30 เม.ย. เวลา 03:22 • กีฬา

ความรักในฝัน แต่สุดท้ายเลิกรา ตำนานเลิฟสตอรี่ "กาก้า - แคโรไลน์"

ความรักของริคาร์โด้ กาก้า กับ แคโรไลน์ เซลิโก้ คือตำนานเลิฟสตอรี่สุดคลาสสิคของวงการฟุตบอลบราซิล
เราทุกคนน่าจะเคยได้ยินว่า กาก้า หนุ่มสุดฮอตคนนี้ รักษาพรหมจรรย์จนถึงอายุ 23 ปี เพื่อเก็บไว้ให้เจ้าสาวในวันแต่งงาน ใช่แล้ว นั่นคือเรื่องจริง
ย้อนกลับไปในปี 2001 ตอนนั้นกาก้า มีอายุ 19 ปี แม้จะยังอายุน้อย แต่เขามีชื่อเสียงในบราซิลแล้ว เพราะได้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ของสโมสรเซาเปาโล เป็นผู้เล่นที่การันตีว่าจะติดทีมชาติชุดใหญ่แน่นอนในอนาคต
กาก้า เป็นนักเตะพรสวรรค์สูง มีความเร็ว เทคนิคดี และเล่นบอลฉลาดมาก เป็นเพลย์เมกเกอร์เบอร์ 10 ที่ยิงได้ แอสซิสต์ดี
ไม่ใช่แค่เรื่องฝีเท้า แต่กาก้ายังมีหน้าตาหล่อเหลา บุคลิกดี แข็งแรง สูง 186 เซนติเมตร และเกิดในครอบครัวที่มีฐานะ พ่อเป็นวิศวกรโยธา แม่เป็นคุณครู ถูกเลี้ยงดูอบรมมาเป็นอย่างดีมาก
1
ขณะที่นิสัยส่วนตัว เขาเป็นคนสุภาพ เล่นกีตาร์เก่ง ชอบแต่งเพลงเอง ชอบอ่านหนังสือ เข้าโบสถ์เป็นประจำ คือหาข้อด่างพร้อยไม่เจอเลยจริงๆ
ที่สำคัญคือกาก้าครองตัวเป็นโสดมาตลอด คือมุ่งมั่นที่การเล่นฟุตบอลอย่างเดียว ทำให้สาวๆ บราซิลคลั่งไคล้เขาเป็นอย่างมาก คนอะไรเพอร์เฟ็กต์ขนาดนี้ แถมยังโสดอีก
1
เพื่อนสนิทของกาก้า ชื่อมาร์เซโล่ ซาราโกซ่าเล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งระหว่างที่เขากับกาก้าไปเดินห้างกันเพื่อจะซื้อของ ยังไม่ทันจะได้ซื้ออะไรเลย ก็มีคนตะโกนขึ้นมาว่า "กาก้ามา!" จากนั้นผู้คนก็แตกตื่นทั่วห้าง ขอลายเซ็น ถ่ายรูป จนรปภ.ของห้าง ต้องเอาตัวเขาออกไปจากจุดนั้น
นอกจากนั้น ที่สโมสรเซาเปาโล ในแต่ละวันจะมีแฟนคลับสาวๆ เขียนจดหมายมาให้เขาราว 50 ฉบับต่อวัน ซึ่งกาก้าตอนแรกก็จะหอบจดหมาย เอากลับไปให้คุณแม่ช่วยตอบให้ แต่นับวันมันยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ นี่เป็นผู้เล่นที่ซูเปอร์ฮอตจริงๆ
เข้าสู่ปี 2002 กาก้ามีอายุ 20 ปี และตอนนี้โด่งดังยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะมีชื่อติดทีมชาติบราซิลชุดใหญ่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกที่เกาหลีใต้-ญี่ปุ่นได้สำเร็จ และเตรียมย้ายไปเล่นในยุโรป ในระยะเวลาอันใกล้
แต่ในช่วงปีนี้เอง ที่เขาได้รู้จักความรักเป็นครั้งแรก กับเด็กสาวอายุ 15 ปี ที่ชื่อแคโรไลน์ เซลิโก้
แคโรไลน์ถูกยกย่องให้เป็นนางฟ้า เธอหน้าตาสวยเหมือนเทพธิดา เรียนอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติเซนต์ปอล นอกจากนั้น ที่บ้านยังฐานะร่ำรวย เธอเป็นลูกสาวโรซานเจล่า ผู้บริหารสูงสุดของคริสเตียน ดิออร์ ในประเทศบราซิล
กาก้า กับ แคโรไลน์ เคยเจอกันครั้งแรกโดยบังเอิญที่สนามบิน แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ทักกัน แค่สะดุดตากันเฉยๆ จนทั้งคู่ได้มาเจอกันอีกครั้งที่งานปาร์ตี้ โดยเป็นเหตุบังเอิญที่คุณพ่อของกาก้า กับ คุณแม่ของแคโรไลน์รู้จักกัน ก็เลยแนะนำลูกๆ ให้รู้จักกันด้วย
แคโรไลน์ที่ตอนนี้รู้แล้วว่า กาก้าคือนักฟุตบอลชื่อดัง เธอขอลายเซ็นกาก้า ให้เขียนบนกระดาษโน้ต 2 แผ่น เธอตั้งใจจะเก็บไว้ 1 แผ่น ส่วนอีกแผ่นจะเอาไปให้เพื่อนสนิท ซึ่งกาก้าก็ยอมเซ็น
โดยกระดาษโน้ตที่เขียนให้เพื่อนของแคโรไลน์ กาก้าเขียนว่า "with love,from Kaka" (ด้วยรัก จากกาก้า)
ส่วนอีกหนึ่งแผ่นที่เขียนให้แคโรไลน์ เขาเขียนว่า "Kisses, With love from Kaka" (จูบรัวๆ ด้วยรัก จากกาก้า)
แค่นี้ก็เป็นการเปิดเผยตัวแล้ว ว่าเขารู้สึกดีกับแคโรไลน์จริงๆ
และจากนั้นมาทั้งคู่ก็เลยสนิทกันมากขึ้น แคโรไลน์มาเข้าโบสถ์เดียวกับกาก้า และสุดท้ายทั้งคู่ก็ตัดสินใจคบหาเป็นแฟนกันในที่สุด
1
สิ่งที่กาก้าบอกไว้อย่างชัดเจนคือ เขากับแคโรไลน์ จะถือพรหมจรรย์ทั้งคู่ก่อนจะถึงวันแต่งงาน เนื่องจากเขาเป็นคริสเตียนที่เคร่งครัดมาก กาก้าอธิบายว่า "ไบเบิ้ล สอนเกี่ยวกับเรื่องความรัก มีคำสอนที่บอกว่า รักแท้ควรจะรอหลังพิธีแต่งงาน เพราะ มันเป็นบททดสอบที่สำคัญที่จะพิสูจน์ความรักของเรา"
"ทุกคนบนโลกสามารถทำตามความเชื่อของตัวเองได้ แต่ผมกับแคโรไลน์เราตกลงกันแบบนี้ ว่าจะไม่มีอะไรกันเลย จนกว่าจะเข้าพิธีแต่งงานให้เรียบร้อยก่อน"
ความน่าสนใจอยู่ที่ในปี 2003 กาก้าย้ายไปเล่นให้เอซี มิลาน ที่อิตาลี เขากับแคโรไลน์ต้องแยกกันอยู่คนละประเทศ กาก้ายังหนุ่มแน่น หล่อเหลา มีผู้หญิงเข้ามาเยอะมาก แต่เขายืนยันว่าจะรอแค่แคโรไลน์คนเดียวเท่านั้น
1
กาก้าถูกปาปารัสซี่จับจ้องว่า แอบไปควงหญิงคนไหน หิ้วกลับมาจากสถานบันเทิงหรือไม่ ปรากฎว่าไม่เคยเจอภาพหลุดแม้แต่ครั้งเดียว สาเหตุก็เรียบง่าย เพราะกาก้าไม่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ใกล้ผู้หญิงคนไหนนั่นเอง
กาก้าอธิบายว่า "ความรักของเรา เป็นรักทางไกล เธออยู่ที่บราซิล ผมอยู่ที่มิลาน เราห่างกันแบบนี้ประมาณ 2 ปีเต็ม คือเธอจะมาเยี่ยมผมที่มิลานบ้าง ประมาณ 2 เดือนครั้ง ส่วนผมก็จะกลับบราซิลบ้าง เวลาแข่งฟุตบอลทีมชาติ เราก็ได้เจอกันบ้าง แม้จะไม่มากนักก็ตาม"
เข้าสู่ปี 2005 ตอนนี้แคโรไลน์อายุ 18 ปีแล้ว สามารถแต่งงานได้แล้วตามกฎหมาย กาก้าตัดสินใจว่า ความรักของเขากับเธอสุกงอมแล้ว และตัดสินใจที่จะขอแต่งงาน
"วันหนึ่งเธอมาหาผมที่มิลาน ผมก็บอกเธอว่า ผมต้องไปธุระที่เวนิซในงานอีเวนต์ของแบรนด์อาดิดาส ต้องไปคุยกับคนของอาดิดาสที่นั่น แคโรไลน์ก็บอกว่า 'โอเค งั้นฉันไปกับคุณด้วย' พอเรามาถึงเวนิซ เราก็นั่งเรือกองโดล่า แล้วจากนั้นก็ไปที่โรงแรมที่พักของเรา"
"ที่โรงแรม ชั้นบนจะมีร้านอาหาร ที่เป็นระเบียงเห็นวิวเมืองเวนิซอยู่ ซึ่งพอเราไปถึงร้านอาหาร ผมก็บอกเธอว่า คนของอาดิดาสบอกว่าจะมาเลตนิดหน่อย เราก็เลยเริ่มกินอาหารกันเลย"
"ระหว่างที่กินอาหาร จุดที่ร้านอาหารตั้งอยู่ เป็นทำเลที่สวยมาก มันเห็นทั้งเมืองเวนิซ ยาวไปจนถึงท้องทะเล ซึ่งผมได้นัดแนะกับคนของโรงแรม ให้ช่วยเปิดไฟมาที่ผมหน่อย เมื่อแสงไฟมาถึง ผมก็หยิบแหวนออกมา แล้วขอเธอแต่งงานที่เวนิซในวันนั้นเลย"
วันที่ 23 ธันวาคม 2005 กาก้าวัย 23 ปี กับ แคโรไลน์ วัย 18 ปี ได้เข้าพิธีวิวาห์ที่โบสถ์รีนาสเซอร์ เอ็ม คริสโต้ ในเมืองเซาเปาโล ทางฝั่งกาก้า มีเพื่อนนักฟุตบอลร่วมงานมากมาย ทั้งโรนัลโด้ ,ดีด้า และ คาฟู เป็นต้น
เมื่อทั้งคู่แต่งงานกัน แคโรไลน์ก็ย้ายไปอยู่อิตาลีกับสามี ก่อนที่จะเป็นคนแรกของกันและกัน แล้วมีลูกด้วยกัน 2 คน คือลูก้า กับ อิสเบลล่า
จากวันที่แต่งงานกัน ชีวิตทั้งสองคน สวยงามเหมือนความฝันจริงๆ นี่คือบราซิเลียน สวีทฮาร์ท คู่รักคู่ขวัญที่สังคมชื่นชอบ เพราะทั้งคู่สวยหล่อ และดูจิตใจดี เหมาะสมกันมากๆ
กาก้าบูชาความรักเป็นอย่างมาก และเทิดทูนภรรยาเสมอ เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า "แคโรไลน์คือส่วนสำคัญในชีวิตของผม เราแต่งงานกันในปี 2005 จากนั้นผมได้บัลลงดอร์ในปี 2007 มันสำคัญนะที่รู้ว่ามีใครสักคนพร้อมซัพพอร์ทคุณตลอดเวลา ในช่วงที่ดีและร้าย"
1
เริ่มต้นอย่างสวีท ไปสู่พิธีแต่งงานอย่างโรแมนติก สร้างครอบครัวที่อบอุ่นขึ้นมาด้วยกัน อย่างไรก็ตาม เทพนิยายเรื่องนี้ ไม่ได้จบอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง เจ้าชายและเจ้าหญิง ไม่ได้อยู่ด้วยกันตราบชั่วนิรันดร์
ในปี 2015 ทั้งคู่ประกาศแยกทางกันแบบที่สังคมช็อก เพราะไม่เคยมีข่าวระหองระแหงมาก่อนเลย
แต่แคโรไลน์ยืนยันว่า ทั้งสองคนเลิกรากันด้วยความเข้าใจ และต่อจากนี้จะทำหน้าที่เป็นพ่อ-แม่ ของลูกๆ เท่านั้น
กาก้า ใช้เวลาทำใจ 1 ปี ก่อนจะมีแฟนใหม่คือ แคโรลิน่า ดิอาส นางแบบสาวสวย ส่วนแคโรไลน์ ก็มีแฟนใหม่ในเวลาไล่ๆ กัน เป็นนักธุรกิจชาวบราซิล คือเอดูอาร์โด้ สการ์ป้า
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็จบลงตรงนั้น ตัวกาก้ายืนยันว่า เขาพยายามแล้ว ไม่อยากจะหย่าร้าง เพราะในมุมของคริสเตียน เมื่อทำพิธีศักดิ์สิทธิ์ต่อพระเจ้าแล้ว ก็อยากแต่งงานทีเดียว แต่สุดท้ายเขาก็รักษาความสัมพันธ์ไม่ได้จริงๆ
เรื่องกาก้า กับ แคโรไลน์ ที่เงียบหายไปนาน ตกเป็นข่าวในสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะหนังสือพิมพ์เดอะ ซัน ลงข่าวว่า แคโรไลน์พูดว่า "กาก้าไม่เคยทรยศฉัน เขาดูแลฉันดีมากๆ และสร้างครอบครัวที่น่ารักขึ้นมา แต่ฉันไม่มีความสุข เพราะมีบางอย่างขาดไป ปัญหาคือเขาเพอร์เฟ็กต์เกินไปสำหรับฉัน"
1
พอมีคำพูดแบบนี้ ก็เลยเป็นดราม่าทันที โจมตีไปที่แคโรไลน์ว่า เฮ้ย เป็นคนดี แล้วไม่ดีหรือไง เธอชอบคบคนเลวๆ หรือไง แล้วก็มีคนสงสารกาก้าที่โดนฝ่ายหญิงกระทำ จนกลายเป็นประเด็นชุลมุนกันไปหมด
1
แต่บทสรุปของเรื่องนี้ แคโรไลน์บอกว่า ข่าวทั้งหมดที่เดอะ ซันนำเสนอขึ้นมาคือ Fake Quote เป็นคำพูดไม่จริง เธอไม่ได้พูดอะไรแบบนั้นเลย โดยเธอลงสตอรี่ในอินสตาแกรมเขียนอธิบายว่า
"สำหรับคนที่ไม่ได้ยินชื่อฉันมานาน หรือไม่เคยรู้จักฉันมาก่อนเลย เรื่องที่คุณได้ยินมา โชคร้ายที่เป็นข่าวปลอม และคำพูดปลอม ฉันขออัพเดทชีวิตฉันให้ฟังตอนนี้ละกัน"
"ฉันหย่าร้างมาได้ 10 ปีแล้ว หลังจากคบเป็นแฟนไปจนถึงแต่งงานกันรวม 14 ปี และเรามีลูกวัยรุ่นที่น่ารัก 2 คนด้วยกัน"
"ตอนนี้ฉันอยู่กินกับสามีคนปัจจุบัน เอดูอาร์โด้ มาได้ 8 ปีแล้ว และเรากำลังจะให้กำเนิดลูกคนแรกในเดือนหน้า"
"คือฉันมีความทรงจำที่ดีกับช่วงชีวิตที่ผ่านมา และจดจำมันได้เสมอว่าผ่านอะไรมาบ้าง ฉันกับอดีตสามีเราค้นพบว่าจะเลี้ยงลูกๆ ของเราให้โตขึ้นมาอย่างไรได้อย่างมีความสุขในสภาวะที่ดีที่สุด"
"ถ้าคุณอยากรู้เรื่องชีวิตของฉัน ครอบครัวปัจจุบัน ความเชื่อ และการงาน ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทุกคนจะเข้ามาติดตามในโซเชียลมีเดียของฉัน ด้วยความรักและเคารพอย่างสูง ขอบคุณ"
ตอนจบของเรื่องนี้ คือ คำพูดว่า "ดีเกินไป" ที่เดอะ ซัน ลงข่าว แคโรไลน์บอกว่าข่าวปลอมล้วนๆ ซึ่งก็ต้องไปสืบกันต่อว่าแล้ว เดอะ ซัน เอาประเด็นนี้มาจากไหน
เอาจริงๆ เรื่องกาก้า กับ แคโรไลน์ ไม่มีอะไรอัพเดทนานแล้ว ทั้งคู่มูฟออนกันไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ทั้งคู่สร้างความสัมพันธ์ขึ้นมาตอนแรก ก็เป็นอะไรที่น่ารักมากจริงๆ
แต่ความรักก็แบบนี้ รักแรกไม่จำเป็นต้องเป็นรักสุดท้าย
เริ่มอย่างสวยงามแค่ไหน แต่ความรู้สึกของคนเราเคลื่อนตัวตลอด วันนี้เคยรัก อีกวันอาจไม่รักแล้ว
สิ่งที่เราทำได้คือ ทำให้ดีที่สุด รักให้นานที่สุด มีความสุขกับช่วงเวลาที่มีกันและกัน และถ้าอนาคตมันจะเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องยอมรับความจริงแล้วก้าวต่อไป
ส่วนเรื่องทั้งหมดที่เคยมีร่วมกันมา มันไม่ได้หายไปไหน แต่ก็จะหลงเหลือเพียงแค่ในความทรงจำเท่านั้น
โฆษณา