28 เม.ย. เวลา 11:17 • นิยาย เรื่องสั้น

กาน้ำที่เคยเดือด

ชาญชัยนั่งอ่านหนังสืออย่างสงบพร้อมเพลงแจ๊สที่เขาไม่แม้แต่จะเคยรู้จัก เขาอ่านมันไปเรื่อยๆ ทำความเข้าใจและหยิบหลักการที่เหมือนคัมภีร์มาใช้อธิบายโจทย์และแนวคิดพวกนั้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งคำถามไปว่าสิ่งที่เขียนในนี้ขัดแย้งกับสิ่งที่เขาเคยรับรู้หรือไม่ อย่างไร
ไม่มีอะไรพิเศษ ความเรียบง่ายดำเนินไปเช่นนั้น ความอุ่นสบายจากกาแฟที่เขาชงอย่างตั้งใจเป็นเหมือนไฟจากเตาผิงให้เขาไหลไปกับบทเรียนก่อนสอบอย่างช้าๆ เขาวางภาระความวุ่นวายทิ้งไว้เหมือนกองหนังสือที่ดองรอวันเปิดอ่านมาเนิ่นนาน เขาลืมไปสนิทว่าโลกนั้นโหดร้ายแค่ไหน เขาแค่สงบภายใต้บทเพลงและองค์ความรู้ที่โอบรับตัวเขาอย่างโอนโยน
เมื่อบทเพลงเปลี่ยน เขาตั้งคำถามขึ้น สภาวะแบบนี้มันดีแล้วจริงหรือ เขาไม่รู้สึกว่าความรู้เพิ่มพูน เขาแค่เหมือนใช้กระดาษทรายขัดองค์ความรู้ที่เคยมีให้เด่นขึ้นพอจะส่องประกาย หูฟังที่ดับลงไปหนึ่งข้างเกือบทำเขาหลุดจากความสงบนิ่ง โลกนี้วุ่นวายเหลือเกิน หูฟังก็ยังวุ่นวาย แม้แต่ตัวเขาก็ยังเคยวุ่นวาย รูมเมทที่เล่นเกมอยู่ข้างๆก็วุ่นวาย ความสงบในโค-เวิร์คกิ้ง สเปซ ภายในใจของผู้คนก็วุ่นวาย
ตอนนี้เพลงได้เปลี่ยนอีกครั้ง เพลงที่ดังขึ้นเน้นเสียงของแซกโซโฟนก็ทำให้ภายในของเขาเดือดปุดราวกับกาน้ำอีกครั้ง แล้วก็สงบลงเมื่อถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้
“ผมเคารพในตัวนายแล้ว” เขาพูดกับตัวเองในใจ ชาญชัยรู้สึกมาเสมอว่าเขาเหมือนมีบุคคลทั้งสามที่ใช้ชื่อเดียวกันนั่งในจิตใจของเขามาตลอด ทั้งสามมาในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน เคยฉีกกระชากกันเพื่อโต้เถียงว่าใครคือผู้ถูกต้องในการตัดสินใจนี้ หรือแม้กระทั่งการผุดออกมาเพื่อใช้ชีวิตประจำวัน ทานข้าว ดูหนัง ฟังเพลง แม้กระทั่งตอนสอบ
ในวัยเด็กเขาเป็นคนร่าเริง บุคลิกที่บุกเบิก มีความมุ่งมั่น เดือดดาลและต้องการเอาชนะต่อทุกอุปสรรค บ่อยครั้งที่ตัวตนนี้ทำให้เขาก้าวผ่านความยากลำบาก แต่มันก็ทำให้เขามีอีโก้ที่สูง ฉีกกระชากได้แม้กระทั่งตัวเขาเองหากจะทำให้บรรลุเป้าหมาย บุคลิกนี้มีบทบาทอย่างมากกับคำถามของเขาที่ว่า “เป็นไปได้มั้ยที่จะเอาชนะความตายที่ไม่พึงปรารถนา”
เมื่อประถมอารมณ์ผสมความสงสัยทำให้เขาฝัน ฝันว่าตัวเองได้ก้าวผ่านชีวิตมาหนึ่งชั่วคน ได้เป็นเด็ก เรียนจบ ทำงาน มีลูก เกษียณ ชราและสัมผัสถึงความตาย เด็กน้อยนอนซมพร้อมน้ำตาที่ตนรู้สึกแต่ไม่อาจหลีกหนี ก่อกำเนิดเป็นตัวตนที่สอง ตัวตนที่คร่ำครวญสงสัยในทุกสิ่งและดำดิ่งไปสู่ปริศนาของโลก เขาตั้งคำถามต่อสิ่งที่ได้เรียน เก็บไปคิดและคุยกับเพื่อนๆ ทว่าบุคลิกนี้กลับทำให้เขาเศร้าเสียใจในตัวเอง เขาไม่เคยพอใจกับความสุขและความสำเร็จ มันทำให้เขาไม่อยู่กับปัจจุบัน
ตัวตนสุดท้ายนั้นไม่วิเศษเหมือนสองตัวตนแรก มันค่อยๆบ่มเพาะหลังเขาถูกแทงในฝันและปรารถนาที่จะไม่ตาย ครู่หนึ่งรู้สึกราวกับเกิดขึ้นจริง วิญญาณของเขาได้หลุดจากร่างแต่ร่างกายที่ปรารถนาให้เขาใช้ชีวิตต่อได้เหนี่ยวรั้งวิญญาณของเขาไว้ ร่างกระแทกลงกับเตียงและเขาได้ฝันลงต่อในเมืองที่ว่างเปล่าจนสงสัยว่า ใครกันที่แทงเขาในสถานที่ไร้ชีวิตเช่นนี้
ตัวตนนี้คือความว่างเปล่าและสงบนิ่ง ทุกอย่างในสายตาเขาไม่มีความหมายใดเป็นพิเศษ เป็นเพียงสิ่งปรุงแต่งจากมนุษย์ที่หวังจะให้มันมีความหมายบางอย่าง เขาไม่ชอบเท่าไหร่ ความว่างเปล่ามันไม่ผลักดันให้เกิดสิ่งใหม่ มันทำให้เราอยู่ที่เดิม
แรงผลักดันที่เกิดจากแต่ละตัวตนมีกระบวนการต่างกันและสร้างผลลัพธ์ที่ต่างกันไปด้วย ตัวตนแรกจะใช้พลังงานทั้งหมดเพื่อพิชิตเป้าหมายที่ถูกกำหนดไว้ชัดเจน ตัวตนที่สองดำดิ่งไปกับคำถามเชิงคอนเซปต์และรวบรวมวิธีการรวมถึงผลลัพธ์ทั้งหมดที่เป็นไปได้
ตัวตนสุดท้ายทำงานเมื่อความสงบและอบอุ่นจากสภาพแวดล้อมโอบอุ้มเขา มันพาเขาไหลไปในห้วงแห่งความว่างเปล่าเพื่อหยิบสิ่งที่รู้มาเจียระไน
เขาอ่านหนังสือต่อไปราวกับอาศัยในปราสาท ณ จุดจบของเวลา ทุกสิ่งหยุดนิ่งไปพร้อมกับองค์ความรู้ มีเพียงสิ่งที่อยู่ในมือที่ไม่สลักสำคัญมาให้ปัดกวาดเช็ดถูเหมือนกับของตกแต่งในตู้โชว์
ความอบอุ่นที่เขาได้เรียนรู้ถูกไล่เรียงผ่านความทรงจำ แนวคิดต่างๆจากคนรอบตัวหรือแม้แต่หญิงอันเป็นที่รักของเขา เขากล่าวขอบคุณเธอในใจที่สอนให้รู้จักความอบอุ่นนุ่มสบายแม้เป็นเพียงเวลาสั้นๆ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะไขปริศนาของสิ่งที่เขาไม่เข้าใจมากว่า 10 ปีได้ในตอนเย็นที่แสนสงบไม่มีสิ่งใดหวือหวา
การไหลไปอย่างสงบวางแผนให้กับสิ่งที่เขาจะทำต่อไปทั้งสัปดาห์รวมถึงเดือนที่กำลังจะมาถึงในอีกสามวันถัดจากนี้จนเสร็จสรรพ เขียนลงแพลนเนอร์เพียงเท่านั้นทุกอย่างก็จะสิ้นสุดลง
ชาญชัยหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม มีเพียงหนึ่งหยดของกาแฟที่ไม่แม้แต่จะรู้สึกถึงรสชาติอันซับซ้อนก่อนหน้า เขาคิดว่าจะชงแก้วใหม่หลังอาทิตย์อัสดงของกรุงเทพมาเยือน สไลด์ที่ผ่านไปฉบับแล้วฉบับเล่าก็ไม่อาจหยุดเขาให้ลุกจากที่นั่งแสนสงบเสียที
หูฟังอีกข้างได้ดับลง ทว่าท่าทีของชาญชัยกลับสงบนิ่งไม่ต่างกับ 3 ชั่วโมงก่อนหน้า
โฆษณา