทานนมไม่ได้ กินเนยแข็งแทนได้ค่ะ
1
3) เต้าหู้ก้อน (แบบคนจีน)
ต้องเป็นเต้าหู้แบบก้อนนะคะ เต้าหู้ที่เราใช้ทอด ใช้ผัดในอาหารจีน และหรือทำผัดไทย
*ถ้าเป็นเต้าหู้หลอด จะไม่มีไม่มีแคลเซี่ยมนะคะ
👩‍⚕️
#3 สิ่งที่ต้องทำ
1) เพิ่มแคลเซี่ยม ให้ร่างกาย
2) ตากแดด และเพิ่มวิตะมิน D
3) ออกกำลังกายให้กระดูกได้เคลื่อนไหว
ต้องได้รับแสงแดด และมีระดับวิตามิน D ในร่างกายให้พอเพียง
แดดคงเป็นอะไรที่ยากในหน้าร้อน(มากกกก)
แต่จำเป็นค่ะ หาเวลาให้ร่างกายได้รับแสงแดดบ้างและกิน
วิตามินดีเพิ่มเข้าไปเลยสัก 1-2 แคปซูล (ชนิดแคปซูลละ 20,000 ยูนิต)
💊💊
กินแค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
*ควรตรวจเลือดหาระดับของวิตะมิน D และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนนะคะ
- ถ้าทำไม่ได้เลยสักข้อ ก็อาจจะจำเป็นต้องทานแคลเซี่ยมเสริมเพิ่มเติมเข้าไปค่ะ
ปรึกษาแพทย์ก่อนนะคะ
- รูปแบบของยาแบบหนึ่ง คือ ยาเม็ดแคลเซี่ยมคาร์บอเนต
(กินแล้วจะท้องผูก ต้องดื่มน้ำมาก ๆ ค่ะ)
- แคลเซี่ยมเม็ดอื่น ๆ ก็มี และยังมีแคลเซี่ยมเม็ดฟู่ ชนิดละลายน้ำ กินง่ายค่ะ
*อย่าลืมปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนด้วยค่ะเพราะบางภาวะของโรคเส้นเลือดหัวใจ เส้นเลือดในสมองตีบ หรือในคนที่มีปัญหาเรื่องการทำงานของไต ห้ามกินนะคะ
-----
ขอขอบคุณภาพปก เครดิต By BruceBlaus. จาก วิกิพีเดีย
ตามลิ้งค์นี้ ค่ะ
ปรึกษาแพทย์ปนะจำตัวด้วยค่ะ ก่อนกินแคลเซี่ยม วิตะมิน D
“เพราะบางภาวะของโรคเส้นเลือดหัวใจ เส้นเลือดในสมองตีบ หรือในคนที่มีปัญหาเรื่องการทำงานของไต ของตับจะกินเองไม่ได้นะคะ
ป้าพา
By BruceBlaus. When using this image in external sources it can be cited as:Blausen.com staff (2014). "Medical gallery of Blausen Medical 2014". WikiJournal of Medicine 1 (2). DOI:10.15347/wjm/2014.010. ISSN 2002-4436. - Own work, CC BY 3.0, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=27796967
กดลิ้งค์นี้ฟังด้วยค่ะ อ.หมอ ท่านเป็นครูของป้า อธิบายเก่งมาก สั้น และได้ใจความ
ด้วยความปรารถนาดีค่ะ
ป้าพา
ป้าพาฝากไว้
1) ถ้าได้รับแคลเซียมมากเกินไปก็เกิดปัญหานะคะ
ส่วนใหญ่คือทำให้เกิดท้องผูก อันนี้ไม่อันตราย ดื่มน้ำตามมาก ๆ ก็โอเคแล้ว
2) ถ้าได้รับแคลเซี่ยมแบบ เสริม เพิ่มเติมด้วยยา จะมีการดูดซึมได้เร็วมาก
ต้องระวังภาวะที่ระดับแคลเซี่ยมสูงขึ้นเร็ว ๆ แคลเซี่ยมจะไปสะสมตามอวัยวะและเนื้อเยื่อต่าง ๆ ถ้าเป็นที่ ๆ ไม่ควรที่จะมีแคลเซี่ยม อาจเกิดอันตราย เช่นหลอดเลือดที่หัวใจ สมอง..อาจก่อให้เกิดโรคระบบของสมองของหลอดเลือดและหัวใจได้
3) การได้รับแคลเซี่ยมที่พอเหมาะจากการกินอาหาร (ได้แบบธรรมชาติ) จะดีกว่า เพราะระดับแคลเซี่ยมจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ร่างกายเราจะควบคุมได้ และสามารถนำพาแคลเซียมไปสะสมในกระดูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา