นักท่องเที่ยว บินไปซื้อแบรนด์หรูที่ญี่ปุ่น เพราะ “เยนอ่อนสุด” รอบ 34 ปี..
บริษัท LVMH ไตรมาสที่ 1 ปี 2024 รายได้ 821,843 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ปีก่อนหน้า
หากเรามาดูว่าบริษัทขายดี ที่ไหนบ้าง
ก็จะดูได้จากรายได้ ตามแต่ละภูมิภาคของบริษัท
เอเชีย ลดลง 6%
ยุโรป เพิ่มขึ้น 2%
สหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้น 2%
และ ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นมากถึง 32%..
ซึ่งนอกจาก LVMH แล้ว แบรนด์หรูอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Prada Group ก็มีสัดส่วนรายได้จากญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 46% ในขณะที่ รายได้ Hermès ที่ญี่ปุ่น ก็เพิ่มขึ้น 25% เช่นกัน
คำถามที่ตามมาทันที ก็คือ คนญี่ปุ่น ช็อปแบรนด์หรูเยอะขึ้น ใช่หรือไม่ ?
คำตอบก็คือ ไม่ใช่ เพราะจริง ๆ แล้ว รายได้ในญี่ปุ่น ของ LVMH มาจากนักท่องเที่ยวที่หอบเงินไปเพื่อทั้งเที่ยวญี่ปุ่น และไปช็อปที่ญี่ปุ่นในทริปเดียวกันเลย
โดย LVMH รายงานว่า ลูกค้าหลักยังเป็นชาวจีนอยู่ ซึ่งกำลังซื้อกลับมาแล้ว แต่ชาวจีนไม่ได้ช็อปกันในประเทศ แต่กลับไปซื้อสินค้าของบริษัท ที่ยุโรปและญี่ปุ่นแทน
ถามต่อว่าเพราะอะไร ?
เหตุผลหลัก ๆ เลยก็คือ ค่าเงินเยนที่กำลังอ่อนปวกเปียกสุด ในรอบ 34 ปี..
แล้ว เยน อ่อนค่าลงขนาดไหนในปีที่ผ่านมา
เยน อ่อนค่าต่อ ดอลลาร์สหรัฐ 15%
เยน อ่อนค่าต่อ ยุโรป 12%
เยน อ่อนค่าต่อ หยวน 10%
เยน อ่อนค่าต่อ บาท 7%
เท่ากับว่าหากแบรนด์หรู ขายราคาเดียวกันทั่วโลก
การที่ลูกค้าไปซื้อที่ญี่ปุ่น ก็เหมือนได้แบรนด์หรูติดป้ายลดลง
บวกกับประโยชน์ด้านปลอดภาษีจาก VAT Refund แถมได้ไปเที่ยวด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการประเมินว่า ด้วยความที่เยนอ่อนค่าลง ต่อสกุลเงินอื่น ๆ มาก
ปีที่แล้ว ประเทศญี่ปุ่นจึงดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้มากถึง 25 ล้านคน
และมีมูลค่าการใช้จ่ายรวมกัน สูงถึง 1.3 ล้านล้านบาท
การอ่อนค่าของเยน ก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้การท่องเที่ยวญี่ปุ่นคึกคัก แถมยังช่วยกระตุ้นยอดขายร้านค้าต่าง ๆ อย่างแบรนด์หรู ที่ยอดขายที่นี่ ต่างพากันเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
แต่เหรียญมันก็มี 2 ด้านเสมอ
เพราะเมื่อเยนอ่อน ท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้ประโยชน์ก็จริง
แต่สิ่งที่ต้องแลกมา ก็คือ ผลกระทบต่อผู้นำเข้า ประชาชนที่จะซื้อสินค้าและบริการต่างประเทศ แพงขึ้นไปด้วยเช่นกัน..
References:
-เอกสารงบการเงินบริษัท LVMH ปี 2024
- 99
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
