Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Where travel, taste and art meet
•
ติดตาม
12 เม.ย. เวลา 08:14 • ท่องเที่ยว
ล่องน้ำโขง ส่องสะพานทางรถไฟจีน-ลาว ไหว้พระวัดเชียงทองที่หลวงพระบาง
แม่น้ำโขงดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในแม่น้ำที่มีความใกล้ชิดกับคนไทย แต่ไม่น่าเชื่อว่า การล่องแม่น้ำโขงที่หลวงพระบาง จะทำให้คนกรุงอย่างเราได้สัมผัสกับความสงบและธรรมชาติได้ขนาดนี้ จริง ๆ แล้ว ทริปหลวงพระบาง เรากับเพื่อนจะปักหมุดกันไว้ที่วัดเชียงทองและพระราชวัง รวมทั้งหมุดในโหมดธรรมชาติอย่างน้ำตกตาดกวางสี
ส่วนการล่องเรือนั้นแค่แปะ ๆ ไว้ในแพลน ไม่ถึงขั้นปักหมุด แต่พอเอาเข้าจริง การที่นั่งอยู่บนเรือที่ค่อย ๆ แล่นไป ละเลียดบรรยากาศ วิถีชีวิตริมน้ำและธรรมชาติ 2 ข้างทางกลับทำให้ใจฟูแบบที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะฟูขนาดนี้
ศิลปะการตกแต่งที่ด้านหลังของโบสถ์วัดเชียงทอง
จาก Ep ที่แล้วที่เรากับเพื่อนไปใส่บาตรข้าวเหนียว เดินตลาดเช้า เข้าพระราชวัง จุดหมายปลายทางในช่วงบ่ายวันเดียวกันของพวกเราจึงเป็นวัดเชียงทอง ซึ่งเป็นอีกวัดที่เป็นแลนด์มาร์คของหลวงพระบาง ด้วยศิลปะการก่อสร้างที่มีจุดเด่นจากหลังคาที่เลียงเป็นชั้น ๆ อย่างสวยงามและภาพศิลปะฝาผนังที่ติดด้วยแก้วหลากสี อีกทั้งยังเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองมาอย่างยาวนาน จึงทำให้นักท่องเที่ยวปักหมุดที่วัดแห่งนี้กันมากมาย
ภายในวัดเชียงทอง
เรากับเพื่อนไปถึงวัดเชียงทองในช่วงเกือบบ่าย นักท่องเที่ยวหนาตา ก่อนเข้าวัดต้องซื้อตั๋ว เจ้าหน้าที่บริเวณปากประตูวัด จะคอยตรวจดูการแต่งกายของนักท่องเที่ยว เรากับเพื่อนเตรียมตัวมาแล้วเรื่องแต่งตัว ใส่กางเกงขายาวเอา จึงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าใครใส่ชุดที่ไม่เข้าเกณฑ์ เช่น ขาสั้น หรือกระโปรงสั้น ก็ไม่ต้องกังวล รอบ ๆ ทางเข้าวัด มีร้านรวงขายของที่ระลึกและเสื้อผ้าให้ได้ซื้อผ้าผ่อนมานุ่งให้เรียบร้อยได้
เข้าไปก็ไปซื้อดอกไม้ไหว้พระ ซึ่งมีให้เลือกหลายแบบตามความต้องการ ด้วยความที่เรากับเพื่อนไปช่วงบ่าย อากาศร้อนและแดดแรงพอสมควร หากเพื่อน ๆ จะมา แนะนำให้มาช่วงเช้าจะดีกว่า เรากับเพื่อนเข้าไปไหว้พระในโบสถ์ ซึ่งเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ไหว้พระเรียบร้อยก็ออกมาเดินชมความงดงามของสถาปัตยกรรมของโบสถ์ที่เป็นศิลปะล้านช้าง
ด้านข้างของหอไหว้พระที่มีศิลปะการตกแต่งที่สวยงาม
ส่วนตัวชอบงานกระจก กระเบื้อง แก้วสี อยู่แล้ว การที่เราได้มาเห็นภาพชีวิตความเป็นอยู่และความเชื่อจากผลงานศิลปะจากแก้วและกระจกหลากสีจากฝีมือของศิลปินบนฝาผนังด้านนอกของโบสถ์แล้วก็ให้นับถือจริงๆ เรียกได้ว่า ศิลปะได้ทำหน้าที่ในการสื่อความหมายให้กับคนรุ่นต่อมาไม่ว่าจะเป็นชาติใดได้เป็นอย่างดี
เมื่อนักท่องเที่ยวมากันเยอะ การถ่ายรูปในจุดที่เป็นที่นิยมในจุดต่าง ๆ อย่างหอไหว้ที่อยู่บริเวณด้านข้างของโบสถ์ ก็ยังเป็นไปแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ซึ่งเราว่าน่ารักมาก ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวฝรั่ง ไทย จีน ก็จะแบ่ง ๆ กันถ่ายรูป นอกจากหอไหว้แล้ว ยังมีโรงราชรถ หรือหอราชโกศ ภายในจะมีราชรถและพระโกศของพระมหากษัตริย์ของลาว
หลังจากไหว้พระเรียบร้อย เรากับเพื่อนก็ออกมาทางประตูวัดด้านที่ติดกับท่าเรือ ตอนนั้นก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปล่องเรือ แค่คุยกันก่อนมากับเพื่อนว่า น้องสาวเราแนะนำให้ล่องเรือไปไหว้พระด้วยและบอกให้ไปช่วงเช้าเพราะนั่งเรือไปไกลอยู่ เรากับเพื่อนเลยเดินเข้าไปถามคนเรือก็ได้ข้อมูลมาว่า เรือจะใช้เวลาเดินทางไปและกลับประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ถ้ำติ่ง
นั่นเท่ากับว่า เราจะได้ใช้เวลาช่วงบ่ายสัมผัสบรรยากาศและเสน่ห์ลำน้ำโขงแบบยาวไป ๆ สอบถามราคาแล้ว ลุงเจ้าของเรือคิดค่าบริการแบบเช่าเหมาลำคนละ 1,000 บาท
บริเวณบันไดทางลงจากด้านข้างวัดเชียงทองลงมาที่ท่าเรือ
และแล้วการเดินทางเพื่อล่องไปยังแม่น้ำโขงฝั่งหลวงพระบางจึงได้เริ่มต้นขึ้น ในช่วงแรกของเส้นทางแห่งลำน้ำ เราจะได้เห็นบ้านเรือน พื้นที่การเกษตรที่พอน้ำลง ชาวบ้านก็จะปลูกผักริมน้ำด้วยความที่ดินดี เราจึงเห็นแปลงผักแบบขั้นบันไดและ
รั้วผักเป็นระยะ ๆ รวมทั้งชาวบ้านที่มาปักเบ็ดนั่งตกปลากัน
นอกจากบ้านเรือนของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้แม่น้ำแล้ว เราก็จะได้เห็นบ้านผสมตึกสูง 3 - 4 ชั้นด้วยเหมือนกัน ลุงขับเรือเล่าให้ฟังว่า ให้สังเกตดู ถ้าเห็นบ้านแบบนี้ที่มีปล่องไฟจะเป็นบ้านฝรั่งที่มาแต่งงานกับสาวลาวแล้วปักหลักใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ช่วงหน้าหนาวอากาศหนาวจนต้องมีเตาผิง
ขั้นบันไดผักน้อยกลอยใจฟูมากเลย
เมื่อเรือแล่นออกมาไกลสักพัก เราก็จะได้เห็นพื้นที่ในส่วนที่เป็นธรรมชาติปราศจากบ้านเรือนมากขึ้น หลายครั้งที่เราได้เห็นฝูงวัวมาเล็มหญ้า หรือฝูงควายตัวใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มมาแช่โคลนเล่นน้ำบริเวณริมตลิ่งกัน ต้องบอกว่า น่ารักมากอีกครั้ง เพราะทั้งน้องวัวและน้องควายดูสมบูรณ์และชิลมาก นอกจากวัวและควายแล้ว บางช่วงเราก็เห็นม้าเดินเล็มใบไม้ใบหญ้าด้วยเหมือนกัน
น้อนเล่นน้ำ
ในขณะที่เรือแล่นไปเรื่อย ๆ บรรดาต้นไม้นานาพรรณก็จะเปลี่ยนไปมีทั้งต้นไผ่และไม้ยืนต้น เราก็จะได้สัมผัสความอ่อนโยนของไม้ป่าหลายสายพันธุ์ที่ออกดอกปลิวไสวไปกับสายลม เหมือนกับว่า พวกเธอกำลังโบกมือต้อนรับและทักทายแขกผู้มาเยือน ช่างเป็นบรรยากาศที่อ้อยอิ่งและฮีลใจไม่น้อย ช่วงที่เราไปเป็นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ดอกไม้ป่ายังคงออกดอกสวยงาม มีอยู่ช่วงหนึ่งของลำน้ำเจอต้นอะไรไม่รู้เป็นต้นไม้ยืนต้นออกดอกสีชมพูอ่อน ๆ เต็มไปหมด เสียดายถามชื่อต้นไม้จากลุงขับเรือลุงก็ไม่รู้เหมือนกัน
บรรยากาศรอบข้างที่โอบล้อมไว้กับป่าเขา
แม้ว่า สองข้างทางจะทำให้ใจฟู แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในบางจุดของแม่น้ำโขงที่มีกระแสน้ำและเป็นจุดที่มีน้ำวนท่ามกลางความกว้างใหญ่ของแม่น้ำนั้น น่ากลัวเหมือนกันนะ ดีว่าลุงขับเรือชำนาญทาง จุดที่เรากับเพื่อนหวาดเสียวลุงก็สามารถขับเรือผ่านไปได้แบบเซียนจริง ๆ ก็ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมลุงรู้เส้นทางดีจัง ลุงบอกว่าลุงขับเรือพานักท่องเที่ยวเส้นทางนี้เกือบทุกวัน ถึงได้ว่าลุงถึงได้รู้จักและคุ้นเคยกับลำน้ำโขงเป็นอย่างดี
เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม
อ้อ จริง ๆ แล้ว จะว่าไปเรากับเพื่อนก็จะอดหวั่นใจไม่ได้ในช่วงแรกที่เรือออกเดินทาง เพราะมากันแค่ผู้หญิง 2 คนและไม่เห็นเรือนักท่องเที่ยวเลยระหว่างทาง แต่พอเรือแล่นไปสักพัก ถึงได้เจอเรือที่พานักท่องเที่ยวรายอื่น ๆ แล่นสวนกลับมาบ้าง ส่วนใหญ่บนเรือก็มีนักท่องเที่ยวอยู่ไม่กี่คน ก็ให้เบาใจ
มาแล้วเรือนักท่องเที่ยว
นอกจากนี้สภาพธรรมชาติของแม่น้ำโขงย่านนี้ บางจุดจะมีกองหินโผล่ขึ้นมาทั้งกองหินขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ดูแปลกตา และเข้าใจเลยที่ลุงคนขับเรือเล่าให้ฟังว่า แถวนี้เคยมีเรือขนอุปกรณ์ก่อสร้างล่ม ก็ด้วยสภาพของกระแสน้ำและกับดักธรรมชาติแบบนี้นี่เอง
โขดหินกึ่งกลางแม่น้ำ
อีกอย่างที่ใจฟูสำหรับเราก็คือ การที่เราได้เห็นภาพของชาวลาวที่นำร่มกันแดดและเสื่อมาปูปิกนิกกันริมตลิ่งพร้อมด้วยอาหารและเครื่องดื่มในระหว่างที่ตกปลา ซึ่งจุดนั้นเป็นคล้าย ๆ กับเนินหญ้าสีเขียวอ่อน มีต้นไม้ให้ร่มเงาอยู่บ้าง ก็ให้ชื่นชมว่า เค้าช่างหาเวลาว่างมาพักผ่อนหย่อนใจกันได้เข้ากับพื้นที่อย่างชิลมาก คงจะมาพักผ่อนแถวนี้กันบ่อย ๆ เพราะมองไปแล้วก็นึกไม่ออกว่าเค้าเดินลงมาตรงจุดที่ตกปลาซึ่งเหมือนกับเกาะได้ยังไง
จุดใกล้กับที่เห็นเค้าปิกนิกกัน ใจอย่างฟู
ระหว่างทางไปยังถ้ำติ่งนั้น เรือแล่นผ่านสะพานทางรถไฟจีน-ลาวสูงตระหง่าน ตอม่อของสะพานมีขนาดใหญ่มาก นับถือคนสร้างสะพานจริง ๆ ทางรถไฟลาว-จีน เป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นตั้งใจของรัฐบาลลาวและจีน โดยเฉพาะลาว ซึ่งไม่มีชายแดนติดกับทะเล ในขณะเดียวกัน ทางรถไฟนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” หรือ One Belt One Road ของจีน
สะพานทางรถไฟลาว-จีน
ว่าแล้วเราถึงได้เจอนักท่องเที่ยวจีนค่อนข้างเยอะตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในหลวงพระบาง ก็เค้าเดินทางสะดวกแบบนี้นี่เอง การเดินทางที่สะดวกมากยิ่งขึ้นแบบนี้ จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งจากไทยและประเทศต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน
บันไดทางขึ้นหมู่บ้านต้มเหล้า
ก่อนที่จะไปถึงถ้ำติ่ง ลุงบอกว่า จะพาไปที่หมู่บ้านต้มเหล้าก่อน ปากทางขึ้นไปยังหมู่บ้านต้มเหล้านั้น เราก็จะได้เห็นแปลงผักที่มีทั้งกระเจี๊ยบเขียว ข้าวโพด ผักกวางตุ้ง เดินขึ้นบันไดไปก็จะเป็นลานทอผ้าและย้อมผ้า จากนั้นก็จะเป็นส่วนของพื้นที่ต้มเหล้าที่หมักจากข้าว มีทั้งเหล้าที่ทำข้าวขาวและข้าวแดง ชาวบ้านมีให้ลองชิมด้วย เดินเข้าไปด้านในของหมู่บ้านก็จะมีแผงขายผ้าสวยงาม
ผลิตภัณฑ์ที่หมู่บ้านต้มเหล้า
เรากับเพื่อนซื้อผ้าจากตลาดกลางคืนไปแล้วและเห็นว่าผ้าที่ขายที่นี่บางส่วนเหมือนกับที่ตลาดกลางคืน แต่ก็จะมีบางร้านที่ทอผ้ากันเอง ลวดลายสวยงาม และด้านในก็จะมีจุดที่ขายงานฝีมืออย่างตะกร้า ตุ้มหู อ่านป้ายแล้วก็ถึงได้รู้ว่า ประเทศญี่ปุ่นได้เข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านละแวกนี้ให้ได้ผลิตสินค้าขาย ซึ่งถือว่าดีมาก เพราะหมู่บ้านอยู่ห่างไกล การที่มีบริการเรือล่องลำน้ำโขงจึงมีส่วนช่วยกระจายรายได้ให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้
ผ้าคลุมไหล่ ผ้าถุง ผ้าพันคอ สวยๆทั้งนั้น
หลังจากที่แวะหมู่บ้านต้มเหล้าแล้ว ลุงก็ขับเรือไปยังถ้ำติ่ง จุดจอดเรือหน้าถ้ำมีเรือนักท่องเที่ยวจอดอยู่เยอะพอสมควร ทั้งกลุ่มที่เดินทางมาถึงก่อนหน้าเรา และกำลังจะกลับหลวงพระบาง ก่อนที่จะขึ้นไปก็ต้องซื้อตั๋วก่อน จากนั้นเรากับเพื่อนก็เดินขึ้นไปไหว้พระ บันไดขึ้นไปยังถ้ำติ่งนั้นค่อนข้างชัน ต้องระมัดระวังเวลาเดินสวนขึ้น-ลง
มาถึงแล้ว ถ้ำติ่ง
ถ้ำติ่งมี 2 ชั้น จุดที่เรากับเพื่อนเข้าไปไหว้พระนั้น เป็นชั้นล่าง เรากับเพื่อนไม่ได้เดินขึ้นไปชั้นบน เนื่องจากทางเดินที่ค่อนข้างจะชัน แต่เราก็เห็นนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ เดินขึ้นไปเหมือนกัน ถามลุงขับเรือแล้ว ลุงบอกว่า ด้านบนก็จะมีพระพุทธรูป ซึ่งสมัยก่อนคนเดินเรือละแวกนี้ก็จะเข้ามาหยุดแวะพักและไหว้พระ ต่อมาถ้ำติ่งได้กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวปักหมุดไว้หากได้มาเยือนหลวงพระบาง
บันไดขึ้นถ้ำติ่ง
ตอนที่เดินขึ้นไปตรงจุดที่เป็นถ้ำนั้น เราจะเห็นพระพุทธรูปขนาดต่าง ๆ วางเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมาก เดินลงมาอีกนิดนึงก็จะเป็นลานที่มองออกไปจะเห็นทิวทัศน์ของภูเขาที่สวยงามแปลกตา คล้าย ๆ กับภูเขาทางภาคใต้ของบ้านเราแต่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำ สรุปแล้ว หากมีเวลาควรล่องเรือมาถ้ำติ่งเป็นอย่างยิ่ง
วิวที่มองลงมาจากถ้ำติ่ง
ไหว้พระเสร็จเรียบร้อยก็ออกเดินทาง ขากลับลุงขับเรือจะพาไปทานข้าวและชมหมู่บ้านผลิตกระดาษสา แต่เรากับเพื่อนแวะทานกาแฟและขนมที่ร้าน Joma Bakery Café กันมาก่อนแล้ว จึงยังไม่ค่อยหิว ด้วยความที่คืนแรกจัดฮัมมูสกับพาสต้าไปและยังไม่ได้ลองกาแฟกับขนม เลยสั่งกาแฟมาทานกับเค้กมะพร้าวและครัวซองท์อัลมอนด์มานั่งชิลกันที่บริเวณด้านหน้า Joma ทานแล้วก็ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมครัวซองท์และขนมปังที่นี่ขายดี เนื้อครัวซองท์อัลมอนด์ดีมาก แป้งไม่ร่วนแตก กรอบนอกนุ่มใน หวานน้อยตัดกับความมันของอัลมอนด์ กาแฟก็สดชื่น ดีงามมมมมม
นั่งฟินที่ Joma
ย้อนกลับมาที่ล่องเรือ ความจริงก็รู้สึกว่า ถ้ามีเวลามากกว่านี้ น่าจะแวะให้ครบทุกจุด แต่สำหรับทริปนี้พวกเราใช้เวลานาน เพราะกว่าจะออกจากวัดเชียงทองมาขึ้นเรือก็บ่ายแล้วกลัวว่ากว่าจะถึงตัวเมืองจะมืดค่ำ จึงบอกลุงให้แล่นเรือกลับหลวงพระบางเลย ไว้มาใหม่คราวหน้า ขากลับเราก็จะได้เห็นแสงแดดกระทบลำน้ำระยิบระยับ ยังมีเรือที่ออกมาตกปลากันอยู่ บางจุดก็มีระลอกคลื่นของน้ำ ให้บรรยากาศคล้าย ๆ กับนั่งเรืออยู่ในทะเล
ขากลับ
ในระหว่างทางที่ล่องเรือขากลับ ลุงก็เล่าให้ฟังว่า ช่วงเย็น ๆ นักท่องเที่ยวหลายคนก็เลือกที่จะมานั่งเรือชมพระอาทิตย์ตกกันก็มี บางทัวร์ก็มีจัดเรือแบบ 2 ชั้นให้ชมวิวและดินเนอร์บนเรือ พอถึงท่าเรือที่วัดเชียงทอง เรากับเพื่อนก็กลับโรงแรม อาบน้ำอาบท่าแล้วก็ออกไปหาอะไรทานกัน
มาหลวงพระบางแล้วก็จะเข้าใจถึงความเป็นเมืองมรดกโลก วัดวาอาราม ไม่ว่าจะเป็นวัดที่มีชื่อเสียงมากน้อยขนาดไหน ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพที่ดีและสวยงาม นึกถึงตอนที่เราเดินออกมาจากโรงแรมไปยังถนนอีกเส้นใกล้ ๆ กันแล้วพบกับพระพุทธรูปยืนที่วัดแสนสุขารามจนสตั๊นท์ไปหลายวิ ไม่คิดว่าจะได้เห็นวัดและพระพุทธรูปที่สวยงามบนถนนเส้นเดียวที่ยังมีวัดตั้งเรียงรายติด ๆ กันแบบนี้
น้อน ๆ ที่หลวงพระบาง
นอกจากวัดที่ทำหน้าที่เป็นโรงเรียนและสถานที่ปฏิบัติธรรมให้เห็นแล้ว เมื่อผสานไปกับความเรียบง่าย ผู้คน อาหารการกิน และความเป็นเมืองท่องเที่ยวแบบไม่จี๊ดจ๊าดไปด้วยแล้ว หลวงพระบางจึงมีเสน่ห์มากมาย เรากับเพื่อนแอดไลน์แม่ค้าที่ให้บริการจัดที่นั่งและข้าวเหนียวสำหรับใส่บาตร รวมทั้งไลน์ของคนขับรถไว้ ตั้งใจว่า หลวงพระบางต้องมาอีกรอบแน่นอน
ท่องเที่ยว
ไลฟ์สไตล์
ลาออกไปเช็กอิน
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย