นางสิริมา เป็นโสเภณีหรือหญิงงามเมือง ที่มีค่าตัวแพงที่สุด
นางสิริมา เป็นโสเภณีหรือหญิงงามเมือง ที่มีค่าตัวแพงที่สุด รับงานครั้งละประมาณ 2.6 ล้าน และเคยรับงาน 15 วัน ค่าตัว 39 ล้าน แต่นางไม่เคยดูถูกตัวเองว่าเป็นหญิงโสเภณีจะทำความดีไม่ได้ และที่เป็นจุดเปลี่ยน คือ นางได้ฟังพระธรรมเทศนาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและให้โอกาสตัวเองทำความดี จนนางบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน (พระโสดาบัน คือคำที่ใช้เรียกของผู้ที่ปฏิบัติธรรมจนดวงจิตบริสุทธิ์ ยังไม่ถึงขั้นบรรลุอรหันต์หมดกิเลสแต่ก็ในระดับที่สามารถรักษาศีล 5 ได้ตลอดชีวิตอย่างมั่นคง
ความงามของนางสิริมา เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว จนทำให้ภิกษุรูปหนึ่ง ที่ได้ยินเพียงการพรรณนาก็ถึงกับเกิดอาการเพ้อกินไม่ได้นอนไม่หลับ ยิ่งได้เห็นตัวเป็นๆของนาง ตอนออกไปบิณฑบาตที่สำนักของนาง ก็ยิ่งความลุ่มหลงในเสน่หา เกิดกำหนัดเหลือกำลัง
ถึงแม้นางสิริมาเป็นโสเภณี แต่นางไม่ดูถูกตัวเอง ไม่ปิดกั้นตัวเองจากการทำความดี สิ่งที่นางทำคือ ใส่บาตรพระ 8 รูปทุกวันเป็นประจำ โดยถวายของที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้แต่เป็นที่น่าเสียดายนางอายุสั้น ได้ป่วยและตายลงในขณะที่ยังสาวอยู่
ต่อมาพระพุทธองค์ได้ทรงทราบข่าวจากพระเจ้าพิมพิสาร จึงได้รับสั่งให้เก็บศพไว้ในป่าช้าผีดิบ รักษาไว้ไม่ให้กาและสุนัขกัดกิน โดยไม่เผาจนวันล่วงไป สรีระก็ขึ้นพอง หมู่หนอนไต่ออกจากปากแผล สรีระทั้งสิ้นได้แตกสลาย
พระเจ้าพิมพิสาร ได้เรียกให้ชาวบ้านมาดูศพของนาง พระผู้มีพระภาคมาพร้อมด้วยเหล่าภิกษุ ได้ทรงให้พระราชาประกาศยกนางสิริมาให้กับผู้ที่ต้องการ แต่ไม่มีผู้ใดสนใจแม้จะยกให้เปล่าๆ
พระศาสดาจึงทรงแสดงธรรมว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงดูมาตุคามซึ่งเป็นที่รักของมหาชน แต่ก่อน คนทั้งหลายในพระนครนี้ให้ทรัพย์พันหนึ่ง ก็ได้นางไปตลอดวันหนึ่ง บัดนี้ให้เปล่าๆ ก็ไม่มีคนรับ นามรูปเห็นปานนี้ ถึงความสิ้นไปเสื่อมไปเป็นธรรมดา ทำให้งดงามด้วยเครื่องประดับภายนอกก็ยังมีแผล โดยปากแผลทั้ง ๙ อันกระดูก ๓๐๐ ท่อนสร้างเป็นโครงขึ้น อาดูรเดือดร้อนอยู่เป็นประจำ ชื่อว่ามีความดำริมาก เพราะมหาชนผู้เขลาดำริโดยส่วนมากอย่างเดียว อัตภาพที่ไม่ยั่งยืน ดังนี้." จากนั้นจึงทรงตรัสพระคาถาต่อว่า
ปสฺส จิตฺตกตํ พิมฺพํ อรุกายํ สมุสฺสิตํ
อาตุรํ พหุสงฺกปฺปํ ยสฺส นตฺถิ ธุวํ ฐิตี
เธอจงดูรูปกาย ที่ปัจจัยทำให้งดงาม มีแผล กระดูกสร้างเป็นโครงขึ้น มีความเดือดร้อน มีความดำริมาก ซึ่งไม่มีความยืนยงคงที่เลย
ในเวลาจบเทศนา ภิกษุรูปนั้น ก็ได้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล
และตั้งมั่นบำเพ็ญธรรมจนบรรลุพระอรหันต์ในที่สุด ไม่ใช่แค่พระรูปนั้น แต่ยังมีคนทั้งเมืองมาดูศพนาง แล้วได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า ก็บรรลุธรรมกันไป 1000 กว่าคน
อนิจฺจา วต สังฺขารา อุปฺปาทวยธมฺมิโน
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติเตสํ วูปสโม สุโข
มีความหมายว่า สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีอันเกิดขึ้นและดับไปเป็นธรรมดา ครั้นเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป ความสงบระงับแห่งสังขารทั้งหลายเหล่านั้นเป็นสุข
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
