Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Mandala
•
ติดตาม
10 เม.ย. เวลา 11:35 • การเมือง
ไม่คิดว่าระดับผู้นำประเทศจะคิดกันได้แค่นี้
จากนโยบายเงินดิจิทัล วอลเล็ต ที่เพิ่งประกาศออกมา วงเงิน 5 แสนล้านบาท
อันดับแรก คือ โกหกประชาชนว่า จะโอนเงินก่อนวันสงกรานต์ สุดท้ายประกาศเลื่อนเป็นไตรมาสที่4 แทน
ไม่คิดว่าหลักแนวคิดการบริหารประเทศจะไก่อ่อนขนาดนี้ ยอมละลายเงินภาษีประชาชนมากถึง 5 แสนล้านบาท ที่เป็นเงินฉุกเฉินของรัฐบาล กลับถูกนำมาใช้กับนโยบายเศษขยะแบบนี้ได้
หมายความว่า เงินฉุกเฉินที่ใช้บริหารประเทศในสภาวะที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น รัฐบาลจะไม่มีงบก้อนนี้ เพราะจะถูกดึงมาใช้กับนโยบายแจกเงินไปจนหมด โดยอ้างว่า รัฐบาลจะไม่กู้เงินแต่จะเลือกใช้งบประมาณประจำปีที่มีอยู่แล้วมาใช้แทน
****นั่นหมายความว่า เงินบริหารราชการฉุกเฉินทุกกระทรวงจะไม่มีเงินเหลือสักบาท เพร่ะถูกถอดออกนำมาใช้แจกเงินตามนโยบายเงินดิจิทัลจนหมด
****สุดท้ายเงินฉุกเฉินหมดลง รัฐบาลก็ต้องกู้เงินเหมือนเดิม เป็นแผนของแนวคิดเด็กๆที่คิดออกกันได้แค่นี้ คือ ทำงานแบบผักชีโรยหน้า และขับเคลื่อนนโยบายละลายภาษีของประชาชนให้หมด แค่ไม่ยอมผิดคำพูดที่เคยปราศัยหาเสียงเอาไว้ ทั้งๆที่ความจริง มันก็ผิดคำพูดมาตลอดอยู่แล้ว แทนที่จะออกมาประกาศขอโทษประชาชน และยกเลิกนโยบายที่ไม่เกิดประโยชน์นี้ลงเสีย ก็สิ้นเรื่อง
*** ประเด็นคือ ทำไมผู้นำสมองเด็กๆคนนี้ ก่อนหน้านั้นเคยบอกกับประชาชนว่า จะใช้งบแค่หนึ่งแสนล้านบาท เพราะไม่กล้าใช้งบถึง5แสนล้านบาท เพราะเสี่ยงติดคุก แต่วันนี้กล้าประกาศใช้งบถึง 5 แสนล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนนโยบายเงินดิจิทัลให้สุดซอย มันเป็นเรื่องที่ดูได้ง่ายมากว่า...
****ครั้งหนึ่งผมเคยเขียนบอกเพื่อนๆให้รู้แล้ว่า ถ้าพรรคการเมืองนี้ไม่ยอมขับเคลื่อนนโยบายเงินดิจิทัลที่ต้องใช้งบถึง5แสนล้านบาท กลุ่มคนที่ไม่พอใจมากที่สุดก็คือกลุ่มทุนเจ้าสัวจีน เพราะลงทุนไปมาก กับการนำ นช.ทักษิณกลับประเทศมาจนได้ และพรรคการเมืองนี้ต้องตอบแทนคืนอย่างคุ้มค่านั่นเอง ....ถ้าคิดจะมาทำเล่นๆใช้เงินแค่ 1 แสนล้านบาท คงไม่มีใครพอใจแน่นอน
แม้เด็กๆผู้นำพวกนี้จะสร้างภาพว่า เงินดิจิทัลที่แจกให้ประชาชนไปนั้น ต้องใช้กับร้านค้าเล็กๆในชุมชนเท่านั้น ใช้ในห้างสรรพสินค้าไม่ได้ ดูเหมือนภาพจะออกมาดี แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องพูดความจริงว่า ร้านค้าชุมชนเมื่อได้เงินจากประชาชนก็นำเงินดิจิทัล ก็สามารถนำมาซื้อสินค้าจากห้างสรรพสินค้าเหมือนเดิม
***ทำไมไม่ทำเรื่องให้มันง่ายๆ ทำเป็นคิดหลายชั้น สร้างภาพให้ดูดี แต่ระบบความคิดกับทำเรื่องยากให้กลายเป็นเรื่องยาก สุดท้ายก็เอาร้านค้าชุมชนมาเป็นเกาะกำบังตนเอง เพื่อสร้างภาพให้ดูดีไปวันๆ และสุดท้ายเงิน 5 แสนล้านบาท ก็ไหลไปเข้าในระบบรายได้ของกลุ่มทุนเจ้าสัวจีนเหมือนเดิม
****ปากผู้นำเด็กยังพูดให้ดูสวยหรูออกมาว่า รัฐบาลจะได้เงินคืนในรูปแบบเงินภาษี แต่ประชาชนจะเป็นผู้กระตุ้นเศรษฐกิจแทน
****เงิน 5 แสนล้านบาทที่หายไปเข้าสู่ระบบเงินกลุ่มทุนเจ้าสัวจีน รัฐบาลได้เงินภาษีคืนมาแค่ 7% เท่านั้น แต่หากมองจริงๆแล้ว รัฐบาลจะได้เงินภาษีคืนมาแค่ 3% เท่านั้น อีก 4% ระบบบัญชีของกลุ่มทุนจีน ก็พร้อมที่จะทำบัญชีคืนภาษีรัฐไม่เต็มอยู่แล้ว อันนี้ผู้นำย่อมรู้ดี และไม่มีบริษัทยักษ์ใหญ่กลุ่มทุนที่ไหนจ่ายภาษีให้รัฐบาลเต็มครบ100%
****นโยบายละเลงเงินภาษีประชาชนแบบสูญเปล่า มันเทียบกันไม่ได้เลยกับประชาชนในหลายครอบครัว ต้องสูญเสียเงินไปกับยาบ้า ของนโยบายยาบ้า 5 เม็ดของพรรคเพื่อไทย ในแต่ละปีสูงถึงกว่า 2.5แสนล้านบาท ...นี่คือเงินจากครอบครัวของผู้ที่มีคนติดยาเสพติดทั่วประเทศที่ไม่ผิดกฏหมาย และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้พ่อค้ายานรก ที่นำเงินพวกนี้ออกนอกประเทศ เพื่อไปซื้ออาวุธและเสริมสร้างกองกำลังของชนกลุ่มน้อย ส่วนเอเย่นยาเสพติดรายใหญ่ในประเทศ ก็เอาเงินส่วนนี้ไปฟอกและแลกเปลี่ยนสกุลเงินตราหอบหนีนอกประเทศ
การอ้างว่า เศรษฐกิจไทยย่ำแย่กว่าประเทศเพื่อนบ้านมานาน รัฐบาลจำเป็นต้องใช้เงินภาษีของประชาชนมาแจกจ่าย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า แต่ในความเป็นจริงแล้ว เศรษฐกิจระดับรากหญ้าของประเทศไทย มีมูลค่าสูงถึงกว่า 2 ล้านล้านบาท
จากปีการท่องเที่ยวที่ผ่านมา 2 ปี ที่มีมูลค่า GDP สูงกว่าประเทศในอาเซี่ยนถึงกว่า 5 เท่า และสูงกว่า GDP ของประเทศจีนถึง 2 เท่า เฉพาะแค่งานประเพณีสงกรานต์ไทย ก็สร้างเม็ดเงินหมุนเวียกว่า "หนึ่งแสนแปดพันล้านบาท "แค่ช่วงเวลาแค่เพียง 5 วันเท่านั้น และคาดการว่า ปีนี้สงกรานต์ขยายเวลาไปถึง 21 วัน จะมีเม็ดเงินหมุนเวียนสูงถึงกว่า สองแสนล้านบาท
****จึงไม่แปลกใจเลยที่ผู้นำเด็กๆเหล่านี้จะเลือกประกาศ ขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัลเต็มสูบ ในวันที่ประเทศไทยประกาศให้ต่างชาติเล่นสงกรานต์ได้ และคำนวนเที่ยวบินของจำนวนนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่หลั่งไหลเข้ามาเที่ยวประเทศไทย
นี่คือวิธีคิดแบบผู้นำเด็กๆที่สิ้นคิดและกล้าเล่นกับเงินภาษีของประชาชน แต่คนที่ได้ประโยชน์สูงสุดก็คือ นช.ทักษิณ กับกลุ่มทุนเจ้าสัวจีน ในขณะที่ประเทศไทยและประชาชน และเงินคงคลังไม่ได้ประโยชน์อะไรสักอย่างเลย***
***มันเป็นแค่เทคนิคการจับเสือมือเปล่า ที่ทักษิณเคยใช้มาตลอดก็เท่านั้น***
นับจากนี้ไป นโยบายเงินดิจิทัล วอลเล็ต นอกจากประเทศไทยจะสูญเสียเงิน 5 แสนล้านบาทไปฟรีๆให้กลุ่มทุนเจ้าสัวจีน ที่จะนำเงินพวกนี้ไปต่อยอดขยายธุรกิจในต่างประเทศแล้ว การกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะเป็นเพียงละครปาหี่เท่านั้น เพราะมันจะไม่ส่งเสริมเศรษฐกิจให้มีคุณภาพตามที่เด็กขี้คุยพูดได้จริงสักอย่าง
แถมยังสูบเอาเงินภาษีประชาชนจำนวนมากไปเข้ากระเป๋านายทุนไม่กี่ตระกูล เสร็จแล้วเขาก็หอบเงินก้อนนี้ไปลงทุนที่ต่างประเทศ เช่นใน สปป.ลาวและ เวียดนาม เพราะในประเทศไทยมันตันหมดแล้ว ไม่มีที่ให้พวกมันขยายอีกแล้ว เพร่ะคู่แข่งมันเยอะ
.........
ทำไมประเทศชาติของเราถึงไม่มีผู้นำและพรรคการเมืองที่ชาญฉลาดและรักประเทศชาติกันบ้างนะ มีแต่พวกโง่แต่แคชั่นว่าเป็นคนฉลาดกันทั้งนั้น
เสียดายเงิน 5 แสนล้านบาท
1.ใช้เงิน 2 แสนล้านบาท ปฏิรูป สตช. และหน่วยงานปราบปราบอาชญกรรม เอานายตำรวจน้ำดีขึ้นมาเป็นผู้บังคับการ กรวดล้างยาเสพติด บ่อนการพนันออนไลน์ บัญชีม้า เงินกู้นอกระบบ กรวดล้างให้สิ้นซาก ประเทศไทยจะมีเงินเหลือในระบบสูงถึงปีละกว่า 4 แสนล้านบาท แถมงบปีละ 2 แสนล้านบาทให้ สตช.กับหน่วยปราบปราบอาชญกรรม ยังทำให้ สตช.มั่นคง และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ แถมเจ้าหน้าที่ยังได้เบี้ยรายได้เพิ่มขึ้นและมั่นคงในอาชีพ ไม่ต้องไปเป็นตำรวจในคราบโจร และทำให้รัฐบาลไม่ต้องขาดดุลเงินที่สูญเสียนอกระบบไปแบบสูญเปล่า
2.ใช้เงิน 3 แสนล้านบาท ส่งเสริมอาชีพของชุมชน เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและการตลาด เพื่อสร้างศักยภาพแข่งขันการผูกขาดของกลุ่มทุนเจ้าสัวจีน และส่งเสริมให้ความรู้ การพัฒนาสินค้าส่งออกทดแทนโปรตีนจากธรรมชาติ ที่จะขาดหายไปจากโลก เพื่อทดแทนเนื้อสัตว์และฟาร์มปศุสัตว์ขนาดใหญ่ ที่จะหายไปจากสารบบของโลก
3.ใช้เงินคงคลังฉุกเฉิน ออกนโยบายสร้างประเทศให้เป็น HUB ของสิ่งแวดล้อม และสร้าง HUB เป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีชั้นนำของโลก ทั้งการผลิตกระแสไฟฟ้า พลังงานสมัยใหม่ ที่ไม่เบียดบังธรรมชาติ สร้างประเทศให้เป็นศูนย์กลางอาหารโลก และเป็นประเทศชั้นนำที่เป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าภาคการเกษตรไม่ใช้สารเคมี
4.สร้างสถาบันการเงินระดับโลก มีแบงค์ชาติเป็น HUB ของภูมิภาคเอเซีย มีธนาคารพานิชย์ที่มีสถานะการเงินที่มั่นคงที่สุดในภูมิภาคเอเซีย
5.ส่งเสริมโรงพยาบาลของรัฐให้มีสถานะเป็นโรงพยาบาลชั้นนำของโลก ทั้งเทคโนโลยีทางการแพทย์ เป็น HUB ทางด้านสุขภาพของโลก สนับสนุน รพ.เอกชน ให้กลายเป็น รพ.เวลเนตชั้นนำที่เป็นศูนย์กลางสุขภาพของโลก
6.ส่งเสริมศูนย์สุขภาพ(เวลเนตชุมชน) ทั้งวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ผสมประสานการแพทย์ทางเลือก เพื่อดูแลสุขภาพเบื้องต้นของคนในชุมชน ก่อนจะป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล เพื่อไม่ให้รัฐต้องสูญเสียรายจ่ายจำนวนมากในแต่ละปี ในเรื่องสุขภาพของประชาชน
7.สนับสนุนนโยบายการศึกษาทางเลือกใหม่ เพื่อตอบโจทย์ครอบครัวรุ่นใหม่ ที่ต้องการให้เด็กและผู้ปกครองได้ส่งลูกและได้เรียนในสถานศึกษาที่สอนวิทยาศาสตร์โลกแห่งความเป็นจริงและสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ไม่แออัดเหมือนคอกเลี้ยงวัว
8.ส่งเสริมรายได้และพัฒนาคุณภาพเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้ทำงานรับใช้ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ
มีอีกเยอะแยะที่ผู้นำที่มีแนวคิดเป็นผู้ใหญ่ ที่ควรจะทำ ไม่ใช่เป็นผู้นำเด็กน้อย แต่ทำตัวเหมือนเซลล์แมนวิ่งขายของไปทั่ว แถมยังไม่มีอำนาจเป็นของตัวเองอีก และออกแต่นโยบายกากๆ ไม่เคยพัฒนาองค์ความรู้และแนวคิด หลงยึดติดแต่กับนโยบายแจก แถม ฟรี จนเคยตัว และก้มหัวรับใช้เป็นสมุนของนายทุน จนน่ารังเกียจ
****ตอนนี้ชาวบ้านเขาไม่ได้โง่ เหมือนที่พวกนักการเมืองเคยคิดกันแล้ว พอผู้นำเด็กออกมาพูดเรื่องนโยบายเงินดิจิทัลเท่านั้น เขาก็พูดกันเต็มประเทศว่า
***แม่ง!! นโยบายแบบนี้ ยังสู้นโยบายคนละครึ่งของลุงตู่ไม่ได้เลย ระบบก็ไม่ซับซ้อน ใช้ง่าย ถูกใจกันทั้งนั้น แฟร์ๆวินๆ เงินก็สะพัด กระตุ้นเศรษฐกิจยุคโควิดได้เยอะ และรอดตายมาได้ก็เพราะลุงแก่ๆคนนี้***
***ไม่ได้อวยลุงนะ เขียนความจริงเปรียบเทียบให้เห็นแบบชัดๆ***
****สักวันพวกคุณจะคิดถึงผม ลุงตู่แกเคยพูดเอาไว้ มันชักจะเริ่มเป็นจริง เมื่อทักษิณกลับมา***มีแต่เรื่องวุ่นวาย ระบบการปกครองเริ่มเพี้ยนกันหมด***
****อย่ามาดราม่าและด่าตรูนะ ตรูเขียนเรื่องจริง ตรูยิ่งเป็นโรคบกพร่องทางความรู้สึกอยู่ด้วย***
เดชา นฤนารท .
10/4/67 16.04 น.
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย