8 เม.ย. เวลา 07:18 • ปรัชญา
มีคนส่งมาให้ เรื่องฝรั่งที่มาศึกษาพุทธศาสนา เค้าเขียนไว่า น่าสนใจ..
ฝรั่งที่เรียนรู้พุทธศานา ได้เปรียบเทียบและ สรุปความแตกต่างของศาสนาพุทธ กับศาสนาอื่น 20 ข้อ
อาตมาอ่านแล้ว อ่านอีก แทนที่จะเบื่อหน่าย ความรู้สึกกลับเห็นความสำคัญมากกว่าเดิม จึงขอแชร์ต่อแก่ทุกๆท่านใด ใช้เวลานั่งอ่านและพิจารณาประมาณ 3 นาที ยอมรับว่าฝรั่งท่านนี้รู้จริง โดยเขียนสรุป คำสอน 20 อย่าง ของ ศาสนาพุทธไว้ดังนี้ : "ศาสนาพุทธ" เท่านั้นที่มีคำสอน ทั้ง 20 อย่างนี้ ที่ไม่สามารถพบได้จาก "ศาสนาอื่น"
1. พระพุทธศาสนา เชื่อว่าโลกนี้ประกอบขึ้นจาก เหตุธาตุทั้ง 4 คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ประกอบกันขึ้นมา
(ไม่มีผู้ใดสร้างโลก)
2. พระพุทธศาสนา ไม่ใช่ระบบความเชื่อ ที่จะใช้คำว่า Religion เพราะศัพท์นี้ หมายถึง ต้องมีความเชื่อใน พระเจ้าผู้สร้างโลก
3. จุดหมายปลายทาง ของ พระพุทธศาสนา คือ ละกิเลสได้หมดแล้ว หลุดพ้นจาก การเวียนว่ายตายเกิด หรือ วัฏฏสงสาร ไม่ใช่ไปแค่ ไปเกิดบนสวรรค์ เท่านั้น
4. พระพุทธเจ้า ไม่ใช่ผู้ปลดปล่อยสรรพสัตว์ให้รอด สรรพสัตว์ต้องช่วยตนเอง เพื่อหลุดพ้นจาก กิเลส และ วัฏฏสงสาร
5. ความสัมพันธ์ระหว่าง พระพุทธเจ้า และ สาวก คือ ครูผู้สอนและลูกศิษย์ ไม่ใช่ตัวแทนพระเจ้า และทาสผู้รับใช้
6. พระพุทธเจ้า ไม่เคยให้สาวกใช้ "ความเชื่อ" โดยปราศจาก "ปัญญา" มานับถือ ตรงข้าม ทรงสอนให้ใช้ "ปัญญา" พิจารณาคำสอนก่อนจะเชื่อ และเห็นจริงด้วยตนเอง และ ผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ต้องนำคำสอนไปประพฤติและปฏิบัติ เพื่อความหลุดพ้นด้วยตนเอง ไม่มีใครช่วยทำให้หลุดพ้น จากการเวียนเกิดเวียนตายได้ นอกจากให้แค่แนะนำ ชี้ทางที่ถูกต้องให้ เท่านั้น
7. คำสอนพระพุทธเจ้า เป็น "สัจธรรม" ประจำโลก ที่เป็นและมีอยู่แล้ว พระพุทธเจ้าทรงเป็น แต่เพียงผู้ค้นพบเท่านั้น พระองค์ไม่ใช่เป็นคนสร้างคำสอนขึ้นมา
8. "นรก" ในพระพุทธศาสนา ไม่ใช่สถานที่กักขังสัตว์อย่างนิรันดร์ บุคคลทำบาปแล้ว ไปเกิดในนรก เมื่อพ้นกรรมแล้ว ก็สามารถกลับไปเกิดในภพที่ดีกว่าได้ และ สัตว์ที่ได้ไปเกิดในภพอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นภพเทวดา ภพมนุษย์ ภพเปรตวิสัย ภพเดรัจฉาน ก็สามารถเวียนกลับไปเกิดในนรกอีกได้ เช่นกัน
9. พระพุทธศาสนา ไม่ได้สอนแนวคิดเรื่อง "บาป" ติดตัว เหมือนที่ศาสนาเทวนิยมสอน แต่สอนเรื่อง "กฎแห่งกรรม" ซึ่งมีทั้งกรรมขาว กรรมดำ และ กรรมไม่ขาวไม่ดำ
10. พระพุทธศาสนา สอนว่า มนุษย์และเทวดาทุกชีวิต มีศักยภาพที่จะบรรลุธรรมได้ ข้อสำคัญก็คือ ต้องใช้ความพยายามในการปฏิบัติ เพื่อชำระกิเลสให้พ้นไปจากจิตใจ พระพุทธเจ้า ก็ทรงเป็นมนุษย์สามัญธรรมดา ที่หลุดพ้นจากทุกข์ได้ เพราะการประพฤติปฏิบัติ มาหลายภพหลายชาติ
11. "กฎแห่งกรรม" ของทุกสรรพสัตว์ เป็นตัวอธิบายว่า เหตุใดคนถึงเกิดมาแตกต่างกัน กฎแห่งกรรม เป็นตัวอธิบายถึง ภพภูมิที่สัตว์พากันไปเกิด
12. พระพุทธศาสนา เน้นให้ แผ่เมตตา กรุณา ไปยังสรรพสัตว์ ทุกภพภูมิ ทรงสอนให้ละจาก การประพฤติชั่วทั้งปวง คือ อกุศลกรรม บท ๑๐ และให้ประพฤติปฏิบัติ แต่ กุศลกรรม บท ๑๐
13. "ธรรมะ" ของพระพุทธเจ้า เสมือนแพ หลังจากบำเพ็ญเพียร จนดับทุกข์ได้แล้ว จะอยู่เหนือ บุญและบาป ธรรมะทั้งปวง จะต้องไม่ยึดมั่นถือมั่น
14. ไม่มีสงครามศักดิ์สิทธิ์ ในทรรศนะพระพุทธศาสนา การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต การเบียดเบียนผู้อื่นด้วยเจตนา ผู้กระทำจะต้องรับกรรมทั้งสิ้น จนกว่าจะหลุดพ้นจากวัฏสงสาร การฆ่าในนามศาสนา ยิ่งกระทำมิได้ในพระพุทธศาสนา
15. พระพุทธเจ้า สอนว่า กำเนิดสังสารวัฏ ไม่มีเบื้องต้นและที่สุด ถ้าหากสัตว์ยังดำเนินชีวิต ไปตามอำนาจกิเลส ที่มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก ย่อมต้องเวียนเกิดเวียนตาย ต่อไป
16. พระพุทธเจ้า ทรงเป็น พระสัพพัญญู (ผู้รู้ความจริงทุกเรื่องที่ทรงอยากรู้) และ พระพุทธเจ้า มิใช่เทพเจ้า ผู้ทรงมีอำนาจล้นฟ้า ดลบันดาลสร้างธรรมชาติต่างๆ ขึ้นมา
17. การฝึก "สมาธิ" สำคัญมากในพระพุทธศาสนา แม้ว่าศาสนาอื่นๆ ก็มีสอนให้คนมีสมาธิ แต่มีพระพุทธศาสนา เท่านั้นที่สอน "วิปัสสนา" ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้รู้แจ้งว่า ทุกสรรพสิ่ง เมื่อมีการเกิด ย่อมมีการดับ
18. หลักคำสอนเรื่อง สุญญตา หรือ นิพพาน เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ในพระพุทธศาสนา ถือเป็นคำสอนระดับสูง ของพระพุทธศาสนาด้วย เพราะสรรพสิ่งทั้งหลายทั่วโลกธาตุ ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้ถาวร มีแต่ปัจจัย ดิน น้ำ ไฟ ลม ประกอบกัน สรรพสิ่งในโลก จึงตกอยู่ในภาวะ อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา
เหมือนกันหมด พระพุทธศาสนาจึงไม่สุดโต่ง ไปตามแนวศาสนาประเภท เทวนิยม หรือ ตามแนววัตถุนิยม ที่มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก ที่ต้องเวียนเกิดเวียนตาย จนกว่าจะบรรลุธรรม จึงจะดับเย็น เข้าสู่นิพพาน
19. วัฏจักร หรือ สังสารวัฏ เป็นคำสอนในพระพุทธศาสนา ตราบใดที่สรรพสัตว์ ยังไม่หลุดพ้นจากกิเลส ก็จะเวียนว่ายตายเกิด ไปตามภพภูมิต่างๆ ตามแรงเหวี่ยงของกรรม ไม่สิ้นสุด จนกว่าจะบรรลุธรรม ดังนั้น ทุกสรรพสัตว์ จึงต้องช่วยตนเอง เพื่อพัฒนา "ไตรสิกขา" ให้หลุดพ้นจาก โลภะ โทสะ และ โมหะ หรือ อวิชชา เพื่อการหลุดพ้นจาก "สังสารวัฏ" ให้ได้ ฯ
20. ศาสนาพุทธ สอนให้ละ "อัตตา" ไม่ใช่สร้างอัตตา ว่าเป็นตัวของเรา อันเป็นทุกข์ แต่การฝึก "เจริญสติ" จนเห็นตามจริงว่า ไม่มีสิ่งใดถาวร เกิดแล้วต้องดับไปเป็นธรรมดา ไม่อาจยึดมั่น เป็นตัวเป็นตน แม้ร่างกายหรือจิตใจ ลดละอัตตาตัวตนลง จนละได้หมดคือ ที่สุดแห่งทุกข์ คือ "นิพพาน" ไม่ต้องวนเกิด วนตายอีก
@เสียดาย... ไม่ทราบชื่อ... ฝรั่งผู้เขียน ซึ่งเข้าใจในหลักพระพุทธศาสนา เป็นอย่างดี
จึงขอมอบเครดิตให้กับ ผู้แชร์ข้อความ
และกุศลจงมีแด่ผู้เขียนและผู้อ่านทุกท่าน เทอญฯ
สาธุ ขออนุญาติส่งต่อ ให้ผู้ที่ ปราณาความเป็นจริงได้อ่าน
เพื่อให้เกิดความปิติแก่ผู้ที่พบเห็น แล
🙏🏾🙏🏾กราบสาธุ🙏🏾🙏🏾
โฆษณา