13 เม.ย. เวลา 09:17 • นิยาย เรื่องสั้น

แทบไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่าสมัยเด็กจะมีความคิดที่ไปไกลได้ขนาดนี้

มาอ่านเรื่องที่เคยอยากเขียนเมื่อสมัยเด็ก(มากกก) แต่เป็นแค่สตอรี่บอร์ดนะ
ตอนแรกฉันแทบจะไม่เห็นเขามีตัวตนเลยด้วยซ้ำ ไม่เคยรู้ว่าเขาอยู่ตรงนั้น อยู่ในที่ที่ฉันก็สามารถมองเห็นได้และรับรู้แต่นั่นไม่ทำให้ฉันสนใจหรือเห็นการมีตัวตนของเขาจนกระทั่งเหตุการณ์นั้น ภาพที่ชายหญิงกำลังนั่งอยู่ด้วยกันสองคนในห้องเงียบๆเพียงลำพังที่มุมๆหนึ่งของห้อง
ห้องเรียนในยามพลบค่ำหลังจากที่อาจารย์และนักเรียนเขากลับบ้านกันหมด มันเป็นภาพที่ทำให้ฉันรู้สึกดีเอามากๆ ภาพที่รู้สึกว่าอยากจะไปอยู่ตรงนั้นแทนที่จะรู้สึกว่าอยากเป็นผู้หญิงคนนั้น แต่กลับรู้สึกว่าไม่สิฉันอยากจะอยู่ตรงนั้น ตรงที่คนๆนั้นส่งสายตาและท่าทีแบบนั้นให้กับฉัน ท่าทีที่แสดงออกถึงคำว่า "รัก"
นานาหน่า นานานานานานา หน่านานานา
นานาหน่า นานานานานานา หน่านานานา จุ๊กกุกรู้
"อืมมม" ฉันเอื้อมมือไปปิดนาฬิกาปลุกโดยที่เปลือกตายังคงปิดสนิท ไม่ต้องแปลกใจนี่เป็นจังหวะเสียงเรียกเข้าไอโปนแต่เป็นเสียงของตัวการ์ตูนมินเนี่ยนร้อง แต่
กุกกัก "โอ้ยย!" นาฬิกามันตกใส่หัวฉันเฉยเลย คราวนี้ถึงกับตาสว่างเลยล่ะ ฉันพยุงตัวขึ้นนั่ง บิดขี้เกียจไปสองสามทีแล้วนั่งทบทวนฝันก่อนหน้านี้ ทำไมถึงฝันประหลาดจังเลยนะ ทั้งๆที่มันก็เป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้วแท้ๆ นั่นเป็นรักครั้งแรกของฉัน ความรักที่ฉันแทบไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจะเรียกว่าความรักได้มั้ย ในเมื่อคนที่ฉันรู้สึกด้วยเขาก็เป็นเพื่อนที่เรียกว่าสนิทเลยล่ะ แถมแฟนเขาก็เป็นเพื่อนฉันเหมือนกัน แต่นั่นก็นานมาแล้วล่ะ ช่างมันเหอะ
"โอย เจ็บชะมัด" ฉันบ่นพึมพัมมือก็ลูบหัวที่บวมปอยๆ ในขณะนั่งรออาจารย์มาสอนคาบแรก ของภาคเช้า
เหตุการณ์ที่ 1
อีกไม่กี่เดือนก็ไปฝึกงานละ ขอให้ผ่านทีเถอะฉันอยากทำที่บริษัทนี้มากๆเลยนะ แล้วระหว่างที่ฝึกฉันกับเพื่อนดันเผอิญเดินเข้าซอยเพื่อไปซื้อข้าวเพราะหลังซอยมีกับข้าวถูกและอร่อยกว่าแต่ระหว่างทางมันก็เปลี่ยวหน่อยและมีพวกนักเลงจะว่างั้นก็ไม่เชิงเพราะมันมีอยู่คนนึงที่โดนพวกนักเลงสามสี่คนรุมกระทืบ
แต่ไม่รู้ว่าพรหมลิขิตหรือบังเอิญหรืออะไรก็เหอะที่ฉันไม่ได้รู้จักกับคนที่โดนรุมแต่บังเอิญว่าเพื่อนที่เคยสนิทตั้งแต่สมัยเรียนามันกลับกลายมาเป็นหนึ่งในสีชายฉกรรจ์นี้ได้ ฉันเลยขอยัย(กระเทยแอ๊บแมนมาก)ว่าไม่ต้องแจ้งตำรวจเพราะเจ้าตัวที่โดนหาเรื่องก็ไม่อยากเอาความอะไรเพราะแค่บาดเจ็บเล็กน้อย และฉันก็ห่วงเขาด้วยเพื่อนที่ฉันเคยสนิทน่ะนะ
(อันนี้เอาไว้เฉลยทีหลังว่าเป็นเพื่อนกันตอนสมัยอยู่ม.ต้นเพราะไปเรียนที่บ้านแม่ แล้วไอ้นี่ก็เหมือนจะชอบแหละเพราะฉันก็แมนเอามากๆด้วยเลยมีเพื่อนผู้ชายตลอด แล้วไอ้นี่ก็คิดว่าที่ฉันสนิทเพราะชอบ แต่จริงๆแล้วฉันเพื่อนจริงๆไม่แอบแฝง แล้วก็จะมีช่วงที่มีเรื่องแล้วเข้าไปเอี่ยวด้วยจนไอ้$% มันต้องหึง เนี่ยพระรองนะคะ"
เหตุการณ์ที่ 2
สมัยยังเรียนอยู่นั้นฉันดันไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีเรื่องอย่างว่าวาบวามอะไรเลย และฉันก็เป็นพวกเซ่อซ่าเด๋อๆและแมนเอามากๆเลยมีกลุ่มเพื่อนสนิทที่เป็นผู้ชายอยู่หลายคน และตอนนั้นที่ฉันอยากมีประสบการณ์เรื่องจูบเพราะฉันเป็นพวกที่ถ้าคิดอะไรได้ก็อยสกทำตอนนั้นเลยมันจะได้ไม่ค้างคาถึงจะฉลาดแต่ก็สมาธิสั้นเลยเหมือนฉันจะซื่อบื้ิอ ตอนนั้นหลังจากที่พากันไปดูหนังทั้งทีมดันไปกันเป็นคู่แต่ละคนพวกมันเลยเลือกดูหนังรักกัน
ฉากสวีทก็เยอะมากๆด้วยไอ้ฉันเนี่ยก็เคลิ้มไปกับฉากฟินๆพวกนั้นจนแยากจะลองขึ้นมา แต่ติดตรงที่ว่าฉันไม่ได้มีหนุ่มๆในสต๊อกที่พออยากก็เลือกว่าจะเอาคนไหนดี ฉันเลยหน้าด้านขอไอ้(ชื่อมันน่ะ) เพราะมันเป็นเพื่อนที่ฉันไว้ใจสุดละ ขอร้องให้ลองมาจูบกับฉันหน่อยแต่ไอ้นั่นก็โวยวายเหลือเกินแค่นี้ทำให้เพื่อนไม่ได้ แถมมันยังตอกกลับฉันด้วยว่าให้รักนวลสงวนตัวอย่าเที่ยวไปขอจูบกับใครเขาทั่วแบบนี้ ฉันก็ดันโพล่งออกไปอย่างลืมตัว
"ก็ฉันก็เพิ่งทำกับนายคยแรกนี่ล่ะ" แล้วหมอนั่นก็เงียบแถมจ้องตาฉันอย่างมีความในฉันเลยพูดให้หมดปาก "อะไร ก็นายเพื่อนฉันนะแล้วนายก็ยังไม่มีแฟนอยู่คนเดียวเนี่ยถ้าไปจูบไอ้ต้นมันเดี๋ยวแฟนมันมาหักคอฉันพอดี"
"อ๋อนี่แกหมายความว่าถ้าไอ้ต้นมันไม่มีแฟนก็คงไปจูบกับมันแล้วสิ"
"ก็ใช่น่ะสิ อย่าทำเป็นฟอร์มเยอะหน่อยเลย จูบแค่นี้ไม่เห็นเสียหายเลย เพื่อนกันน่า" ฉันพูดอย่างไม่ยี่หร่ะ "ตกลงเอา อุบบ!" ฉันที่ยังพูดไม่จบหมอนั่นก็รีบชิงประกบปากฉันอย่างเร็ว ยังไม่แค่ประกบอย่างเดียวหมอนั่นยังบดขยี้ปากฉันจนฉันต้องเผยอริมฝีปากออกจนหมอนั่นสอดลิ้นเข้ามาตวัดลิ้นฉันไปมาอย่างดูดดื่ม นานสองนานจนฉันหายใจไม่ทั่วท้องมือไม้เริ่มกวัดแกว่งไปมาขาก็อ่อนยวบลงจนหมอนั่นรู้สึกตัวจึงปล่อยให้ปากฉันเป็นอิสระ ฉันที่หลุดพ้นจากการเกาะกุมเข่าถึงกับทรุดลงพื้นหอบแฮกๆแยากกับไปวิ่งสี่คูณร้อยมา
"นายจะฆ่าฉันรึไง" หลังจากที่ฉันหายใจคล่องขึ้นก็หันไปตวาดเจ้าตัวการ แต่หมอนั่นกลับถอนหายใจแรงทำหน้าบุญไม่รับ "นี่ฉันปากเห็นขนาดนั้นเลยหรอวะ" ว่าแล้วฉันก็เอามือป้องปากพ่นลมหายใจออกมาแรงๆสองสามทีก็ไม่ได้กลิ่นเหม็นเลยแต่กลับเป็นกลิ่นมิ้นต์รสส้มอ่อนๆที่ได้จากหมากฝรั่งที่ฉันชอบเขี้ยวเป็นประจำจนเป็นนิสัยไปแล้ว
หมับ หมอนั่นตรงดิ่งเข้ามาจับข้อมือฉันอย่างแรงแล้วเขาก็ประกบริมฝีปากกับฉันอีกครั้งปล้วก็พึมพัมเบาๆ "เธออย่าไปให้ใครจูบง่ายๆอย่างนี้อีกนะ ยัยบ๊อง" มันดบามากจนฉันคิดว่ามันเป็นแค่เสียงลมหายใจเท่านั้น แล้วเขาก็เดินออกไปจากตรงนั้น ทิ้งไว้แค่เสียงหัวใจเต้นตุบตับๆ เพราะว่าฉันกลัวผีน่ะสิ "ไอ้$% รอฉันด้วยเด้"
แล้วหลังจากนั้นหมอนั่นก็ควงแฟนใหม่มาโชว์ แต่ความรู้สึกฉันมันเป็โหวงๆไงไม่รู้แฮะ อาจจะเพราะว่าจูบนั่นล่ะมั้งไม่มั้งคงเป็นเพราะไอ้$% ออกจะหน้าหนอน ส่วนผู้หญิงคนนั้นสวยมากจนฉันเสียดายความสวย ไม่น่ามาคบกับคนพันนี้เลย เฮ้อออ ต้องเป็นอย่าวนั้นแน่ๆ
เหตุการณ์ที่ 3
หลังจากเต้นกันเมามันส์แล้ว ฉันก็เมาจริงๆด้วยไอ้ต้นเพื่อนสนิทสุดเลิฟก็เมาแอ๋ไม่ได้สติเลยด้วยซ้ำส่วนยัยกระเทนยแอ๊บแมนก็อาสาพาไอ้ต้นไปส่งบ้านโดยที่ฉันต้องแบกสังขารกลับบ้านเอง นั่นเพราะฉันขับรถมาเอง บอกเลยถึงจะเมาแต่สติอยู่ครบ จริงๆนะ โอ้ยเสาบ้านี่ก็มาชนฉันได้ไม่เห็นรึไงว่าคนเมาเขากำลังเดินอยู่
ว่าแล้วฉันก็ขาอ่อนล้มกอดเสาจนเหมือนกำลังจะเป็นโคโยตี้รูดเสาอยู่แล้ว ฉันนั่งพิงเสาแล้วพยายามหารายชื่อในโทรศัพท์เรียกเพื่อนคนที่พอจะพาฉันกลับได้ แต่พอนึกถึงขึ้นได้มันก็มาด้วยกันทั้งฝูงเลยนี่ แต่ละรายเมาแอ๋กลับบ้านกันหมด แล้วฉันก็เลื่อนไปเรื่อยๆจนมาเจอเข้ากับชื่อนึง
"น้องพลอย ศิลป์เอก E" ฉันได้มาตอนงานรับน้อง เอเพื่อนของยัยน้ำน้องรหัสฉันนี่นา จะรบกวนมั้ยน้อ แต่สภาพฉันตอนนี้คงต้องรบกวนอย่างด่วนแล้วล่ะ เมื่อตัดสินใจได้ฉันก็กดไปที่สายนั้น ติดปุ๊บรับทันทีเลย กำลังเล่นโทรศัพท์อยู่หรอเนี่ย
"เอ่อ สวัสดีค่ะ นี่ใช่น้องพลอยคณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษหรือเปล่าคะ" ฉันกรอกชื่อเสียงเรียงนามไปกลัวเขาจะจำไม่ได้ว่านี่เป็นฉัน กลัวเขาคิดว่าโรคจิตที่ไหนโทรมา (แต่เท่าที่ฟังดูมันออกจิตๆนะ)
[ใช่ค่ะ พี่&& มีอะไรหรอคะโทรมาดึกดื่นเชียว] อ้าวเขาจำได้นี่คงจะเมมชื่อไว้แล้ว เออฉันนี่ก็น่าจะคิดได้แต่แรกเนาะ
"คือพี่รบกวนน้องพลอยหน่อยได้มั้ย คือพอดีว่าพี่เมาขับรถกลับเองไม่ได้อ่ะ" ฉันว่าเสียงออดอ้อน จริงๆไม่ใช่มารยาอะไรหรอกนะ แต่้พราะฉันติดนิสัยแต่เด็กเวลาจะขออะไรจะพยายามทำตัวน่ารักๆเข้าไว้
[ไม่รบกวนหรอค่ะ ว่าแต่พี่&&อยู่ที่ไหนหรอคะ]
ฉันบอกแผนที่อย่างละเอียดถี่ยิบ รอไม่ถึงยี่สิบนาทีพลอยก็มาถึง
"พี่&& เมาแล้วมำไมมาอยู่คนเดียวในโรงจอดรถแบบนี้ล่ะคะ อันตรายออก" ว่าแล้วพลอยก็พยุงตัวฉันลุกขึ้นแต่
ครืด พรึบ ฉันที่ไม่มีแม้แต่แรงจะยืนขึ้น แข้งขาก็อ่อนปวกเปียกไปหมด ตกลงไอ้พวกนั้นมันเอาอะไรมาให้ฉันกินวะเนี่ย ตอนนี้ฉันอยู่ล่างเพราะถูกยัยพลอยคร่อมไปแล้ว เออเอาเข้าไปลานจอดรถในผับเนี่ยไปรู้ทั้งขี้รองดท้า ทั้งอ้วก ทั้งเยั่ยว แต่ฉันนอนเกือกไปแล้วจ้า ให้ตายเถอะโว้ย
"พี่ไม่เมาแต่ไม่มีแรงอ่ะ" ว่าแล้วก็พยายามดันยัยตัวเล็กให้ลุกขึ้น "พลอยพยุงพี่ทีดิ ไม่อยากนอนนี่แล้ว พื้นมีอะไรบ้างก็ไม่รู้อ่า เรวๆ" ฉันว่าพลางเอื้อมมือไปคล้องคอยะยพลอยไว้ ยัยพลอยใช้สองมือซ้ายขวาดันพื้นไว้อยู่ แล้วแทนที่จะลุกขึ้น แต่กลับโน้มหน้าต่ำลงมา
"พี่&&" ตอนนี้หน้าเราอยู่ห่างกันแค่สามนิ้ว ไม่ๆ สอง หนึ่ง
"อื้อ" ฉันถูกบดขยี้ที่ปากอย่างเมามันส์จนฉันเกือบจะเคลิ้มละ
"ไอ้&& มึงทำไรอยู่วะ" เสียงไอ้$% ช่วยให้ยัยพลอยรีบผละลุกไปนั่งหลังชิดเสาเหมือนเห็นผี
"อ้าวนั่นพลอยปะ เห้ย! ไอ้&& มึงไปนอนทำเห้ไรตรงนั้น ลุกขึ้นจะไปส่ง" ไอ้$% ยื่นมือมาดึงฉันให้ยืนขึ้นแต่ก็ต้องพาดไว้ที่ท้ายรถ พอเปิดประตูเสร็จมันก็ถับฉัน ใช่ ไอ้เห้นี่มันถีบฉันเข้าเบาะหลังแถมยังใช้ตรีนคุณเธอเขี่ยๆเท้าฉันให้เข้าไปอยู่ในรถด้วย พ่อคุณตกลงมันเพื่อนรักหรือเปล่าว่ะเนี่ย
"ไอ้เห้$% เมิงทำกูแบบนี้ได้ไงวะ กูไม่เมานะโว้ย เดะแม่งมีโดน" ฉันว่าเสร็จแล้วก็หลับไป โดยที่ไม่รับรู้เลยว่าสองคนนั้นเขาคุยเรื่องอะไรๆที่มันเกี่ยวกับฉันเต็มๆ หลังจากที่เหมือนว่าไอ้$% ส่งน้องพลอยเรียบร้อยแล้วก็ตรงมาส่งฉันที่หอ ฉันรู้สึกว่ารถนิ่งก็งัวเงียลุกขึ้นนั่งที่เบาะหลัง ผมยาวฟูๆของฉันปรกหน้าจนหายใจจะไม่ออกอยู่แล้ว
"อืม" ฉันใช้มือควานหาประตูรถโดยที่ตายังคงหลับอยู่ "อือ" มือฉันคลำไปเหมือนมีจมูกโด่งๆเลยฉันบีบๆดู
"โอ้ยยัยบ้า ทำไรวะเนี่ย" เสียงไอ้$% ร้องลั่นฉันเบิกตาโพล่ง
"ตกใจหมดเลยจะตะโกนทำไมเนี่ย" ฉันสาวผมออกจากหน้านคร่าวๆเพื่อดูให้เต็มตา ส่างเมาเลยฉัน
"ก็เธอมาจมูกฉันทำไมเล่า"
"ก็ฉันจะรู้มั้ยคะว่าจมูกนายมาอยู่ตรงนี้"
"เออ ก็เล่นหลับหูหลับตาคลำขนาดนั้นนี่ "
"ก็ฉันง่วงอ่ะ อยากนอนแล้ว ถึงหอแล้วใช่มะ หลีกเลยฉันจะขึ้นห้อง" ว่าละก็ผลักไอ้ผู้มีพระคุณที่มาส่งให้หลีกทางแต่ฉันลุกไม่ขึ้นอ่ะ
"รีบๆลุกสิมัวมำอะไรอยู่อีก ฉันก็ง่วงนะอยากนอนเต็มแก่แล้ว" ฉันมองหน้าไอ้$% ด้วยสายตาออดอ้อน แล้วทำเสียงแบ๊วๆอย่างที่เคยทำเวลาอยากได้อะไร
"นี่ๆ เพื่อน$% ช่วยเพื่อน&& หน่อยสิ เพื่อนหมดแรงอ่ะ" ว่าแล้วฉันก็ยื่นสองมือออกไปเหมือนเด็กอยากให้คุณแม่อุ้มอย่างไรอย่างงั้น
"ไม่ต้องมาอ้อนเลยรีบลุกขึ้นมาแกอ่ะมันขี้เกียจ"
มันพูดแล้วก็ยืนกอดอกมอง ฉันตอบแล้วพยายามลุกเองแต่ก็ยังคงลุกไม่ขึ้น
"ไม่ต้องมาสำออยเลยนะ&&" ฉันทำหน้าบูดแล้วทำแก้มพอกลมเหมือนเด็กนิสัยฉันเนี่ยมันคิดว่าตัวเองน่ารักมากรึไงวะ "ของจริงหรอวะเนี่ย ไม่เมาแล้วหมดแรงได้ไงวะ หรือว่าเมา"
"ไม่เมาเว้ย ไอ้ต้นมันเอาอะไรให้ฉันกินไม่รู้ แกไม่ได้กอนรึไงเล่า" ฉันพูดงอนๆ
"เออๆ" ว่าแล้วมันก็ดึงมือฉันขึ้นแต่ฉันก็ซุ่มซ่ามอีกหัวดันไปโขกกับขอบประตูรถจนหงายหลังกลับ ทำให้ไอ้$% มันก็ล้มเข้ามาให้ตัวรถด้วยคน โอ้ย หายใจไม่ออกแค่ผมฟูๆที่ปกหน้าก็หนักแล้ว นี่ยังมีไอ้หมีควายทับมาอีกตัว เอ้ย คนหนักนะเนี่ย ขยับก็ไม่ได้
"หนักโว้ย รีบลุกออกไปทีดิวะ" ฉันทำได้แค่นอนนิ่งๆมือก็พยายามดัน แต่แรงไม่มีเลยโว้ย
"นี่ ปราง" หมอนั่นพูดเบาจนเหมือนกระซิบ ตอนนี้หน้าเราห่างกันแค่คืบ จริงๆนะ แถมยังได้กลิ่นเหล้าหึ่งเลย หมอนี่ก็เมาหรอเนี่ยแต่ยังดีนะที่ไอ้นี่มันเมาแล้วขับรถได้
"อะไร"
"แกว่าถ้าฉันคบกับมีนาจะได้มั้ยวะ"น้ำเสียงหมอนั่นจริงจังจังแฮะ
"ฉันว่ามีนาก็น่ารักดีนะ นิสัยดีด้วย ทำไมหรอ"
"ก็ฉันอยากให้แกรู้ไงว่า ฉันคบได้มั้ย"
"นี่แกจะคบกับใครมันเกี่ยวอะไรกับฉันเล่า แกมีแฟนมาตั้งกี่คนแล้วทำไมคนนี้ต้องมาขอฉันวะ"
"ก็ฉันแคร์แกไง" เรามองสบตากันเนิ่นนานแล้วก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจของอีกที่ทั้งถี่และแรง เขาก้มหน้าใกล้เข้ามาเรื่อยแล้วจากนั้น ฉันก็หลับไปความรู้สึกสุดท้ายคือร้อนๆขึ้นมาที่หน้าอก เหมือนกับว่าหัวใจมันจะละลายคาทรวง
เหตุการณ์ที่ 4
เอาเป็นว่าตอนนั้นแม่ป่วยเลยพาแม่กลับบ้านเพราะเป็นอาการที่รักษาไม่หายต้องดูแลใกล้ชิด พ่อก็เป็นตำรวจเลยไม่มีเวลาเลยต้องย้ายไปอยู่บ้านเกิดแม่ ให้ญาติๆช่วยดูและนะคะ
มะปรางหรือฉันเนี่ยกับไอ้ต้นเคยเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เกิดเลยก็ว่าได้ เพราะฉันกับมันเนี่ยอยู่บ้านติดกัน แล้วแม่ฉันกับแม่มันก็สนิทกันตอนท้องก็ไปคุยสารทุกข์สุขดิบกันจนวันคลอดไอ้ต้นแม่กำลังนั่งกินนั่งกินน้ำพริกกะปิใต้ต้นมะปรางแล้วเผอิญว่าอยู่ด้วยกันนั่นแหละ ดันเจ็บท้องจะคลอด แล้วแม่ฉันก็เลยไปเรียกคนมาช่วย
พอไปถึงโรงพยบาลแม่ฉันที่อยู่ที่บ้านก็เจ็บท้องขึ้นมาอีกคน เลยกลายเป็นว่าในวันนั้นฉันกับมันก็เกิดพร้อมกัน และก็ที่มาของชื่อฉันกับมันด้วย จนแม่ๆเขาก็ว่าฉันกับมันอ่ะเป็นแฝดกัน คนแถวนั้รก็เรียกกันตามมาเลย แต่พอตอนที่จะขึ้นม.ต้นญาติทางพ่อป่วยหนักไม่มีคนดูและ ฉันกับแม่เลยต้องย้ายไปอยู่ที่นั่นเพื่อไปช่วยดูแลฉันเลยต้องย้ายไปเรียนม.ต้นที่นู่น
แต่ไปอยู่ได้แค่สองปีญาติพ่อก็เสียเลยว่าจะกลับแต่ฉันก็เหลืออีกปีเดียวก็จะจบแม่เลยให้อยู่ต่ออีกปี แล้วก็ย้ายมาเรียนม.ปลายที่นี่ แล้วก็มารู้จักกับแกเนี่ย ส่วนฉันกับไอ้ต้นก็สนิทกันเหมือนเดิม อยู่ด้วยกันเหมือนแฝดจริงๆเหมือนตอนเด็กๆ ทุกวันนี้ที่แปลกไปก็คือไม่ได้อาบน้ำด้วยกันแล้วแค่นั้นแหละ" ฉันเล่าอย่างไม่ซีเรียส
"นี่อย่าบอกนะว่าเธอกับมาอาบน้ำด้วยกันจนถึงป.6 เลยน่ะ" ไอ้$% ทำท่าอย่างกับไม่ได้ขี้มาสามเดือน
"แหง่สิ เล่นด้วยกันก็ปกตินี่ อีกอย่างนั่นก็ตั้งแต่เด็กแล้ว" ฉันพูดแล้วก็หันไปมองไอ้คนเรื่องมาก
"งั้นฉันถามอีกอย่างหนึ่งสิ"
"อะไรอีกล่ะ" ฉันหนัไปจ้องหน้าสีหน้าบอกว่าจะอะไรอีก
"วันนั้นที่เธอขอให้ฉันจูบเธอน่ะ นั่นเป็นจูบแรกของเธอรึเปล่า" ฉันทำหน้านึกสักครู่แกล้งคนแถวนี้ให้ลุ้นหน่อย
"นายคิดว่านั่นเป็เฟิร์สคิสของฉันเหรอ" ฉันตอบด้วยคำถามกลับบ้าง ก็แหง่สินั่นเป็นจูบแรกของฉัน แต่หลังจากนั้นฉันก็จูบกับเพื่อนทุกคนเลยน่ะฮิฮิ
"แสดงว่าเธอกับไอ้ต้นก็เคยจูบกันแล้วน่ะสิ" เขาพูดอย่างหัวเสีย เอออะไรจะบ้าขนาดนั้นเล่า
"ใช่ แต่หลังจากที่นายจูบฉันอ่ะนะ"
"งั้นนั่นก็เป็นจูบแรกของเธอ" เขาพูดเหมือนกำลังใช้ความคิด แล้วหันหน้ามายิ้มให้ฉัน "จริงเหรอ" เขาจับไหล่ฉันแรงๆ
"เออสิ ปล่อยได้แล้วเจ็บ" ฉันแกะมือเขาออกแต่เขาก็เอามือมาจับคางฉันให้หันหน้าไปหาเขา เรามองตากัน สายตาเขาที่มองยังไงมันก็มีความหมายที่สื่ออกมาว่ามันมากกว่าความเป็นเพื่อน ใช่ก็เพื่อนสนิทไงเล่า โฮะๆคิดอะไรอยู่วะเนี่ยฉัน
"นี่เหม่อไปถึงไหนแล้วเนี่ย" ฉันรีบเรียกสติกลับมาพยายามเสมองไปทางอื่นแต่ฉันกลับหลีกหนีสาตาคู่นี้ไม่ได้เลย
"อะไรเล่ามองอยู่ได้เดี๋ยวฉันก็ท้องพอดี" ฉันเอามือดันหน้าคนตัวสูงออกไป
"ปราง ตอนนี้ฉันจูบแกได้มั้ย" นายนั่นพูดเสียงเบาแต่จริงจัง
"มีนาอนุญาตหรอ" ฉันแอบห่วงความปลอดภัยของหัวที่อยู่บนบ่ามากกว่า เพราะเรื่องจูบฉันคิดว่าไม่เป็นไร เพราะฉันก็จูบกับเพื่อนหลายคนอยู่ อีกอย่างฉันก็เคยจูบกับไอ้$% มาแล้วนี่นา เพื่อนกัน
"ฉันเลิกกับมีนาแล้วล่ะ"
"เฮ้ย เพิ่งคบได้เดือนเดียวเองนะ ฉันเห็นพวกนายอยู่ด้วยกันออกบ่อย ทำไมเลิกล่ะ" ฉันงงจริงๆ ยังเห็นไปทานข้าว ดูหนังด้วยกัน แถมยังชอบพาไปร่วมงานสังสรรค์ของทีมตลอดเลย
"นั่นเพราะฉันอยากจูบเธอมากกว่าจูบกับยัยนั่น"
"รู้เหมือนมีความหมายแปลกๆแฮะ" ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี งงโว้ย
"อย่างแกน่ะ คิดเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจหรอก ยัยบื้อ" ว่าแล้วนายนั่นก็ปาะกบริมฝีปากฉันเบาๆแต่ลึกล้ำ เขาค่อยๆแทรกลิ้นเข้ามา
เหตุการณ์ที่ 5
พอปิดเทอมฉันก็กลับบ้านแม่ที่หนองคาย ได้ออกมาจากเมืองกรุงบ้าง ฉันชอบบ้านแม่มากๆถึงแม้จะไม่มีใครอยู่อาจจะทกความสะอาดแค่สองสามวันก็เหมือนใหม่แล้ว ก็ปิดเทอมตั้งสองเดือนเลยนี่ฉันว่าจะอยู่จนวันเปิดเทอมเลยล่ะ และอีกอย่างคงเพราะฉันไม่ค่อยได้มาเลย พ่อก็งานยุ่ง
เพราะงั้นปีนึงก็มาได้แค่ช่วงปิดเทอมนี่แหละ และช่วงนี้ก็ยังมีงานที่วัดบ่อยๆฉันชอบไปทำจิตอาสาที่วัดอยู่แล้วด้วย ถ้าเป็นช่วงนี้ที่วัดก็จะยุ่งหน่อยเพราะต้องเตรียมงาน แค่พระที่วัดคงทำไม่ทันเพราะงั้นพวกแม่บ้านเอย หรือคนเฒ่าคนแก่ก็จะมาช่วยกันทำเแ็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีด้วย พอทำงานเสร็จเหนื่อยๆก็มากินข้าวร่วมกันหลายๆคน ทั้งสนุกครึกครื้นดี
ถึงแม้กับข้าวนะเป็นอาหารบ้านๆแต่ฉันก็รู้สึกว่ามันวิเศษและก็มีค่ามากๆเลยเพราะบรรยากาศแบบนี้ฉันไม่ค่อยได้เจอเพราะอยู่ในเมืองมีแต่คนไม่รู้จัก คนที่นี่ทั้งเป็นกันอบอุ่น ไม่ต้องเสแสร้งหรือระวังตัวอะไรตลอดเวลา มันทำให้ฉันรู้สึกผ่ผนคลายดอามากๆ
"มะปราง ลุงว่าเอ็งค่อยๆกินก็ได้นะ ป้าแดงเขาทำไว้เต็มหม้อเลย ไม่มีใครแย่งเอ็งกินหรอก" ลุงธงพี่ชายคนเดียวของแม่ ญาติทางแม่ที่ฉันมีในตอนนี้ก็ครอบครัวลุงเขานี่แหละ แต่คนทั้งหมู่บ้านก็รู้จักและก็รักฉันกันทั้งนั้น เพราะเป็นหมู่บ้านเล็กๆทุกคนเลยสนิทกันหมด
"ก็มันอร่อยนี่ลุง อยู่กรุงเทพไม่ได้กอนเลย ปีนึงได้กินทีนึงเอง" พอพูดจบฉันก็ยัดข้าวเหนียวข้าวปากอีกคำโต
"เออๆอร่อยก็กอนเยอะดูสิผอมซะ น้าทองแกทำไว้เต็มหม้อเลย แกก็เอากลับไปกินที่บ้านสิ อยู่คนเดียวทำกับข้าวก็ไม่เป็น ไม่รู้ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่นะ" น้าส้มรุ่นน้องของแม่พูดไปยิ้มไปแถมยังมายีหัวฟูๆของฉันอีก
"ก็ผู้หญิงสิน้า เนี่ยนมทั้งนั้น" ฉันว่าแล้วก็ยืดอกโชว์ความน้อยนิดนี้ แต่ก็มีตุ่มๆอยู่นะ "โอ้ยย"
"ไอ้ปรางเอ้ย ในวัดในวาทำอะไรอย่างนั่น ไอ้เด็กคนนี้นี่" น้าทองที่นั่งข้างๆฉันบิดแขนฉันจนตัวฉันต้องงอเข้าหาแรงบิดนั่ร
"โอ้ยๆๆ พอแล้วจ้าๆ รู้แล้วๆ" พอน้าทองปล่อยมืออกฉันก็ได้แต่ลูบแขนปอยๆ เจ็บอ่ะ
"อ้าวมะปราง กลับมาตอนไหนเนี่ย ไม่เห็นรู้เลยนะ" ฉันหันหน้าไปทางต้นเสียงก็เจอ
"ไอ้หนอน ฉันว่าเสร็จจากนี่ไปหาแกอยู่พอดีเลยว่ะ เบื่อๆก็เลยมาทำงานช่วยป้าๆเขาเนี่ย" ฉันกินข้าวเรียบร้อยแล้วก็เดอนเลี่ยงออกมาเพื่อนคุยกับเพื่อนจะได้ไม่รบกวนผู้ใหญ่กินข้าว
"วอร์ม ชื่อฉันคือ วอร์ม ครับคุณ" ไอ้หนอนพยายามจะบอกชื่อจริงๆของมัน
"มันก็แปลว่าหนอนนั่นแหละ ชอนได้แล้วเว้ย"
"หนอนบ้านแกสิ ฉันบอกแกแล้วว่าหมายถึง อบอุ่นน่ะ" ไอ้หนอนยังพยายามจะให้ฉันเรียกชื่อมันดีๆ แต่ฉันก็ดันชอนซะแล้ว
"เออน่า อย่างมากฉันก็เรียกแกว่าหนอนอยู่คนเดียวน่า ไม่เสียหายหรอก" ฉันพูดไปเดินดูต้นไม่ใบหญ้าข้างทาง เฮ้อธรรมชาติช่างดีแท้
"คร้าบๆ"
เหตุการณ์ที่ 6
ไอ้เพื่อนสนิทที่บ้านมันเป็นนักเลงแล้วเหมือนแม่จะส่งให้มาเรียนแต่ดันติดเพื่อนจนไม่สนใจเรียน มหาลัยเลย แล้วเราก็เข้าไปเอี่ยวแปป เดี๋ยวมาต่อ
เหตุการณ์ที่ 7
หนังกลางแปลง
เหตุการณ์ที่ 8
เอาเป็นว่าเราออกมาทำโปรเจกต์ที่บ้านแม่ฉันแล้วก็
พอดีกับมีงานบุญประจำปีของหมู่บ้านด้วยพอขบวนแห่มาใกล้เข้ามาที่หน้าบ้านฉันก็บอกให้ทุกคนเก็บของแล้วเตรียมตัวออกนอกบ้านกัน
"อะไรของแกอีกว่ะไอ้ปราง" ไอ้เบสเพื่อนหนึ่งในสมาชิกของทีมเรา "หมู่บ้านแกนี่ก็ด้วย เปิดเพลงไม่เกรงใจคนอื่นเขาเลยนะ"
"ก็นี่แหละที่บอกให้เก็บของไง ขบวนใกล้ถึงหน้าบ้านแล้ว เราก็ไปแห่ด้วยเลยไง" ฉันว่าแล้วก็ตั้งใจเก็บข้าวเก็บของ
"แห่อะไร" ทุกคนพร้อมกันถามอย่างสามัคคี
"งานบุญของหมู่บ้านฉันไงเล่า เป็นงานประจำปีน่ะ ความเชื่อของคนโบราญเขาน่ะ แต่สนุกสุดๆเลยนะเออ" ฉันพยักเพยิดหันไปตีคิ้วให้ไอ้หนอนอธิบายต่อ อ้อจริงสิไอ้หนอนก็ว่าจะมานั่งเล่นด้วยแต่ฉันงานยุ่งมันก็เลยทำช่วยแล้วก็เข้าขากันดีกับทีม แต่คนที่ไม่ถูกกับมันก็มีอยู่คนเดียวอ่ะ
"ใช่ๆ จะได้เต้นกันจนลืมผับแถวข้าวสารหรือ RCA เลยล่ะว่ะ" ไอ้หนอนพูดเสร็จก็เตรียมของเสร็จสับแล้วก็กอดคอไอ้เบสกับไอ้นายออกไปพร้อมกับขบวนแห่มาถึงหน้าบ้านพอดี
"เอ้าคุณชายทั้งสอง ตกลงจะไปมั้ยคะ" ฉันหันไปยิ้มให้ก่อนจะเดินออกจากบ้านแล้วพวกมันก็เดินตามติดๆ ฉันหยิบแบงค์ร้อยออกมาจากกระเป๋าตังค์แล้วเอาไปใส่ไม้เสียบต้นเงินเพื่อทำบุญ เพื่อนๆซี้ทั้งหลายเห็นก็ทำตาม
"นี่พวกคุณๆไม่เคยทำบุญถวายต้นเงินกันเลยเหรอ" ฉันถามแบบไม่ต้องการคำตอบแค่อยากจะบอกว่าเพื่อนฉันเนี่ยดูชั่วๆกันทั้งหน้าตาและความเป็นจริงเลยเหรอ
"อ้าวไอ้นี่.."
"ดนตรีมันเร้าใจจริงๆเลยโว้ย" ไม่ทันที่ไอ้$% จะได้เอ็ดฉันเสียงไอ้ต้นก็ขัดขึ้นและลากฉันเข้าไปเต้นอย่างเมามันส์ ฉันที่ชอบบรรยากาศแบบนี้อยู่แล้วเลยเพลินไปเลย กว่าจะแห่รอบหมู่บ้านเสร็จก็ปาไปทุ่มนึงละ นี่คือแห่แต่บ่ายสามนะเนี่ย ตอนไปก็สติดีทุกคนนะ แต่พอขากลับนี่เมาแอ๋กันทุกคน ยังดีที่บ้านใกล้วัดเลยกลับสะดวกหน่อย ไม่งั้นได้นอนบนศาลาวัดแน่เลย
"ไหวมั้ยเนี่ย" ไอ้หนอนที่พ่วงเอาไอ้เบสกับไอ้นายมา
"เฮอะสองรายนั้นน่ะ เขาเซียนเรื่องสุราเมรีอยู่แล้ว ไม่เมาไม่เลิกไอ้พวกนี้" ฉันพูดไปหัวเราะไปนั่นก็ว่าฉันก็มึนๆหน่อย แต่ก็เดินเองสบายมากและต้องช่วยถืออาหารเย็นกลับบ้านมาด้วยเพราะป้าๆบอกว่ามันเหลือจากงานเอาไปแบ่งกันกินอยู่หลายคนคงต้องกินเยอะหน่อย
"ถึงซะทีหนักชิปหายเลยพวกมึง" ไอ้หนอนพอฉันเปิดบ้านมันก็เคว้งพวกนี้ทิ้งลงโซฟาอย่างกับว่าสองคนนี้เป็นกระสอบทราย แต่ตอนนี้พวกมันก็ไม่รู้สึกอะไรเลยล่ะนะ นิ่งเชียว "ฉันกลับละ พรุ่งนี้เจอกันนะเดี๋ยวเอาแกงมาฝากด้วย"
"อ้าวไม่กินข้าวด้วยกันก่อนล่ะ ของกินเยอะเลยเนี่ย" ฉันว่าแล้วก็ยกถุงอาหารขึ้นให้ดู
"ที่บ้านฉันก็มีไปกินกับแม่อร่อยกว่ากินกับพวกคนเมา" ว่าแล้วมันก็แจ้นหายไปอย่างไว แล้วฉันก็เห็นว่าไอ้$% กำลังแบกไอ้ต้นที่เมาไม่ลืมหูลืมตาขึ้นไปบนห้อง
"$% เสร็จแล้วลงมากินข้าวนะ ดูท่าพวกนี้คงลุกขึ้นมากินด้วยไม่ไหวว่ะ" ฉันอาสาเอาอาหารไปอุ่นแล้วจัดแจงฌต๊ะให้เรียบร้อย ระหว่างรอให้ไอ้$%อาบน้ำเสร็จฉันก็ต้องไปเช็ดตัวให้ไอ้สองตัวที่นอนอยู่โซฟาก่อน เพราะห้องน้ำที่นี่มีแค่ห้องเดียว และระหว่างที่ฉันกำลังเปลื้องผ้าให้สองคนนี้อยู่
"แกทำอะไรน่ะ" มันว่าพร้อมกับรีบบึ่งมาดึงมือฉันให้ลุกถอยไปไกลๆจากโซฟา
"โอ้ย อะไรของแกเนี่ยก็แหกตาดูสิว่ากำลังจะเช็ดตัวให้พวกมั้นเนี่ย" ฉันว่าแล้วก็เดินกลับไปยังโซฟาดังเดิม แต่หมอนั่นก็กันฉันอยู่ดี
"ไม่ต้อง แกไปอาบน้ำเหอะเมาแอ๋ขนาดนี้ยังจะหวังดีเช็ดให้คนอื่นอีก ไปเลยไป๊" หมอนั่นพูดพร้อมดันหลังฉันให้ไปอาบน้ำ
"เออ เดินเองได้เว้ย"
หลังจากอาบน่ำเสร็จก็ทำให้ฉันส่างเมาได้ในทันทีทันใด
"อ่าสบายจริงเชียว" ฉันพึมพัม แล้วก็เดิรมาที่โต๊ะกินข้าวในห้องครัว ระหว่างที่เดินผ่านห้องนั่งเล่นมาก็ไม่เห็นเห็นไอ้เบสกับไอ้นายแล้ว สงสัยไอ้$% คงเอามันไปเก็บแล้ว(หมายถึงเอาไปนอนที่ห้องเรียบร้อยแล้วน่ะนะ)
"นานจังฉันหิวจนจะกินคนได้ทั้งคนอยู่แล้ว" ไอ้$% พูดเมื่อฉันมาถึงต้องครัว
"พูดมากอยู่ได้กินๆไปเหอะ" ฉันนั่งลงเก้าอี้ข้างๆแล้วก็จับปีกไปยัดปากหมอนี่ซะ แล้วก้มหน้าก้มตากิน
"ปราง แกดูสนิทกับไอ้วอร์มดีนะ" $% พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆซึ่งฉันไม่ชอบเวลามันใช้โทนเสียงนี้พูดเลย เหมือนมันกำลังโกรธอะไรฉันอยู่
"ก็รู้จักตั้งแต่เด็กแล้วน่ะ เหมือนๆกับไอ้ต้นนั่นแหละ" ฉันหยุดสนใจลาบแซ่บแล้วหันมามองหน้า$% ตรงๆ "ถามทำไม"
"ก็เห็นอยู่ด้วยกันตลอด ขนาดงานที่ไปควรจะมายุ่งยังเสนอตัวมาทำให้เลย" แล้วแกจะแขวะฉันเพื่อ แต่ไม่กล้าพูดว่ะ ดูมันจริงจังแฮะ
"แล้วก็ไม่หาเรื่องเขาอีก เขาช่วยก็ดีแล้ว" ฉันหันกลับมาสนใจลาบเหมือนเดิม
"นี่แกไม่รู้ตัวเลยหรือไงวะว่ามันชอบแก"
"แล้วมันจะตะโกนเพื่อ" ดีที่บ้านฉันมันบริเวณกว้างต้นไม้เยอะด้วยบ้านข้างๆน่าจะไม่ได้ยิน
"เออกูลืมว่ามึงอ่ะบ้านนอก"
"กูรู้แล้ว นานแล้วด้วยค่ะ" ฉันพูดแล้วก็ซดแกงอ่อมอย่างเมามันส์ เสียงนี่ดังเหมือนใช้ลูกคอเอื้อน "ซู้ดดดดดด"
"น่าเกียงว่ะปราง" $%แย่งช้อนที่มือฉันไป ตักขึ้นมาซดบ้างเสียงดังยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของฉันเลย
"โอ้ย กระจอกว่ะ มานี่ของจริงจะทำให้ดู" ฉันดึงช้อนคืนแล้วซดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวราวลูกเอื้อนสิบสองชั้น
"เหมือนมึงกำลังจูบกูเลยเนอะ"
"ฮืม" ฉันมองหน้ามัน แล้วก็ทำเป็นไม่สนใจยังคงซดต่อไป
"มะปราง"
" "
" "
เรามองตากันลึกลงไป ไอ้ความหมายของสายตาทีาจ้องมองมาที่ฉัน เหมือนความหมายมันจะมากว่าคำว่าเพื่อสนิท เพื่อนซี้ เพื่อนรักซะ มันแอบแฝงไว้ด้วยความห่วงใย มองแล้วให้ความรู้สึกว่ากำลังถูกถามอยู่ตลอดเวลาว่า นี่เธอไม่รู้เลยเหรอ แบบนี้มันจั๊กจี้นะ
"อะไร แค่นี้เรียกจูบงั้นฉันคงจูบคนทั้งหมู่บ้านได้แล้วมั้ง รวมทั้งไปสามสี่ตัวนั่นด้วย" ฉันโบ้ยเรื่องไปเรื่อย เฮ้อก็เกิดมาไม่เคยมีความรู้สึกนี้เลยนะความรู้สึกตุ้มๆต่อมๆที่อกเนี่ย ฉันรีบจัดการลาบจนเกลี้ยงเพื่อจะได้ขอตัวไปนอนซักทีนี่ก็เต้นจนลืมโลกไปมันก็เหนื่อยอ่ะนะ
"อิ่มแล้วไปนอนก่อนนะ" ฉันรีบจัดแจงจานในส่วนของฉันไปล้างแต่เมื่อจะเอื้อมหยิบแก้วก็ดันขาไปสะดุดเก้าอี้ ฉันหลับพร้อมกับล้มลงไปบนพื้นไม้นุ่มนิ่ม เอ๊ะ!
"เดี๋ยว เฮ้ย เจ็บมากมั้ยเนี่ย"
แล้วไอ้$% ก็รวบตัวฉันไว้แล้วเอาตัวเองเข้าไปกระแทกเอง
เหตุการณ์ที่ 9
พี่ชายข้างบ้านที่อายุห่างกันห้าปี เขามีคู่จิ้นเป็นว่าที่ลูกเขยพ่อฉัน (อันนี้จะมีวับๆแวมๆมาโผล่หน่อยเวลาคุยเรื่องผู้ชายกับ$%)
เหตุการณ์ที่ 10
มะปราง ปรางทิพย์ สิริกุล พ่อชื่อ นัด ดนัย สิริกุล แม่ชื่อ ตา ทิพเนตร สิริกุล อายุ 21-22 อยู่ปีสี่ ม.เอกชน x
เพื่อนสนิทที่เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวชื่อ พาย เป็นผู้หญิงมากๆและเป็นสาววายจ้า ชอบจิ้นไอ้เบสกับไอ้นายเลยสนิทกัน ทำโปรเจกต์กลุ่มเดียวกันด้วยไว้ตอนเขียนแล้วเติมเรื่องเข้าไป แต่มีแฟนแล้วหล่อด้วย
เพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กชื่อ วอร์ม เป็นในหมู่บ้านเพียงเดียวที่มี และไอ้นี่ก็แอบชอบมะปรางอยู่ถึงได้ทำดีด้วย แต่ก็เพราะว่าอยู่ไกลกันและเป็นเพื่อนกันเลยตัดใจไปตั้งแต่ยังไม่ได้บอกแล้วก็หันมาสนใจคนใกล้ตัวอย่าง เอย รุ่นน้องที่ชอบมาเชียร์เขาทุกครั้งที่แข่งบาสและ เป็นน้องข้างบ้านด้วย
เพื่อนสนิทตั้งแต่เกิดชื่อ ต้นไม้ ชื่ออย่างฮา ใครตั้งให้ถามจริง (*คนเขียนสิคะ) เป็นเพื่อนร่วมสายเลือดเลยก็ว่าได้ เป็นบ้าๆบอๆนิสัยเดียวกับฉันคือรักเพื่อน ไปไหนไปกันสุดเหวี่ยงซื่อตรง แต่มันโง่กว่าเยอะ แฟนเป็นคนทำงานแล้ว แต่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายคบกันตอนปีหนึ่งที่เป็นพี่ปีสี่อ่ะนะ
เพื่อนสนิทในชมรมชื่อ นาย นักบาสประจำโรงเรียนตอน ม.ปลาย มันเคยจีบฉันอยู่ทีนึงแต่ฉันก็เฉยๆนะบอกว่าฉันไม่ได้ชอบแกเท่านั้นแหละมันก็พุ่งมากอด ฉันเลยจัดอัปคัตขวาไปดอกนึงสลบคาตา ตะลาล้าเลย จากนั้นมันก็ขอเป็นแค่เพื่อนแล้วก็ได้มาเรียนต่อที่เดียวกัน บอกเลยว่าทีมเราซี้ปึ๊กเพราะกินน้ำร่วมสาบานกันมาหลายหนมาก แต่ปัจจุบันแฟนมันคือไอ้น้ำ น้องรหัสฉันเอง และก็อยู่คนละคณะนะ
ส่วนคนสุดท้าย เป็นเพื่อนสนิทเพราะเป็นเพื่อนของเพื่อน ชื่อ ไอ้$% มันเป็นเพื่อนกับไอ้ต้นไอ้เบส(เปลี่ยนเป็นแว่นนะ แต่จริงชื่อท๊อป เราเลยตั้งฉายามันว่าแว่นท๊อปเจริญเพราะมันใส่แว่นเหมือนลุง) ตอน ม.ต้น ซึ่งฉันย้ายไปเรียนที่บ้านแม่ พอกลับมาเลยรู้จักกับพวกนี้ก็สนิทกันเลยเพราะฉันจะสนิทคนง่ายมาก แต่ถ้าไม่ใช่คนรู้จักก็ยากอยู่นะ
เพื่อนน้องรหัสคนสวย ชื่อ พลอย คนนี้ชอบมะปรางตั้งแต่ตอนงานรับน้องแล้วเพราะคณะอยู่ใกล้กันเลยทำให้เจอกันบ่อยและเป็นสมัยเรียนมัธยมของน้ำมันด้วย แอบมี
เอารูปตอนตัวเองจูบกับมะปรางไปให้$% ดูด้วย เพราะปกติมันมักจะว่าปรางว่าเป็นพวกไม่ปกติเป็นผู้หญิงดีดีไม่เอาอยากเป็นผผู้ชายแต่มันก็ทะเลาะด้วยแค่ตอนนั้นแล้วพลอยก็แทรกเข้ามาจากนั้นเหมือนจะมีอารมณ์พาไปฉันเลยจู่โจมจูบพลอยเข้า เหมือนเจ้าตัวจะตกใจนิดนึงแต่สุดท้ายฉันก็ถอยออกมาเพราะมันเป็นจูบที่ไม่ให้ว่ารู้สึกอะไรเลย
แต่พลอยเหมือนไม่ยอมนะจะเอาให้ได้ฉันก็ปฏิเสธว่าไม่ได้อะไร เพราะแค่จูบมันก็เหมือนกันหมด ไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งอะไร จนพลอยก็ว่าฉันกลับแล้วก็ไม่มาเจอพักใหญ่ๆเลย สุดท้ายเธอทำใจแล้วก็มาสอนฉันเรื่องความหมายของจูบด้วย
กนะเทยแอ๊บแมนเป็เพื่อนเพียงคนเดียวในที่ทำงานชื่อ พี่หมี (แต่ให้เรียกว่า มีมี่) เพราะเป็นบริษัทที่มีผู้หญิงเยอะมากๆ เขาก็มีกรีดกร้าดฉันเฉยเลยเวลาไปช่วยงานยกเข้ายกของหรือซ่อมอุปกรณ์ช่วยฝ่ายไอที หรือแค่ไปถ่ายเอกสารก็ยังมีคนซื้อน่ำมาให้ จนพี่ๆผู้ชายที่บริษัทแซวว่าฉันเนี่ยหล่อเหลือเกิน
แฟนพี่หมี ชื่อ พี่ป้าน ไอ้$% หึงฉันกับพี่เขาตอนที่บังเอิญเจอกันที่ร้านกาแฟ เพราะฉันกับ$% นัดกันไปกินเค้กร้านประจำตอนฝึกงานมันอร่อยมาก แล้วพี่ป้านมักจะมาซื้อกาแฟไปให้พี่หมีทุกวันตอนพักเที่ยง แล้วพอฉันเป็นรุ่นน้องในสังกัดพี่หมีก็พลอยได้กินกาแฟฟรีอยู่เรื่อย
ต้องขออภัยที่บางคำก็เป็นตัวอักษรประหลาด เพราะน้องๆผ่านการกู้ข้อมูลมา เอาจริงคนเขียนเองก็จำไม่ได้ว่ามันคืออะไร555
MAYDERLUST
โฆษณา