25 เม.ย. เวลา 00:57 • หุ้น & เศรษฐกิจ

หุ้น Meta ร่วงหนัก -15% แม้งบดี นักลงทุนกังวล ค่าใช้จ่ายด้าน AI

Meta เพิ่งประกาศงบไตรมาสแรกของปี 2024 ซึ่งออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ทั้งด้านรายได้ และกำไร
แต่พอตลาดหุ้นรับรู้ กลับกลายเป็นว่า ราคาหุ้น Meta ร่วงลงทันที -15%..
 
เรื่องนี้เป็นเพราะอะไร ทำไมงบออกมาดี แต่ราคาหุ้นกลับสวนทาง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
สำหรับผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ปี 2024
Meta มีรายได้ 1,352,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27%
แบ่งเป็น
- รายได้จากโฆษณา 97.8%
- Reality Labs (ธุรกิจด้าน AR VR และ Metaverse) 1.2%
- อื่น ๆ 1.0%
มีกำไร 458,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117% หรือมากกว่าเท่าตัว
ในด้านรายได้นั้น ถือเป็นอัตราการเติบโตที่ดีที่สุดของ Meta นับตั้งแต่ปี 2021 ซึ่งได้อานิสงส์มาจาก
- การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของตลาดโฆษณาออนไลน์
- แบรนด์จีน ที่กำลังบุกตลาดโลก เช่น Shein ได้ทุ่มงบโฆษณาไปกับ Facebook และ Instagram เพื่อเพิ่มการเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างขึ้น
- การเติบโตของฟีเชอร์ Reels บน Facebook และ Instagram
- ผลลัพธ์จากการลงทุนด้าน AI ของบริษัท ที่ทำให้แพลตฟอร์มสามารถนำเสนอคอนเทนต์ และยิง Ads ได้แม่นยำและตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
โดยรายได้จากโฆษณาของ Meta เพิ่มขึ้น 27% ในไตรมาสนี้
ซึ่ง Meta เผยว่า ภาพรวมแพลตฟอร์มในเครือบริษัท มีการแสดงผลโฆษณา เพิ่มขึ้น 20% และมีราคาเฉลี่ยต่อโฆษณา เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อนหน้า
1
หรือพูดง่าย ๆ ว่า มีคนเข้ามาจ่ายเงินเพื่อซื้อโฆษณา บนแพลตฟอร์มของ Meta มากขึ้น ถี่ขึ้น และแพงขึ้น..
ในด้านต้นทุนและรายจ่ายของบริษัทนั้น
ผลจากนโยบายลดต้นทุน เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร ของมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ที่ได้ประกาศไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ว่าจะเป็น “ปีแห่งประสิทธิภาพ” (Year of Efficiency) และได้ลดพนักงานไปแล้วกว่า 21,000 ตำแหน่ง
สำหรับไตรมาสนี้ Meta มีจำนวนพนักงานลดลงเหลืออยู่ 69,329 คน ลดลง 10%
รวมถึงมีค่าใช้จ่ายด้านการขายและการตลาด ลดลง 16% จากปีก่อนหน้า
1
ส่วนข้อมูลผู้ใช้งาน โดยปกติแล้ว Meta จะรายงานยอดผู้ใช้งาน Facebook ประจำรายวัน (DAUs) และประจำเดือน (MAUs) ในทุก ๆ ไตรมาส
1
แต่นี้เป็นครั้งแรกที่ Meta จะไม่รายงานตัวเลขนี้อีกต่อไป..
ซึ่ง Meta จะบอกเพียงยอดผู้ใช้งานรายวัน ของแพลตฟอร์มต่าง ๆ ในเครือรวมกัน ทั้ง Facebook, Instagram, WhatsApp
หรือที่เรียกว่า Family Daily Active People (DAP) เท่านั้น
และยอด Family Daily Active People (DAP) ณ สิ้นเดือน มี.ค. 2024
อยู่ที่ 3,240 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อนหน้า
นอกจากนี้ บริษัทยังประกาศซื้อหุ้น Class A คืน เป็นจำนวน 543,200 ล้านบาท
และจ่ายเงินปันผลประจำไตรมาส เป็นจำนวน 47,100 ล้านบาท
จะเห็นว่า ผลประกอบการของ Meta ยังคงแข็งแกร่ง เติบโต และควบคุมต้นทุนได้ดีอยู่
ทีนี้มาเข้าเรื่องที่ว่า ทำไมราคาหุ้น ถึงร่วง ?
ต้องย้อนความไปว่า เมื่อปีก่อน มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เคยประกาศทิศทางของ Meta ว่า บริษัทจะหันมาโฟกัสกับการลงทุนด้าน AI มากขึ้น ควบคู่ไปกับธุรกิจ Metaverse เพื่อสร้างการเติบโตต่อไป ทำให้บริษัทจำเป็นต้องลงทุนเพิ่มมากขึ้นใน 2 เรื่องนี้
ความพยายามของ Meta เรื่อง AI ก็เริ่มออกดอกผลอย่างชัดเจน
โดยนอกจากช่วยทำให้ธุรกิจโฆษณาดีขึ้นแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทก็เพิ่งได้เปิดตัว “Meta AI”
เทคโนโลยี AI ที่ใส่บน Facebook, Instagram, WhatsApp, Messenger, Ray-Ban Meta, Meta Quest
ซึ่งจะเป็นดั่งผู้ช่วยอัจฉริยะ ที่เราสามารถถามคำถาม หรืออยากค้นหาอะไร มันก็จะช่วยหาคำตอบให้
เพื่อเอามาต่อกรกับบริษัท Big Tech เจ้าอื่นอย่าง Microsoft และ Google
เห็นแบบนี้ คงคิดว่า ทิศทางธุรกิจและ AI ของ Meta ดูกำลังสดใส
จึงไม่แปลกเลยที่ Meta เป็นหุ้นอีกหนึ่งตัว ที่ปรับตัวขึ้นมามากตั้งแต่ช่วงต้นปี
โดยบวกมาแล้วกว่า 42.5% และราคาหุ้นทำ All Time High ใหม่อยู่เรื่อย ๆ
แต่เรื่องมันติดอยู่ตรงที่ว่า..
เมื่อไตรมาสก่อน Meta บอกว่า งบการลงทุน (Capital Expenditure) ในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับ AI
จะอยู่ที่ราว ๆ 1.1 ล้านล้านบาท ถึง 1.3 ล้านล้านบาท ในปี 2024
แต่พอไตรมาสนี้ Meta บอกใหม่ว่า งบตรงนี้จะอยู่ที่ราว ๆ 1.3 ล้านล้านบาท ถึง 1.5 ล้านล้านบาท ในปี 2024 นะ
และคาดว่า จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีหน้า..
หรือก็คือ ต้องลงทุนเพิ่มมากขึ้น กว่าที่เคยคิดไว้
อีกทั้งยังเป็นการส่งสัญญาณว่า ต้นทุนตรงนี้ยังไม่นิ่งนะ และอาจเพิ่มขึ้นได้อีกในอนาคต..
ประกอบกับ Meta ได้ออกมาประเมินว่า ในไตรมาสต่อไป
คาดว่ารายได้ของบริษัท จะอยู่ในช่วง 1,354,200 ล้านบาท ถึง 1,447,000 ล้านบาท
หรือมีค่ากึ่งกลาง (Midpoint) อยู่ที่ 1,400,600 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าประมาณการเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ที่ 1,421,000 ล้านบาท
หรือพูดง่าย ๆ คือ มีความเป็นไปได้ ที่รายได้จะน้อยกว่าเป้า
 
ดังนั้น ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายด้าน AI ที่ต้องลงทุนเยอะขึ้นอย่างต่อเนื่อง แถมมากกว่าที่คิดไว้ เพื่อให้บริษัทสามารถแข่งขันได้
บวกกับ การคาดการณ์รายได้ ในไตรมาสหน้า ที่ออกมาน้อยกว่า ที่นักวิเคราะห์มองไว้
1
จึงกดดันให้ราคาหุ้น Meta ซึ่งปรับตัวขึ้นมามากแล้วในช่วงที่ผ่านมา จากความคาดหวังที่สูงของนักลงทุน
ร่วงลงมาในวันนี้ถึง -15%
และคิดเป็นมูลค่าบริษัทที่หายไป 7 ล้านล้านบาท ภายในวันเดียว ตามความคาดหวังที่น้อยลง..
โฆษณา