23 เม.ย. 2024 เวลา 04:00 • ธุรกิจ

‘LVMH’ เผชิญ ‘บททดสอบสำคัญ’ ตั้งทายาทใหม่สืบทอดบัลลังก์ ด่านหินลูก 5 คนของอาร์โนลต์

แม้กิจการจะยิ่งใหญ่เพียงใด แต่หากปราศจากผู้สืบทอดที่เปี่ยมศักยภาพแล้ว ก็ยากที่จะรักษากิจการนั้นให้ยั่งยืน นี่คือ “ด่านทดสอบ” ที่หลายอาณาจักรต้องเผชิญเมื่อถึงคราวส่งไม้ต่อสู่รุ่นที่สอง รุ่นที่สาม และความท้าทายนี้กำลังเกิดขึ้นกับ “LVMH” อาณาจักรแฟชั่นยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ของโลก ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ดัง Louis Vuitton, Christian Dior, Bulgari ฯลฯ ด้วยมูลค่ารวม 4 แสนล้านยูโร หรือราว 15 ล้านล้านบาท
1
ไม่ได้หมายความว่าอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ระดับนี้จะล้มไม่ได้ Lagardères Group อาณาจักรของฝรั่งเศสที่ประกอบธุรกิจตั้งแต่สื่อสิ่งพิมพ์ นิตยสารข่าว ร้านค้าปลีก สนามบิน ไปจนถึงสถานีรถไฟเข้าสู่ “จุดพลิกผัน” เมื่อ ฌ็อง-ลุค ลาการ์แดร์ (Jean-Luc Lagardère) ผู้ก่อตั้งอาณาจักรดังกล่าวเสียชีวิตกะทันหันในวันที่ 14 มี.ค. 2546 สมาชิกในครอบครัวจึงเข้ามาบริหารต่อ แต่ด้วยการบริหารที่ผิดพลาดและประสบปัญหาหนี้ Lagardères Group จึงต้องขายสินทรัพย์และตัดธุรกิจบางส่วนออก
อีกทั้งยังถูก วินเซนต์ บอลลอเร (Vincent Bolloré) แห่ง Vivendi บริษัทโฮลดิ้งด้านสื่อ เข้าเทกโอเวอร์จนเป็น “ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุด” ในอาณาจักรแทน
1
เหตุการณ์นี้ได้ติดตาเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ เจ้าของ LVMH เพราะเขาเป็นผู้ถือหุ้นคนหนึ่งใน Lagardères Group และไม่ต้องการให้ LVMH เผชิญชะตากรรมแบบเดียวกัน
ในปีนี้ อาร์โนลต์ ก็เข้าสู่วัย 75 ปีแล้ว เหลืออีก 5 ปีก็จะถึงวาระเกษียณของบริษัท แม้ว่าเขาไม่ต้องการพูดถึงทายาทอาณาจักรต่อคนนอกเท่าไร แต่ 1 ใน 5 ของลูกเขาต้องขึ้นมานำบริษัทแทน พร้อมแบกรับโจทย์ใหม่ที่ต่างจากเดิม ไม่ว่าตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของ LVMH ชะลอตัวลง รวมถึงการต้องคิดไอเดียแฟชั่นใหม่ ๆ เพื่อรักษาการเติบโตต่อ
📌​เปิดแผนปั้นลูกสืบทอดบัลลังก์ธุรกิจ
ในการสืบทอดกิจการให้ลูกหลาน ไม่ใช่เพียงการส่งมอบธุรกิจ แต่เป็นการส่งต่อวิสัยทัศน์ มรดก และความฝัน เปรียบเสมือนการหล่อหลอมทายาทให้พร้อมรับความท้าทายและโอกาสในอนาคต
ด้วยเหตุนี้ อาร์โนลต์จึงให้ลูกทั้ง 5 คนเรียนรู้งานผ่านการเป็นผู้บริหารในฝ่ายต่าง ๆ เพื่อซึมซับประสบการณ์ดังนี้
ลูกคนที่ 1 เดลฟีน อาร์โนลต์ (Delphine Arnault) อายุ 49 ปี เป็นประธานและซีอีโอของ Christian Dior Couture ธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นชั้นสูงที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเครือ
ลูกคนที่ 2 อองตวน อาร์โนลต์ (Antoine Arnault) อายุ 46 ปี เป็นรองประธานและซีอีโอของ Christian Dior SE
ลูกคนที่ 3 อเล็กซองดร์ อาร์โนลต์ (Alexandre Arnault) อายุ 31 ปี รองประธานบริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ และการสื่อสารของ Tiffany & Co.
ลูกคนที่ 4 เฟรเดริก อาร์โนลต์ (Frederic Arnault) อายุ 29 ปี เป็นซีอีโอของ LVMH Watches ดูแลธุรกิจแบรนด์นาฬิกาในเครือ LVMH ซึ่งเฟรเดริคยังเป็นเพื่อนคนสนิทกับ "ลิซ่า Blackpink" อีกด้วย
ลูกคนที่ 5 ฌอง อาร์โนลต์ (Jean Arnault) อายุ 26 ปี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนานาฬิกาข้อมือของ Louis Vuitton
นอกจากนี้ อาร์โนลต์ยังร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับลูก ๆ ทั้ง 5 คนเสมอ โดยบนโต๊ะอาหารนั้น บทสนทนาไม่ได้มีเพียงเรื่องครอบครัว แต่ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวทางธุรกิจและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านปัญหาต่าง ๆ ที่เผชิญ
อีกทั้งอาโนลต์วางกฎไว้ว่า ในการตัดสินใจที่สำคัญเกี่ยวกับผู้ถือหุ้นหรือยุทธศาสตร์ของ LVMH สมาชิกในครอบครัวมีเสียงโหวต “เท่าเทียมกัน” และจำเป็นต้องเป็น “เอกฉันท์” เพื่อให้ลูก ๆ เกิดความสามัคคีและขับเคลื่อนบริษัทร่วมกัน
📌​จ้างมืออาชีพบริหาร VS ลูกหลานในครอบครัวดูแลเอง
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความยิ่งใหญ่ของ LVMH ที่เห็นทุกวันนี้ นอกจากตัวอาโนลต์แล้ว ผู้จัดการอาณาจักรระดับท็อปไม่ว่า อันโตนิโอ เบลโลนี (Antonio Belloni) วัย 69 ปี, ซิดนีย์ ทอเลดาโน (Sidney Toledano) วัย 72 ปี และ ไมเคิล เบิร์ก (Michael Burke) ในวัย 67 ก็มีบทบาทสำคัญด้วย แต่พวกเขาเข้าใกล้วัยเกษียณแล้ว และนี่คือความท้าทายของบริษัทในการส่งไม้ต่อให้รุ่นถัดไป โดยเฉพาะภายใต้การนำของลูก ๆ อาโนลต์ทั้ง 5 คนแทน
1
ฟลาวิโอ เชเรดา (Flavio Cereda) ผู้จัดการกองทุนการลงทุน GAM มองว่า ความเสี่ยงของ LVMH คือ อาโนลต์อาจตัดสินใจอย่างมืดบอดด้วยการมอบความรับผิดชอบที่มากเกินไปให้ลูก ๆ แทนที่จะจ้างมืออาชีพจากข้างนอกที่อาจทำหน้าที่ได้ดีกว่า
โดยเขามองว่า ลูก ๆ ทั้ง 5 ที่ได้รับตำแหน่งหัวหน้าในส่วนต่าง ๆ ของบริษัท หากตัดลูกคนโตสุด 2 คนแล้ว ลูกคนที่เหลือยังคงมีประสบการณ์น้อยเกินไป
1
นอกจากนี้ การรักษาการเติบโตของ LVMH ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ตลาดใหญ่ในจีนชะลอตัวลงด้วยปัญหาเศรษฐกิจซบเซา วิกฤติอสังหาฯ รวมถึงเผชิญสังคมสูงวัยด้วย โดยยอดขาย LVMH ในเอเชีย (ยกเว้นญี่ปุ่น) ซึ่งเป็นตลาดจีนโดยส่วนใหญ่ มีส่วนแบ่งมากที่สุดที่ 31% แต่ยอดขายจากภูมิภาคดังกล่าวกลับลดลง 6% ในไตรมาสแรกของปีนี้ ส่วนยอดขายในสหรัฐ และยุโรปเติบโตเพียง 2%
ยังไม่นับรวมปัจจัยอ่อนไหวทางภูมิรัฐศาสตร์โลก ไม่ว่าความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับนาโต อิหร่านกับอิสราเอล และจีนกับสหรัฐ หากเกิดสงครามขึ้น สินค้าแบรนด์เนม จะเป็นอันดับต้น ๆ ที่ลูกค้าตัดสินใจลดการบริโภค ถือเป็น “บททดสอบครั้งสำคัญ” ที่ทายาทอาณาจักร LVMH ต้องฝ่าฟันต่อไป
โฆษณา