Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
MarketThink
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
28 เม.ย. เวลา 03:00 • การตลาด
สรุป Content Marketing Matrix เฟรมเวิร์กช่วยตัดสินใจ ว่าการตลาดของเรา เหมาะจะทำคอนเทนต์แบบไหน
ในปัจจุบัน หนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดรูปแบบหนึ่ง ก็คือ Content Marketing
1
Content Marketing อธิบายคือ เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ใช้ “คอนเทนต์” โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างการรับรู้ และดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายให้กับแบรนด์ และทำให้เกิดเป็นการตัดสินใจซื้อสินค้า ไปในที่สุด
แต่คำถามสำคัญก็คือ เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าคอนเทนต์ประเภทไหน ที่มีความเหมาะสม กับกลยุทธ์การตลาดที่วางแผนไว้ของแบรนด์
เพราะคอนเทนต์แต่ละประเภท ให้ผลลัพธ์ทางด้านการตลาดที่แตกต่างกัน..
1
อย่างไรก็ตาม คำตอบของคำถามนี้ อยู่ที่ Content Marketing Matrix ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์ก ที่ใช้ในการจัดประเภทของคอนเทนต์ออนไลน์แต่ละแบบ ว่าให้ผลลัพธ์ทางด้านการตลาดอย่างไร
โดย Content Marketing Matrix นั้น จะมีลักษณะเป็นตาราง 4 ช่อง แทนคอนเทนต์ 4 ประเภท ได้แก่
1. คอนเทนต์ที่ให้ความบันเทิง (Entertain Content)
2. คอนเทนต์ที่สร้างแรงบันดาลใจ (Inspire Content)
3. คอนเทนต์ที่ให้ความรู้ (Educate Content)
4. คอนเทนต์ที่โน้มน้าวใจ (Convince Content)
1
โดยคอนเทนต์ที่อยู่ในตารางช่องด้านบน จะเป็นคอนเทนต์ที่ เน้นใช้อารมณ์ในการสื่อสาร
คอนเทนต์ที่อยู่ในตารางช่องด้านล่าง จะเป็นคอนเทนต์ที่ เน้นใช้ความเป็นเหตุเป็นผลในการสื่อสาร
ส่วนคอนเทนต์ที่อยู่ช่องด้านซ้าย จะเป็นคอนเทนต์ที่ เน้นให้ผลลัพธ์ทางด้านการรับรู้ (Awareness)
และคอนเทนต์ที่อยู่ช่องด้านขวา จะเป็นคอนเทนต์ที่ เน้นให้ผลลัพธ์ทางด้านการขายสินค้า (Conversion)
ทีนี้ เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น เรามาเจาะลึกคอนเทนต์แต่ละประเภทกัน..
- คอนเทนต์ที่เน้นให้ความบันเทิง (Entertain Content)
เป็นคอนเทนต์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบความบันเทิงโดยเฉพาะ โดยเน้นการสื่อสารด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล
เช่น คอนเทนต์ไวรัลบนโซเชียลมีเดียทุกรูปแบบ เกมตอบคำถามชิงรางวัลจากแบรนด์ หรือควิซที่ให้คนทั่วไปร่วมสนุกและแชร์คำตอบของตัวเองให้เพื่อน ๆ
ซึ่งคอนเทนต์ประเภทนี้ มีจุดเด่นอยู่ตรงที่การสร้างความรู้สึกในเชิงบวกให้กับแบรนด์ รวมถึงทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก แต่ไม่ได้ทำให้แบรนด์ขายสินค้าได้ในทันทีจากคอนเทนต์ประเภทนี้
เพราะสิ่งที่คอนเทนต์ที่ให้ความบันเทิงทำได้ คือการสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ โดยใช้ธรรมชาติของคนส่วนใหญ่ ที่ชอบบริโภคคอนเทนต์ที่ครบรส ทั้งสุข เศร้า เหงา ตลก และดรามา
คอนเทนต์ที่ให้ความบันเทิง จึงเหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการสร้างการรับรู้ เพิ่มจำนวนผู้ติดตามในบัญชีโซเชียลมีเดียของตัวเอง หรือขยายฐานของกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ให้กว้างมากขึ้น
ซึ่งคนกลุ่มนี้จะกลายเป็นลูกค้าของแบรนด์ในอนาคต
- คอนเทนต์ที่เน้นสร้างแรงบันดาลใจ (Inspire Content)
เป็นคอนเทนต์ที่ใช้การสื่อสารด้วยอารมณ์ เหมือนอย่างคอนเทนต์ที่ให้ความบันเทิง เพียงแต่ไม่ได้มีผลลัพธ์ทางด้านการสร้างการรับรู้เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป
เพราะทำหน้าที่ปิดการขาย ให้กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ตัดสินใจซื้อสินค้า ด้วยคอนเทนต์ที่เป็นแรงบันดาลใจ
คอนเทนต์ที่สร้างแรงบันดาลใจ ต้องหาทางเชื่อมโยงเข้ากับอารมณ์ และความรู้สึกของกลุ่มเป้าหมายให้ได้ เพื่อโน้มน้าวให้เกิดการตัดสินใจซื้อสินค้า
เช่น คอนเทนต์รีวิวของอินฟลูเอนเซอร์ คนดัง
รีวิวสินค้าบนเว็บไซต์
รีวิวจากการใช้งานจริงบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
โดยข้อมูลสำคัญที่ควรนำเสนอในคอนเทนต์ประเภทนี้ คือ ข้อดี จุดเด่นของสินค้า ที่สามารถแก้ไขปัญหา (Pain Point) ที่กลุ่มเป้าหมายกำลังเผชิญอยู่
- คอนเทนต์ที่เน้นให้ความรู้ (Educate Content)
เป็นคอนเทนต์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ นำเสนอด้วยความเป็นเหตุเป็นผล มีความน่าเชื่อถือสูง มีการอธิบายข้อมูลอย่างละเอียด
9
เป็นคอนเทนต์ที่ทำให้แบรนด์ของเราเป็นที่รู้จัก (สร้าง Awareness ได้ดี) ทว่าไม่ได้ทำให้กลุ่มเป้าหมายเกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าในทันทีจากคอนเทนต์ประเภทนี้
แต่เราอาจสามารถสอดแทรกข้อมูลสินค้าของเราลงไปด้วยก็ได้ เพื่อทำให้กลุ่มเป้าหมาย รู้ถึงข้อดี ของสินค้าของเรา ว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ได้อย่างไร
ที่น่าสนใจคือ คอนเทนต์ประเภทนี้ มักได้รับความสนใจจากคนทั่วไปเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดีย เช่น บทความ อินโฟกราฟิก รายงานทิศทางการทำธุรกิจ และอุตสาหกรรม ที่หลายครั้งเราจะเห็นคนทั่วไปชอบแชร์คอนเทนต์ที่ให้ความรู้เหล่านี้ เก็บไว้อ่านในภายหลัง
ซึ่งแน่นอนว่า ข้อดีของคอนเทนต์ประเภทนี้ ที่แบรนด์จะได้รับเป็นอย่างแรก ก็คือการทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น แม้จะไม่ได้สร้างยอดขายโดยตรงก็ตาม
- คอนเทนต์ที่เน้นโน้มน้าวใจ (Convince Content)
เป็นคอนเทนต์ที่เรียกได้ว่า มีไว้สำหรับขายสินค้าของแบรนด์โดยตรง โดยใช้การสื่อสารที่มีความเป็นเหตุเป็นผลสูง เข้าไปกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจซื้อสินค้า
คอนเทนต์ประเภทนี้ เป็นเหมือน “ด่านสุดท้าย” ที่กระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมาย ตัดสินใจซื้อสินค้าในที่สุด หลังจากที่ได้ผ่านคอนเทนต์ทั้ง 3 ประเภทก่อนหน้ามาแล้ว
คอนเทนต์ประเภทนี้ ไม่ได้หวังเรื่องการสร้างการรับรู้ แต่จะเป็นคอนเทนต์ที่เน้นให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวสินค้าของเรา
เช่น คุณสมบัติของสินค้าในแต่ละรุ่น คุณสมบัติของสินค้าเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ ในท้องตลาด ข้อดี
หรือจุดเด่นที่จะได้รับจากการใช้สินค้าชิ้นนี้ รวมถึงข้อมูลทางด้านราคา และโปรโมชันต่าง ๆ อีกด้วย
ทีนี้ หลังจากที่เราได้ทำความเข้าใจคอนเทนต์แต่ละประเภทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรามาสรุปแบบเข้าใจง่าย ๆ อีกครั้งหนึ่งได้ว่า
1
- หากวัตถุประสงค์ของแบรนด์ คือการสร้างการรับรู้ (Awareness) ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
คอนเทนต์ที่เหมาะสม คือ
คอนเทนต์ที่ให้ความบันเทิง (Entertain Content)
และคอนเทนต์ที่ให้ความรู้ (Educate Content)
- แต่หากวัตถุประสงค์ของแบรนด์ คือการขายสินค้า (Conversion)
คอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ คือ
คอนเทนต์ที่สร้างแรงบันดาลใจ (Inspire Content)
และคอนเทนต์ที่โน้มน้าวใจ (Convince Content)
ทั้งหมดนี้ ก็คือ Content Marketing Matrix เฟรมเวิร์กที่ช่วยบอกได้ว่า การตลาดของเราควรทำคอนเทนต์แบบใด จึงเหมาะกับวัตถุประสงค์ที่แบรนด์ได้ตั้งไว้
แม้ว่าเฟรมเวิร์กนี้ จะไม่ใช่สูตรสำเร็จ แต่ก็เป็นไกด์ไลน์ที่ดี ที่แบรนด์ต่าง ๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้
1.
https://buttercms.com/blog/content-marketing-matrix/
2.
https://www.smartinsights.com/content-management/content-marketing-strategy/the-content-marketing-matrix-new-infographic/
3.
https://www.primal.co.th/marketing/what-is-content-matrix/
4.
https://www.primal.co.th/th/marketing/what-is-content-matrix/
5.
-
https://digitalbreaktime.com/2019/09/28/content-matrix/
การตลาด
คอนเทนต์
124 บันทึก
56
156
124
56
156
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย