21 เม.ย. เวลา 09:29 • ประวัติศาสตร์

"เบี้ยขลัง วัดนายโรง"

ถ้าพูดถึงเครื่องรางของขลัง คงไม่มีใครไม่รู้จักเบี้ยแก้ และแน่นอนเบี้ยแก้ วัดนายโรงของหลวงปู่รอดนั้นก็มีชื่อเสียงกันมาอย่างช้านาน เพราะถือได้ว่าเป็น สุดยอดเบี้ยแก้แห่งสยามที่ หลวงปู่รอด ท่านได้สร้างเสกไว้ด้วยวิชาพุทธาคมที่ล้ำเลิศเข้มขลัง จนกลายเป็น หนึ่งใน “เบญจภาคีเครื่องรางของขลังแห่งสยาม” ซึ่งในปัจจุบันหาชมได้ยากยิ่ง แค่ได้เห็นของจริงก็นับว่าเป็นบุญยิ่งแล้ว สำหรับเบี้ยแก้ หลวงปู่รอด วัดนายโรง
2
เบี้ยแก้ หลวงปู่รอด
"เบี้ยแก้" เป็นเครื่องรางของขลังที่นับเป็นภูมิปัญญาของพระเกจิอาจารย์ไทยโดยเฉพาะ สร้างจาก หอยเบี้ยจั่น ที่มีฟันครบ ๓๒ ซึ่งพระเกจิอาจารย์ผู้มีวิชาคาถาอาคมขลัง จะสามารถเสก ปรอท ขณะกรอกลงปากเบี้ยได้ตามที่ต้องการ จากนั้นจะปิดปากหอยด้วย ชันโรง ที่ได้จากใต้ดินในที่โล่งแจ้งเท่านั้น แล้วห่อด้วย แผ่นตะกั่ว ที่ลงอักขระเลขยันต์ตามตำรา เสร็จแล้วจึงถักด้วยด้าย แล้วลงรัก ซึ่งแต่ละขั้นตอนต้องบริกรรมคาถาตลอดเวลา ถึงจะมีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์
พุทธคุณเบี้ยแก้ ป้องกันเรื่องคุณไสย แก้เสนียดจัญไร รวมทั้งมีเมตตามหานิยมอีกด้วย
วิธีการสร้างเบี้ยแก้แบบวัดนายโรง
เบี้ยแก้ หลวงปู่รอด จะใช้วัตถุอาถรรพณ์ต่างๆ เป็นองค์ประกอบ อันได้แก่ เบี้ยพู ปรอท ชันโรงใต้ดิน (สัตว์ตระกูลผึ้ง นำรังมาใช้ผสมสร้าง) ท่านมักจะคัดตัวเบี้ยที่มีขนาดไล่เลี่ยกัน และเลือกตัวที่สมบูรณ์ตามสูตรโบราณ คือ มีฟันเบี้ยครบ 32 ซี่ เหมือนมนุษย์ นอกจากนี้ ยังมีแผ่นตะกั่วทุบ แล้วนำวัตถุทั้งหมดมาปลุกเสกลงอักขระขอมโบราณ กำกับด้วยคาถา “พระเจ้า 16 พระองค์” และ “คาถาตรีนิสิงเห” จากปากคำของคนเฒ่าคนแก่ในคลองบางกอกน้อย เล่าว่า
เมื่อหลวงปู่ได้ตัวเบี้ยที่ลูกศิษย์นำมาถวายพร้อมกับดอกไม้ ธูป เทียน จะใช้เวลาในช่วงค่ำทำพิธีสร้างเบี้ยแก้ โดยการปลุกเสกลงอาคมที่ตัวปรอท จนกระทั่งเคลื่อนไหวได้ หลวงปู่ก็จะเรียกปรอทให้ไหลเข้าไปบรรจุลงในตัวเบี้ย แล้วจึงใช้ชันโรงเฉพาะที่ทำรังอยู่ในดินเท่านั้น มาอุดที่ปากท้องเบี้ย เพื่อกันไม่ให้ปรอทไหลออกมาภายนอก จากนั้นหลวงปู่จะนำแผ่นตะกั่วมาหุ้มตัวเบี้ยไว้อีกชั้นหนึ่ง โดยบริกรรมคาถาปลุกเสกตลอดพิธี
เมื่อลูกศิษย์มารับเบี้ยแก้ บางคนก็ให้หลวงปู่จารอักขระบนตัวเบี้ยให้ บางคนก็รับไปทั้งอย่างนั้น ส่วนการถักเชือกนั้น ลูกศิษย์หลวงปู่ ผู้มีฝีมือยิ่ง จะถักเชือกหุ้มตัวเบี้ยเป็นลายงดงามมีเอกลักษณ์ เมื่อถักเชือกเสร็จแล้วจะมีการลงรักหรือยางไม้เพื่อรักษาสภาพของเชือกให้อยู่คงทน
เบี้ยแก้ หลวงปู่รอด
คาถาเสกเบี้ยแก้
ตั้งนะโม 3 จบ เสร็จแล้วให้ตั้งธาตุ
นะ มะ พะ ทะ ( 3 จบ )
จะ ภะ กะ สะ ( 3 จบ )
เมื่อตั้งธาตุเสร็จแล้ว ให้ภาวนาคาถา 3 จบ ดังนี้
“ อะสิสะติ ธะนูเจวะ
สัพเพเต อาวุธานิจะ
ภัคคะ ภัคคาวิจุนนานิ
โลมังมาเม นะผุสสันติ ”
สู้ไว้ข้างหน้า ไม่กล้าไว้ข้างหลัง เมตตามหานิยมไว้ขวา กันอาวุธศาสตราไว้ซ้าย แขวนคอแก้ลมเพลมพัด อัมพาต แขน ขา ปาก คอ หลัง ลิ้นกระด้าน ถอนคุณไสยรูปรอยลงบนใบหมอน คลึงแป้งถอนคุณ คลึงปูนถอนพิษ ถอนเสา ถอนพระภูมิ ศาลเจ้า เจว็ด เสมา กำแพง เสกภาวนา สมุหเนยยะ สะมุหะนะติ สะสุหะคะโต สีมาคะตัง พันธะเสมายัง สะมุหะนิตัพโพ เอวังเอหิ นะเคลื่อนโมถอน พุทคลอน ธาเคลื่อน ยะเลื่อนหลุดลอย สวาหะ
“ โลปุสุ สะวิพุ สังภะอะ ” ว่าแต่นารายณ์ถวายจักร 7 ที
(ภาวนาก่อนใช้) อะสัง วิสุ โล ปุสะพุภะ พุทธะสังมิ อิสะวาสุ
เอาดอกไม้หลากสี ดอกพุทธรักษา ธูป เทียนบูชา อธิษฐานด้วยขันน้ำมนต์ และอธิษฐานเอาตามใจเถิด
(แล้วภาวนาต่ออายุ) สะธะวิปิ ปะสะอุ 3 ที
บทสักกัตตะวาด้วยก็ดี ผูกขอดชายผ้ากันปืน(บทกันปืน)
อะนิทัสสะนะอัปปะติ ลั่นไกมิออก
อะนิทัสสะนะอัปปะติคา ลูกมิออกลำกล้อง
อะนิทัสสะนะอัปปะติคายะ ลำกล้องแตก
(ภาวนาอภัยกรรม ให้คนเกลียด เดียด โกรธ เพ่งโทษ จองเวร ให้หายพยาบาทพยาเวรต่อกัน แล้วดีกันหายกันแล)
“ นะเมตตาจะมหาราชา อะเมตตาจะมหาเสยส อุเมตตาจะมหาชะนา สัพพะสิเนหา จะปชิตาสสัพพะสยัง จะมหาลาภัง ราชาโกธังวินัสสันติ ชะนาโกธัง วิสัสสันติ สัพพะโกธัง วินัสสันติ ”
...และนี่คือ เบี้ยขลัง วัดนายโรง
โฆษณา