27 เม.ย. เวลา 02:49 • นิยาย เรื่องสั้น

รีวิว ยังไงฉันก็จะเลิกงานตรงเวลาค่ะ

ผู้เขียน อาเกโนะ คาเอรุโกะ
ผู้แปล ฉัตรขวัญ อดิศัย
สำนักพิมพ์ Bibli
แค่อ่านชื่อเรื่องก็น่าสนใจแล้ว เรื่องราวจะสะท้อนสังคมการทำงานของประเทศญี่ปุ่นที่ได้ชื่อว่าทำงานหนักมาก จนถึงขั้นบางคนตายเพราะงาน
ตัวละครหลักในเรื่องคือ ฮิงาชิยามะ ยุย หญิงสาวอายุ 32 ปี ที่ไม่เคยคิดที่จะทำงานล่วงเวลา เพราะเธอมีปมในวัยเด็กที่พ่อเป็นพนักงานบริษัทแบบนั้น ที่ทำงานจนไม่มีเวลาให้ครอบครัว เธอจึงตั้งปฏิธานในใจว่า “ยังไงฉันก็จะเลิกงานตรงเวลาค่ะ“ และเธอก็ทำได้มาตลอด โดยไม่สนใจคนรอบข้างในบริษัทว่าจะพูดถึงเธออย่างไร
แต่แล้วความมุ่งมั่นของเธอนั้นก็เริ่มสั่นคลอน เมื่อมีแมเนเจอร์คนใหม่มา เขาดันไปรับงานโหดหินและเสี่ยงที่จะขาดทุน ถ้าไม่ต้องการให้ขาดทุนต้องลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ลง ทำให้พนักงานในทีมทุกคนต้องทำงานเองทั้งหมดห้ามจ้างเอ้าซอส
เมื่อเป็นเช่นนี้ยุยจึงเลิกงานตรงเวลาไม่ได้ ทำให้ยุยต้องรับเป็นชีฟของทีม เพื่อที่จะพาตนเองและทีมกลับบ้านตรงเวลา
แต่ยุยต้องเผชิญอุปสรรคของคนในทีมที่มีความคิด ความมุ่งมั่น ความคาดหวัง เป้าหมายที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น
คนที่เอาจริงเอาจังไปเสียทุกเรื่อง ไม่ลาพักร้อน และไม่ชอบให้คนอื่นลา ไม่ขาดลามาสาย แม้ว่าตัวเองจะป่วยหนักขนาดไหนก็ไม่ยอมลา
พนักงานหญิงที่ลาคลอดและกลับมาทำงานภายในหกสัปดาห์ ด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้าฉันลางานนานกว่านี้โต๊ะฉันยังอยู่หรือเปล่า และมีเป้าหมายที่จะขึ้นไปเป็นผู้บริหารหญิง โดยพยายามทุกวิถีทางแม้จะขัดต่ออุดมการณ์ของตนเองก็ตาม
ชายที่อาศัยอยู่ที่บริษัท ผู้ที่อ้างว่าไม่สามารถทำงานในเวลางานได้ เพราะคิดว่าตนเองเป็นคนไม่ได้เรื่องจึงไม่อยากให้คนอื่นเห็นเวลาตนเองทำงาน แต่ผลที่ออกมากลับทำร้ายทีม เพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาด
พนักงานใหม่ที่เรียนรู้งานได้เร็ว และต้องการใครสักคนเป็นต้นแบบในการทำงาน
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นชีวิตการทำงานจริงๆ ของทุกคน ว่างานประจำที่เราทำอยู่ทุกวันนี้มันหนักเกินไปหรือเปล่าจนทำให้ต้องทำงานล่วงเวลา หากเราทำงานในเวลาอย่างเต็มประสิทธิภาพ เราก็ไม่จำเป็นต้องทำงานล่วงเวลาก็ได้ บางทีเราทำงานเยอะจนเกินไปทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงและเกิดข้อผิดพลาดมากขึ้น
แต่ถ้าเจอหัวหน้าทีมที่ไร้ความสามารถ สนใจแค่ลูกค้าไม่สนใจคนในทีมด้วยแล้วจิตใจในการทำงานย่อมห่อเหี่ยว ปากสั่งลูกน้องห้ามกลับบ้าน ให้มาทำงานในวันหยุด แต่ตัวเองกลับกลับบ้านไปพักผ่อน และมาตรวจงานในตอนเช้า ไม่พอใจ สั่งให้แก้ ทั้งๆ ที่ตนเองเข้าใจงาน และทำงานเป็นจริงไหม ถ้าไม่มีลูกน้องเก่งๆ คอยซัพพอตคงไม่สามารถนั่งในตำแหน่งนี้ได้ (มีบุญที่ได้ลูกน้องเก่ง)
ดังนั้นควรถามตัวเองว่าทำงานหนักทุกวันนี้ไปเพื่ออะไร เพื่อใคร ทำงานหนักจนตาย เมื่อตายแล้วมีใครจำเราได้ไหม องค์กรจำเราได้หรือเปล่า หรือองค์กรเปลี่ยรแปลงครั้งใหญ่กับการจากไปของเราหรือไม่ ถึงตอนนั้นเราก็ไม่รับรู้แล้ว
ตัวเราไม่ได้มีอยู่เพื่อบริษัท
บริษัทมีอยู่เพื่อตัวเราต่างหาก
คำพูดของท่านประธานไฮบาระ
โฆษณา