รู้หรือไม่? คนญี่ปุ่นเคยเชื่อว่าตนเองไม่สามารถได้ยินเสียงของจักรพรรดิได้
ตามหัวข้อข้างต้นเลยครับ ทุกคนเชื่อหรือไม่ว่าในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ที่โลกของเราผ่านการปฏิวัติวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแล้ว แต่ก็ยังคงมีความเชื่อแบบดั้งเดิมหลงเหลืออยู่ หนึ่งในนั้นคือความเชื่อดังกล่าวตามหัวข้อบทความข้างต้น
ในประเทศญี่ปุ่นจักรพรรดิถือเป็นสัญลักษณ์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อจิตวิญญาณของคนญี่ปุ่น จักรพรรดิถูกยกไว้ในสถานะที่เป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากเทพ และดำรงสืบต่อกันมาอย่างไม่ขาดตอนนับตั้งแต่ยุคบรรพกาล
สิ่งนี้ทำให้คนญี่ปุ่นเชื่อว่าจักรพรรดิของตนเป็นเทพที่มีสถานะแตกต่างจากตนเองซึ่งเป็นมนุษย์ธรรมดา ด้วยเหตุนี้เองทำให้มีความเชื่อที่ว่าพวกเราไม่สามารถได้ยินเสียงของจักรพรรดิซึ่งเป็นเสียงของเทพได้และในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถพูดหรือสื่อสารใด ๆ กับจักรพรรดิได้ด้วย เพราะตนเองใช้ภาษาคนละภาษากับจักรพรรดิซึ่งเป็นเทพ ความเชื่อดังกล่าวถูกสืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนานจวบจนช่วงสิ้นสุดลงของสงครามโลกครั้งที่ 2
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าก่อนที่ประเทศญี่ปุ่นจะประกาศยอมแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นได้รับความเสียหายอย่างมากจากการทิ้งระเบิดปรมาณู 2 ลูกที่ฮิโรชิมาและนางาซะกิโดยสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นประมาณ 2-3 วัน ก่อนการประกาศยอมแพ้ในสงครามของญี่ปุ่นจักรพรรดิได้มีการอัดเสียงของพระองค์เพื่อประกาศให้สาธารณชนได้รับรู้ถึงการยอมแพ้ในสงครามครั้งนี้ ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคและการขัดขวางจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลก็ตามแต่สุดท้ายไฟล์เสียงดังกล่าวก็ได้รับการเผยแพร่ออกสู่สาธารณชนให้ได้ฟังโดยทั่วกัน
ภาพจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ(จักรพรรดิโชวะ)แห่งญี่ปุ่นได้ประกาศการยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไขทางวิทยุ
ภาพพระราชกฤษฎีกายอมจำนนของจักรพรรดิญี่ปุ่น
โดยตรงนี้มีเกร็ดทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ คือมีการเล่ากันว่าตอนที่ชาวญี่ปุ่นได้ยินเสียงประกาศยอมแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ของจักรพรรดิโชวะนั้น ชาวญี่ปุ่นโดยส่วนใหญ่ยังคงไม่ทราบว่าเสียงประกาศดังกล่าวเป็นเสียงของจักรพรรดิ(อารมณ์ประมาณว่าเสียงตาแก่ที่พูดอยู่นี่เป็นเสียงของใครนะ) ไม่มีใครรู้หรือเชื่อเลยว่าเสียงดังกล่าวเป็นเสียงของจักรพรรดิตนเองจริง ๆ จนต้องมีการออกมายอมรับอย่างเป็นทางการโดยรัฐบาลว่าเสียงที่ประกาศออกไปนั้นเป็นเสียงของจักรพรรดิที่ประกาศยอมแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อฝ่ายสัมพันธมิตร
ภาพคนญี่ปุ่นขณะฟังการประกาศยอมแพ้ของญี่ปุ่นโดยจักรพรรดิฮิโรฮิโตะซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินเสียงของจักรพรรดิญี่ปุ่น
ภาพคนญี่ปุ่นขณะฟังพระราชดำรัสของจักรพรรดิญี่ปุ่นผ่านลำโพงในค่าย
หลังจากนั้นไม่นานสหรัฐอเมริกาก็ได้เข้ามาควบคุมดูแลและปกครองญี่ปุ่น มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นที่เขียนให้จักรพรรดิเป็นเพียงสัญลักษณ์และศูนย์รวมจิตใจของคนในประเทศเท่านั้น ไม่ได้ดำรงอยู่ในสถานะของเทพเหมือนอย่างแต่ก่อน
อีกทั้งจักรพรรดิโชวะเองก็ได้ออกมาพูดต่อหน้าสาธารณชนและยืนยันด้วยพระองค์เองว่าพระองค์เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาไม่ใช่เทพทรงเป็นเพียงสัญลักษณ์และศูนย์รวมจิตใจของคนในชาติญี่ปุ่นเท่านั้น
หลังจากนั้นเป็นต้นมาความเชื่อดังกล่าวก็ค่อย ๆ หายไปจากสังคมแต่ก็ยังคงมีความเชื่อนี้หลงเหลืออยู่ในผู้สูงอายุที่ยังคงเชื่อว่าจักรพรรดิดำรงสถานะเป็นเทพไม่ใช่มนุษย์แต่ก็มีจำนวนน้อยลงไปเรื่อย ๆ ตามกาลเวลาที่ผ่านไป
จะเห็นได้ว่าความเชื่อในเรื่องต่าง ๆ และการเคารพต่อองค์สมเด็จพระจักรพรรดิและสถาบันของคนญี่ปุ่นมีมาอย่างยาวนานและสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าในปัจจุบันความเชื่อและการเคารพต่อองค์จักรพรรดิญี่ปุ่นจะน้อยลงบ้างแต่ก็ยังคงมีอยู่และจักรพรรดิก็ยังคงเป็นที่รักและเป็นที่เคารพของประชาชนชาวญี่ปุ่นสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน
สิ่งที่ผมนำมาเล่าในวันนี้มาจากการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลอย่างต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ ตามความชอบ ความสนใจของตัวเองผสมผสานกับการคิดวิเคราะห์และการแสดงความคิดเห็นของผมเองออกมา อาจมีข้อมูลบางอย่างคาดเคลื่อนหรือไม่ตรงกับข้อมูลชุดอื่น ๆ ทางผู้เขียนขอแจ้งให้ทราบไว้ก่อนนะครับ
สุดท้ายนี้ขอฝากทุกคนกดไลค์ กดแชร์ กดติดตามเพจเพื่อเป็นกำลังให้กัน แล้วพบกันใหม่ในโพสต์หน้า ขอบคุณครับ:)
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
