พร้อมกับช่วยเหลือในการหาแหล่งเงินกู้อีก 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้กับ Apple อีกด้วย
นอกจากนี้ Mike ยังเข้ามาวางโครงสร้างใหม่ให้กับ Apple ในหลายเรื่องด้วยกัน อย่างเช่น
- จดทะเบียนเป็นบริษัท และมีสำนักงานเป็นของตัวเอง
- จ้าง Michael Scotty ให้เป็น CEO คนแรกของบริษัท เพราะ Mike มองว่า Steve Jobs ยังเด็กเกินไป
- คิดแผนธุรกิจและวางแผนการตลาดสำหรับการขาย
หลังจากนั้น Mike ได้ชักชวนเพื่อนนักลงทุนอีกมากมาย
ให้เข้ามาลงทุนใน Apple
ทำให้ Apple ได้เงินเข้ามาลงทุนเพิ่มเติมอีก 517,500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินปัจจุบันราว 95 ล้านบาท
และนั่นเอง จึงทำให้เขามีอิทธิพลใน Apple เป็นอย่างมาก
จนในที่สุด Apple ก็จดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในปี 1980 โดยมีราคาเริ่มต้น 22 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ซึ่งในตอนนั้นตัว Mike เองก็ถือหุ้นอยู่ประมาณ 7 ล้านหุ้น คิดเป็น 14% ของหุ้นทั้งหมด
นั่นเท่ากับว่า Mike ได้รับผลตอบแทนมากถึง 154 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินปัจจุบันราว 20,900 ล้านบาทเลยทีเดียว
1
อย่างไรก็ตาม Mike ได้ลดบทบาทของตัวเองใน Apple ลงไปในปี 1997 เมื่อ Steve Jobs ได้กลับเข้ามาเป็น CEO ของ Apple อีกครั้ง หลังจากที่เคยถูกไล่ออกไปก่อนหน้านั้น
ซึ่ง Mike เองก็ให้การสนับสนุนการกลับมาของ Steve Jobs อีกเช่นกัน
แม้จะมีความขัดแย้งกันเมื่อตอน Steve Jobs ถูกไล่ออกไปจากบริษัทในตอนแรก แต่ Steve Jobs ก็ยังคงขอบคุณ Mike ที่ช่วยมาวางรากฐานให้กับ Apple
และอาจพูดได้ว่า ในตอนนั้น หาก Steve Jobs เป็นหัวเรือในนวัตกรรมของ Apple ตัว Mike เองก็คงเป็นหางเสือที่คอยนำทางให้ Apple ยิ่งใหญ่ได้ จนมาถึงทุกวันนี้..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
ปัจจุบัน Mike ถูกประเมินว่า มีความมั่งคั่งสุทธิ
ทั้งหมด 43,200 ล้านบาท ซึ่งในปี 1996 Mike ขายหุ้นของ Apple ออกไปบางส่วน แต่ในปัจจุบัน ไม่มีข้อมูลว่า Mike ยังถือหุ้นของ Apple อยู่หรือไม่..