Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Where travel, taste and art meet
•
ติดตาม
7 เม.ย. เวลา 15:12 • ท่องเที่ยว
เดินตลาดเช้า ใส่บาตรข้าวเหนียว เที่ยวหลวงพระบาง
เที่ยวหลวงพระบางทริปนี้เป็นทริปแรกสำหรับเราและเพื่อน รีวิวหาข้อมูลมาแล้วก็ปักหมุดที่ที่อยากไปที่เหลือก็แล้วแต่หลวงพระบางจะพาไป แต่หนึ่งในเป้าหมายของทริปนี้ คือ การทำบุญและใส่บาตรข้าวเหนียว โดยวันแรกที่มา เรากับเพื่อนออกไปชมธรรมชาติกันก่อนที่น้ำตกตาดกวางสี ซึ่งตามอ่านกันได้ใน EP 13 นะ
หลังจากที่ได้เที่ยวชมธรรมชาติอย่างน้ำตกตาดกวางสี สีเทอร์ควอยซ์สุดจึ้งแล้วก็เข้าใจได้เลยว่า ทำไมถึงเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คธรรมชาติของหลวงพระบาง แต่วัดวาอารามที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่พาเรากับเพื่อนมาหลวงพระบาง
วัดแสนสุขาราม
จากที่พักของเราไปยังลานหน้าวัดที่จัดให้มีการใส่บาตรนั้น เดินไปไม่ไกลเลย เนื่องจากพระและเณรจะออกเดินบิณฑบาตรก่อน 6 โมง ทางโรงแรมแจ้งให้เรากับเพื่อนมาเจอที่ล็อบบี้ตอนตี 5 ครึ่ง
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ของโรงแรมจะพาเดินไปยังจุดตักบาตรบริเวณหน้าวัดแสนสุขารามเรื่อยไป เดินฝ่าความเย็นมาก็พบกับนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่นั่งจับจองที่ โดยมีเก้าอี้พลาสติกเล็กๆ วางเรียงรายพร้อมกระติ๊บข้าวเหนียว ตื่นตาตื่นใจด้วยความที่วัดแสนสุขารามที่เราเห็นยามค่ำคืนที่เปิดไฟสวยงามนั้น ยามเช้ามืดที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนที่ตื่นแต่เช้ามาเพื่อใส่บาตรกันโดยเฉพาะก็ยิ่งสวยงามตามแบบชาวพุทธ
บรรยากาศหน้าวัดแสนก่อนพระออกบิณฑบาตร
เรากับเพื่อนได้ที่นั่งติดกับนักท่องเที่ยวชาวจีนและชาวลาว ของที่ตักบาตรนอกจากจะมีข้าวเหนียวใส่กระติ๊บมาให้เรียบร้อยพร้อมถุงมือพลาสติกสำหรับหยิบข้าวเหนียวใส่บาตรก็ยังมีขนมแห้ง เราเตรียมแลกแบงก์มาถวายพระด้วย ชาวลาวที่เตรียมของมาใส่บาตรก็เตรียมแบงก์ใส่ซองพลาสติกใสจัดมาอย่างสวยงาม เราก็เลยลองถามดูว่ามีซองเหลือมั้ย นางก็แบ่งซองมาให้เป็นปึกด้วยความยินดี ใส่แต่พอดีก็คืนซองที่เหลือกลับไป
ระหว่างนั่งรอพระบิณฑบาตรก็มีนักท่องเที่ยวทยอยเดินทางมาสมทบเพื่อตักบาตรอีกจนทางเท้าหน้าวัดเต็มไปด้วยแถวของผู้คน ขณะที่นักท่องเที่ยวฝรั่งหลายคนก็เดินมาชมบรรยากาศและถ่ายรูป นั่งรอไม่นานพระและเณรก็ออกเดินบิณฑบาตร ทุกคนก็จะเตรียมปั้นข้าวเหนียวเพื่อใส่บาตร บางช่วงก็อาจจะดูวุ่นวายนิดนึง เพราะนักท่องเที่ยวรุมถ่ายรูปบรรยากาศการใส่บาตร แต่ก็เป็นไปด้วยท่าทีถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน
พระและเณรที่ออกบิณฑบาตรมาจากวัด 10 แห่งด้วยกัน
เท่าที่ดู จำนวนของเณรที่มาบิณฑบาตรนั้นมีมากกว่าพระค่อนข้างเยอะอยู่ เราจึงได้เห็นบรรยากาศของการเล่าเรียนหนังสือและธรรมะในโบสถ์ยามเย็นในวันพระ ซึ่งงดงามไม่ใช่น้อย เพราะวันพระที่หลวงพระบางจะมีการตีกลองและฆ้องป่าวประกาศให้ประชาชนทราบ
ตอนแรกที่เรากับเพื่อนได้ยินเสียงกลองก็นึกว่าจะมีงานอะไรก็เลยถามชาวบ้านแถวนั้น เธอก็อธิบายให้ฟังถึงได้เข้าใจว่าเป็นสัญลักษณ์ของวันพระเพื่อเชิญชวนให้ทุกคนมาศึกษาและปฎิบัติธรรมกัน
บรรยากาศตีกลองวันพระ
วันนั้น เดินไปๆ ตามถนนที่มีวัดตั้งเรียงราย เราก็จะได้เห็นพระหรือเณรตีกลองกันทุกวัด ด้วยความที่อยู่แต่กรุงเทพฯ บรรยากาศเช่นนี้จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ใจฟู และพอเดินเข้าไปในบริเวณวัด เราก็จะเห็นภาพเณรที่กำลัง
เล่าเรียนกับพระในโบสถ์
เราลองถามพนักงานที่โรงแรมดูว่า ทำไมเห็นแต่คนใส่บาตรข้าวเหนียวกัน ทำไมไม่เห็นใครทำกับข้าวมาใส่บาตรเลย น้องพนักงานเล่าให้ฟังว่า ส่วนใหญ่ชาวบ้านและโรงแรมที่ตั้งอยู่ละแวกวัด จะทำกับข้าวส่งปิ่นโตถวายพระที่วัดทุกวัน โรงแรมที่เราพักก็ทำกับข้าวถวายพระทุกวันเช่นกัน
ตลาดเช้าหลวงพระบาง
ใส่บาตรพระเสร็จเรียบร้อย เรากับเพื่อนก็ไปเดินตลาดเช้า ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากบริเวณที่ใส่บาตร ผัก ผลไม้ ขนมและอาหารคาวหวานวางเรียงราย บรรยากาศคล้ายกับต่างจังหวัด แต่ของกินและขนม รวมทั้งผักอาจจะไม่เหมือนกันกับบ้านเราซะทีเดียว ที่เราเห็นวางขายกันเยอะก็คือ ผำหรือสาหร่ายน้ำจืดสีเขียวที่มีทั้งแบบสดและแปรรูปแล้ว
ผำ สาหร่ายสีเขียวสวยจากลำน้ำ
เพื่อนลองซื้อข้าวกร่ำมาให้ทาน เป็นข้าวเหนียวแดงและขาวหุง ตักใส่กระทงใบตอง โรยด้วยมะพร้าวและน้ำตาลตามชอบ ทานร้อน ๆ หนุบ ๆ อร่อยมาก เดินไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มจะหิว พวกเราเห็นร้านขายต้มเส้นเปียกอยู่เป็นระยะ พอร้านไหนมีที่นั่งว่างก็เข้าไปแทรกตัวแล้วสั่งทานกัน
ที่ถูกใจคือผักแกล้มของต้มเส้นที่ถามแม่ค้าแล้วเธอเรียกว่า ผักชีลาว แต่เรากับเพื่อนดูหน้าตาแล้วจะเหมือนกับสาระแหน่ใบเล็กซะมากกว่า รสชาติดี หอมด้วยใส่ลงไปในน้ำซุปร้อนแล้วทานชื่นใจ ต้มเส้นก็จะคล้าย ๆ กับเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ทำจากข้าวเหนียว ใส่น้ำซุปและหมูหรือไก่ ใส่ผัก จะปรุงรสเพิ่มหรือไม่ปรุงก็อร่อย
ข้าวกร่ำใส่มะพร้าวและน้ำตาล
ทานต้มเส้นเสร็จเดินดูตลาดต่อ จนมาเห็นคนนั่งทานบั๋นก๋วนกันก็ให้น้ำลายไหล สาวลาวเห็นเรา 2 คนยืนมอง เธอทานเสร็จพอดีก็เลยเรียกให้นั่งแล้วก็บอกว่า อร่อยให้สั่งไข่ดาวโปะหน้าด้วย เรากับเพื่อนก็เลยรีบขอบอกขอบใจเธอรีบนั่งแล้วสั่งบั๋นก๋วนใส่ไข่ดาวแบบที่เธอบอกโดยไม่มีบ่ายเบี่ยง แม้ว่าจะพึ่งกินต้มเส้นเปียกมาคนละชามแล้วก็ตาม นั่งดูแม่ค้าทำบั๋นก๋วนไป อย่างเพลิน
ต้มเส้นไก่และหมู
ทำไม่นาน บั๋นก๋วนหรือปากหม้อเวียดนามก็มาเสิร์ฟอยู่ตรงหน้า ทานไปคำแรกรู้เลยว่า ทำไมลูกค้ามานั่งกินกันตรึม เพราะไส้หมูสับที่ผัดกับเห็ดนั้น รสชาติกลมกล่อม แป้งที่ห่อก็ไม่หนาไม่บางจนเกินไป โรยด้วยหอมเจียว ก่อนทานก็บีบมะนาวใส่น้ำจิ้มสีน้ำตาลที่แอบถามแม่ค้าแล้วว่า ซอสสำเร็จรูปหรือเปล่า เธอบอกว่าเป็นสูตรที่เธอทำขึ้นมาเอง เรียบง่ายแต่แน่นด้วยเคล็ดลับและทักษะการทำอาหารแบบนี้แหละ ถึงทำให้บั๋นก๋วนหน้าไข่ดาวของเธอหมดเกลี้ยงในเวลาไม่นาน
บั๋นก๋วนหน้าไข่ดาว
อ้อ ระหว่างที่ทานบั๋นก๋วนกันนั้น เป็นช่วงที่ลูกค้าซาอีกรอบ แม่ค้าเธอก็หยิบตัวอ่อนผึ้งที่อยู่ในรังผึ้งย่างมาทาน พอเห็นพวกเรามองเธอก็เลยบิแบ่งมาให้ บอกว่าอร่อย ให้ลองชิมดู ชิมแล้วก็มันๆ หวาน ๆ แปลกดี จนถึงตอนนี้ก็รู้สึกได้เลยว่าคนที่นี่มีน้ำใจ
ของหวานตบท้ายต้มเส้น
ถัดไปไม่ไกล มีขนมครกขายด้วย แบบนี้มันต้องลอง ว่าแล้วก็ได้ทานขนมครกอุ่น ๆ ที่หาทานยากแล้วสมัยนี้ จากนั้น ก็เดินส่องอาหารการกินที่บอกได้เลยว่า มีให้กินมากมาย ที่ยังไม่ได้ลองคือข้าวแกงที่ดูหน้าตากับข้าวแล้วไม่เหมือนบ้านเรา แต่จะคล้ายๆ กับอาหารทางเหนือ หน้าตาน่าลองมาก คนก็ซื้อกันเนืองๆ เดินมาเจอแม่ค้าขายมังคุด ลูกไม่ใหญ่มาก สีสวย สอบถามราคาแล้วไม่แรงเกินก็สอยมาโลนึง ไว้ทานเป็นผลไม้ล้างปาก
โบสถ์ที่ประดิษฐานพระบาง
อิ่มท้องแล้วก็เดินมาถึงพระราชวัง เรากับเพื่อนจึงเข้าไปไหว้พระบาง แต่ช่วงที่ไป ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้อนุญาตให้เข้าไปไหว้ข้างใน เรากับเพื่อนจึงไหว้ข้างนอกแทน ทริปนี้ โชคดีที่คุณอาของทั้งเรากับเพื่อนซึ่งไปเที่ยวหลวงพระบางบ่อยเป็นผู้ชี้ทางสว่าง คุณอาเพื่อนแนะนำให้ขึ้นไปไว้พระธาตุที่วัดพระธาตุภูสี ส่วนคุณอาเราก็บอกว่าอย่าลืมเข้าไปไหว้พระบางในพระราชวัง ซึ่งพระบางก็เปรียบเสมือนพระประจำบ้านประจำเมือง และยังเป็นชื่อของเมืองหลวงพระบาง
บริเวณด้านหน้าพระราชวัง
ไหว้พระบางเสร็จก็เดินไปซื้อตั๋วเพื่อเข้าชมพระราชวัง เจ้าหน้าที่ขายตั๋วใส่เสื้อและผ้าถุง สวมกำไลทองลายเรียบ ๆ สวยแปลกตา คนทำงานออฟฟิศในเมืองแบบเราเห็นแล้วต้องบอกว่า งามจึ้ง ซื้อตั๋วเสร็จก็ไปฝากกระเป๋าไว้ที่ตู้ล็อกเกอร์ จากนั้นก็เดินไปยังพระราชวัง
ก่อนจะเข้าไปด้านใน ต้องถอดรองเท้า ซึ่งจะมีชั้นวางรองเท้าให้ จากนั้นก็นำตั๋วไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจ แต่ต้องบอกก่อนว่า ถ่ายรูปภายในพระราชวังไม่ได้ แต่ความทรงจำภายในพระราชวังซึ่งเป็นไม้ มีการตกแต่งด้วยกระจกสีในบริเวณที่ตั้งของพระราชบัลลังก์สวยงามมาก และยังประทับใจมาจนถึงทุกวันนี้
ภายในเราจะได้เห็นห้องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องบรรทม ห้องรับประทานอาหาร ห้องซ้อมดนตรี ซึ่งจะว่าไปแล้ว ห้องหับต่าง ๆ ภายในพระราชวังดูคลาสสิคและเรียบง่าย ก่อนทางออกเราจะได้เห็นรูปภาพติดผนังของกษัตริย์ลาวและพระมเหสีขนาดใหญ่ด้วยเช่นกัน
จริงๆ แล้วก่อนที่จะเข้าไปชมห้องหับต่าง ๆ เรากับเพื่อนก็แวะที่ตู้เครื่องประดับและพระพุทธรูป เรากับเพื่อนถูกใจพระบางที่เป็นพระพุทธรูปองค์เล็ก แต่ไม่ได้เอากระเป๋าตังมาด้วยมีแต่มือถือ เจ้าหน้าที่บอกว่า ให้รับพระไปก่อนแล้วค่อยไปจ่ายเงินที่เจ้าหน้าที่ตรงทางออกก็ได้ เรากับเพื่อนถึงกับเหวอแล้วก็เลยบอกว่า จะเดินชมพระราชวังเสร็จเรียบร้อยก่อน
บรรยากาศยามเช้าจากพระราชวังกลับโรงแรม
จากนั้นก็เดินกลับมาเอากระเป๋า ก่อนจะไปเห็นถึงมังคุดแล้วก็ไม่อยากหิ้วไป ว่าแล้วก็เอามังคุดมานั่งแกะทานกัน นั่งทานข้างบ่อน้ำทานกัน 2 คน ใครเดินผ่านไปผ่านมาคงสงสัยว่า ป้า 2 คนนี่ไม่ได้กินข้าวเช้ามาละมั้ง เพราะดูกินมังคุดกันอย่างเมามัน หารู้ไม่ว่า หญิงไทย 2 คนนี้ทานอาหารเช้าอะไรกันมาบ้าง
เรากับเพื่อนเช่าพระบางคนละองค์ เราเช่ามาฝากพ่อ เพื่อนเช่าไว้บูชา ว่าแล้วก็เดินกลับโรงแรม เพื่อเตรียมตัวไปยังจุดหมายปลายทางต่อไปนั่นคือ วัดเชียงทองและล่องแม่น้ำโขง ตามอ่านกันได้นะคะ
ลาออกไปเช็กอิน
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
2 บันทึก
1
2
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย