17 เม.ย. เวลา 08:19 • หุ้น & เศรษฐกิจ

Back to the Basics

การลงทุนให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายนั้น นอกจากการวิเคราะห์ข้อมูลและเทคนิคการคำนวณต่างๆ แล้ว สิ่งสำคัญเรื่องหนึ่งคือหลักการพื้นฐานการลงทุน
โดยหลักพื้นฐานที่แม้ไม่ได้เรียนการเงินมาแต่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนมากเรื่องหนึ่งคือ Time Value of Money หรือมูลค่าเงินตามกาลเวลา ซึ่งมีสูตรทางคณิตศาสตร์ FV = PV(1+i)^n
FV (Future Value) คือมูลค่าเงินในอนาคตที่เราต้องการให้เพิ่มขึ้น ด้วยการใช้เงินลงทุนตั้งต้น PV (Present Value) ผลตอบแทนการลงทุน i (interest or return rate) และระยะเวลาการลงทุน n (number of periods)
เมื่อกลับมาดู lecture เก่าตอนเรียนกับอาจารย์นิเวศน์ ท่านก็พูดถึง “แก้ว 3 ประการ” ประกอบไปด้วย 1. เงินลงทุนตั้งต้น 2. ผลตอบแทนจากการลงทุน และ 3. ระยะเวลาในการลงทุน
สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นนักลงทุน full time เช่นพนักงานประจำ ที่ใช้เงินเดือนเติมเข้าพอร์ต ก็จะมีตัวแปร PMT (Payment per period) คือเงินลงทุนเพิ่มเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่เมื่อพอร์ตมีมูลค่าสูงขึ้นจนถึงระดับหนึ่งการเติมเงินเข้าพอร์ตจะมีผลกระทบต่อพอร์ตโดยรวมลดลง
ยกตัวอย่างเช่น พนักงานคนหนึ่งมีเงินเดือน 70,000 บาท และวางแผนใช้เงินเดือน 30% ในการลงทุนแต่ละเดือน และเพิ่มสัดส่วนอีก 5% ทุกๆ 5 ปี โดยตั้งใจให้ได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ต่อปี และคิดว่าเงินเดือนขึ้นปีละ 5% พนักงานคนนี้จะมีพอร์ตครบ 1 ล้านบาทในปีที่ 4 และครบ 10 ล้านบาทในปีที่ 15 และเป็น 21 ล้านในปีที่ 20
ข้อสังเกตุสำหรับพนักงานที่ใช้เงินเดือนลงทุนจากตารางนี้และจากประสบการณ์ของคนรอบตัวพบว่า
1. สัดส่วนเงินลงทุนที่เติมเข้าพอร์ตต่อมูลค่าพอร์ตโดยรวมลดลงเรื่อยๆ โดยเหลือเพียง 7% ในปีที่ 15 นั่นหมายความว่าเงินที่เติมเข้าพอร์ตส่งผลกระทบต่อมูลค่าพอร์ตน้อย และการเป็นพนักงานประจำ (โดยทั่วไป) ถึงแม้จะสามารถสร้างพอร์ต 10 ล้านจากเงินเดือนได้ แต่การสร้างพอร์ต 100 ล้าน ไม่ได้มาจากเงินเดือนที่เติมเข้าพอร์ต
2. การใช้เงินเดือนเติมพอร์ต จะใช้เวลานานในช่วงแรกกว่าพอร์ตจะโต แต่เมื่อพอร์ตใหญ่ขึ้นแล้วการโตของพอร์ตมาจากผลตอบแทนของพอร์ตเอง จากตารางใช้เวลา 15 ปี ทำพอร์ต 10 ล้าน แต่ใช้เวลาแค่ 5 ปีจาก 10 เป็น 20 ล้าน
3. การเป็นพนักงานประจำ ถึงแม้จะมีเงินเดือนเพิ่มขึ้น แต่หน้าที่ความรับผิดชอบก็มากขึ้นตาม หากไม่ได้ทำงานอยู่ในสายการเงินการลงทุนแล้วการหาเวลามาศึกษาติดตามข่าวการลงทุน ปรับพอร์ต เพื่อให้ได้ผลตอบแทน 8% หรือมากกว่านั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก
4. เมื่อพอร์ตใหญ่ขึ้น ความผันผวนโดยรวมของพอร์ตเพียงเล็กน้อย ก็ส่งผลมากกว่าเงินที่เติมเข้าพอร์ต ยกตัวอย่างปีที่ 10 พอร์ต 5 ล้านบาท มีข่าวที่ทำให้ทั้งตลาดตกลง 5% ในเดือนนั้น มูลค่าพอร์ตหายไป 2.5 แสนบาท ซึ่งมากกว่าเงินเติมเข้าพอร์ตเดือนละ 4 หมื่นถึง 6 เท่าตัว
โดยสรุป การเป็นพนักงานประจำถึงแม้สามารถสร้างพอร์ตหลักสิบล้านได้จากการลงทุนระยะยาว แต่การสร้างพอร์ตให้ถึงระดับ 100 ล้านหรือมากกว่านั้นเป็นเรื่องยาก เนื่องจากภาระหน้าที่และการมีเวลาให้กับการลงทุนที่จำกัด และมีโอกาสสูงที่มูลค่าพอร์ตจะลดลงหรือขาดทุนได้ การพิจารณาลาออกไปเป็น full time trader จึงเป็นทางเลือกหนึ่ง
แต่ในทางกลับกันหากตั้งเป้าหมายมีเงินใช้หลังเกษียณเดือนละ 80,000 บาท ไปตลอดและไม่ต้องการความเสี่ยงสูง โดยใช้ที่ปรึกษาวางแผนการลงทุนและเลือกทำงานประจำต่อไปก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่เพียงพอ
ดังนั้นการกลับมาพิจารณาหลักการพื้นฐานและการตั้งเป้าหมาย จะเป็นตัวช่วยกำหนดวิธีการลงทุนให้สอดคล้องกับวิถีการใช้ชีวิตของตนเอง
โฆษณา