2 พ.ค. เวลา 05:38 • ท่องเที่ยว
ซิดนีย์

แลกเปลี่ยนที่ออสเตรเลีย 2 สัปดาห์ ทำอะไรบ้าง?! 🇦🇺 EP.1 ละเอียดยิบ

ประเทศออสเตรเลียหนึ่งในประเทศที่ผู้คนอยากย้ายมาอยู่มากที่สุด นอกจากความสวยงามของธรรมชาติ และแหล่งท่องเที่ยวแล้วก็ยังเป็นศูนย์รวมความหลากหลายทางวัฒนธรรม เชื้อชาติ และภาษามากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก เมืองหลวงตั้งอยู่ที่ "แคนเบอร์รา" และในขณะที่เมืองที่ใหญ่ที่สุด มีประชากรมากที่สุด และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศคือ "ซิดนีย์" ซึ่งเป็นเมืองที่เราไปเเลกเปลี่ยนนั่นเอง
เกริ่นก่อนว่าเราไปแลกเปลี่ยนกับน้องชาย ซึ่งจะไปรวมกับเด็กคนอื่น ๆ
ช่วงที่เราไปแลกเปลี่ยนคือ เดือนตุลาคม หรือฤดูใบไม้ผลิของซิดนีย์ อากาศเย็น มีลมแรง แดดแรง และมีฝนตกเป็นบางวัน สำหรับโครงการที่เราไปด้วย คือ short exchange ของ Engenius International
ซึ่งทางโครงการจะช่วยดำเนินการเรื่องวีซ่า ตั๋วเครื่องบิน โฮสต์ และกิจกรรมในแต่ละวันให้ หากใครมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเรา หรือทางโครงการได้เลย ถ้าทุกคนพร้อมแล้วเราไปดูชีวิตเด็กแลกเปลี่ยนซิดนีย์กันเลยดีกว่า 🇦🇺
☆ day 1 : การเดินทางเริ่มต้นขึ้นหลังจากพบปะกับทางโครงการ นัดหมาย และลาครอบครัว ไฟลต์ที่เดินทางเป็นไฟลต์ตอนเย็นเนื่องจากใช้เวลาบินนาน หลังเครื่องขึ้นประมาณสองชม.ก็มีมื้อเย็นมาเสิร์ฟก่อนจะตีตั๋วนอนรอเครื่องแลนด์ดิ้งที่เมลเบิร์น
♡ day 2 : ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปได้สวย เริ่มเห็นน่านฟ้าและผังเมืองเมลเบิร์นซึ่งสวยมาก ๆ พอออกจากเครื่องก็สัมผัสอากาศหนาวได้เลย ทุกคนกำลังตื่นเต้นกับก้าวแรกในประเทศออสเตรเลีย
แต่ ! นั่นทำให้เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ก่อนหน้าที่ประเทศไทย สายการบินแจ้งว่าการเปลี่ยนเครื่องที่เมลเบิร์นเพื่อต่อไปซิดนีย์ ไม่ต้องทำการเช็คอินใหม่ โดยสายการบินจะโหลดสัมภาระ ย้ายเครื่องให้เอง แต่จริง ๆแล้วมันไม่ใช่ พวกเราทุกคนเร่งรีบในการหยิบกระเป๋า และวิ่งไปเช็คอินหลังผ่านตม. แต่เราและสมาชิกบางส่วนถูกแยกออกไปเพื่อตรวจของผิดสำแดง ทำให้เสียเวลาเป็นอย่างมาก และพวกเราตกเครื่อง เห้อ วันแรกก็วุ่นวายสะแล้วสิ ทางโครงการรับผิดชอบซื้อตั๋วให้พวกเราทุกคนใหม่ พวกเราใช้เวลารออยู่ในสนามบินร่วมสิบเอ็ดชั่วโมง
จากเมลเบิร์นไปซิดนีย์ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งก็ถึงเรียบร้อย คนขับรถมารับพวกเราไปส่งบ้านโฮสต์แต่ละหลัง ซึ่งก่อนหน้านี้โฮสต์ก็จะเตรียมห้องไว้ให้เรากับรูมเมท ที่บ้านเรารีเควสโครงการให้แยกบ้านกับน้อง เพราะต้องการให้เราทั้งคู่ได้ใช้เวลากับคนอื่น ซึ่งเราดีใจมาก ๆ เอ้ย ไม่ใช่ โฮสต์ของเราเป็นชาวอิสราเอล แต่ย้ายมาอยู่ที่ซิดนีย์สิบกว่าปีแล้ว มีลูกชายสองคน และหมาหนึ่งตัว น่ารักมาก โชคดีที่ลูกชายคนเล็กอายุเท่ากับเรา ส่วนคนโตก็ชวนคุยเก่ง ถึงแรก ๆ จะฟังไม่ค่อยเข้าใจแต่มันก็ทำให้สนิทกันไว ไม่อึดอัดเวลาทานข้าว
plane dump 🛩
☆ day 3 : เริ่มต้นชีวิตในซิดนีย์ เริ่มแรกโฮสต์จะพาเรา และรูมเมทเดินไปสถานีรถไฟ สอนวิธีเดินทางไปโรงเรียน หลังจากนั้นพวกเราจะต้องเดินทางไปโรงเรียนเองเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ สถาบันของเราชื่อว่า IH Bondi สามารถเดินทางด้วยรถไฟมาลงที่สถานี Bondi Junction ได้เลย ตามปกติวันแรกก็ทำความรู้จักกับทีเช่อ และสำรวจรอบ ๆ สถาบัน ระหว่างทางเดินจากสถานีรถไฟมาสถาบันเราก็จะเห็นห้างทั้งสองฝั่ง และร้านค้ามากมาย กระซิบว่าที่นี่มีครูคนไทยแท้ ๆ อยู่ด้วย เวลาถามอะไรก็สามารถถามพี่คนไทยได้เช่นกัน
โปรแกรมของพวกเราในแต่ละวันคือ ช่วงเช้าเรียนภาษา ช่วงบ่ายไปทัศนศึกษา ยกเว้นวันแรกและเสาร์อาทิตย์จะเป็นเวลาทำความรู้จักกับโฮสต์ ด้วยความที่วัยค่อนข้างใกล้กัน และจำนวนคนไม่เยอะพวกเราในกรุ๊ปเลยสนิทกันได้ไว ช่วงพักเที่ยงพวกเราจะชอบตีปิงปอง และหลังจากเลิกเรียนช่วงบ่ายพวกเราจะหาที่เที่ยว หรือเดินห้างกัน วันนี้เราตกลงกับรูมเมทว่าจะกลับบ้านไว เป็นช่วงที่โฮสต์พาน้องหมา ต่อจากนี้จะเรียกว่า oslo ไปเดินเล่นพอดี พวกเราเลยตามไปด้วย ห่างจากบ้านประมาณสิบนาทีก็มีห้างใกล้ ๆ สนามเด็กเล่น และร้านอาหาร เราชอบมาก
♡ day 4 : มื้อเช้าของพวกเราจะเป็นนมกับซีเรียล ซึ่งซีเรียลมีหลากหลายมาก และเราจะต้องเตรียม lunch box ไปเอง รร.จะไม่มีข้าวเที่ยงให้ หรือเราจะไปทานที่ห้างก็ได้ ทุกเช้าโฮสต์จะถามตลอดว่าวันนี้อยากได้แซนด์วิชแบบไหน ใส่อะไรบ้าง และให้เราเลือกผลไม้ , snack จากตู้ตามใจ ปล.โฮสต์แต่ละคนไม่เหมือนกัน มีกฎแตกต่างกัน เช่น บ้านเรา คือ นอนกี่โมงก็ได้ แต่หลังสี่ทุ่มขอให้เบาเสียงลง , ช่วงบ่ายแต่ละวันถ้าจะไปเที่ยวต่อขอแค่บอก ซึ่งเรามองว่ากฎพวกนี้สามารถตกลงกันได้ในแต่ละบ้าน
โฮสต์ค่อนข้างให้อิสระเต็มที่ เค้ามีmindsetว่าเราสามารถรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว แต่ด้วยความที่เป็นเด็กต่างแดนเค้าก็ต้องดูแลเราให้ดีที่สุด
อะมาต่อ สำหรับวันแรกพวกเราเรียนเกี่ยวกับบทสทนาและแสลงของชาวออสซี่ หลาย ๆ ประโยคที่ไม่เคยเห็นก็ได้เรียนมาใช้จริง ส่วนช่วงบ่ายพวกเราไปที่ Sydney Harbour และ Opera House แลนด์มาร์กของออสเตรเลีย ศูนย์รวมนักท่องเที่ยว และชาวออสซี่ที่มาแฮงค์เอ้า เนื่องจากใกล้ ๆ มีร้านอาหารมากมาย อยากจะบอกว่าวิวสวยมากๆๆ ต้องมาเห็นกับตา มองไปฝั่งตรงข้ามจะเห็น Sydney Harbour Bridge
☆ day 5 : การเรียนของพวกเราวันนี้ต่อยอดจากเมื่อวาน ซึ่งทีเช่อให้เราลองจินตนาการว่าถ้าออกแบบ Opera House ใหม่ อยากทำแบบไหน อีกทั้งยังเล่าให้ฟังอีกว่าจุดเด่นของซิดนีย์ไม่ใช่แค่โอเปร่าเท่านั้น แต่ยังมีทัวร์ปีนสะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์ เราได้ยินตอนแรกตกใจมาก ทีเช่อก็บอกว่านักท่องเที่ยวนั้นชอบความท้าทาย และต้องการสร้างประสบการณ์ที่จำไม่ลืม จึงมีทัวร์ปีนสะพานนี้ขึ้น โดยมีความยากหลายระดับ ได้รับความนิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยวรวมทั้งชาวออสซี่เอง
โปรแกรมทัศนศึกษาของพวกเราช่วงบ่ายวันนี้คือไปที่ WILD LIFE Sydney Zoo แน่นอนว่ามาออสเตรเลียทั้งทีไฮไลท์ คือ โคอาล่าที่นอนหลับอยู่บนต้นยูคาลิปตัส หากต้องการถ่ายรูปใกล้ ๆ จะมีตั๋วให้ซื้อแยก อีกตัวหนึ่งคือ จิงโจ้ แต่ๆจิงโจ้ที่นี่ไม่ได้มีกล้าม หรือต่อยคนนะ น้องนอนเฉย ๆ บนลานกลางแจ้งที่มีแค่รั้วไม้เตี้ยๆกั้น เป็นสองโซนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด นอกจากนี้ยังมีสัตว์อื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ตัววอมแบท จิงโจ้ต้นไม้ แทสมาเนีย งู และสัตว์อื่น ๆ แต่ที่ได้รับความสนใจมากจะเป็น วอลลาบี ตุ่นปากเป็ด และจระเข้ยักษ์
หลังจากเดินเล่นในสวนสัตว์เสร็จแล้ว พวกเราก็แยกกับทีเช่อมาถ่ายรูปรอบ ๆ ท่าเรือ บอกเลยว่าสู้แดดมาก หลังจากนั้นพวกเราก็เดินเลาะตึกไปเรื่อย ๆ จนถึงสถานี Town Hall เป็นจุดที่แยกทางกันกลับบ้าน เราและรูมเมทแวะที่สถานี Milsons Point ก่อน เป็นสถานีทางผ่านกลับบ้านที่ถ่ายรูปจะเห็นวิวสะพานซิดนีย์
จบไปแล้วสำหรับ EP.1 ยังเหลือโปรแกรมอีกหลายวัน รอติดตามชม EP.2-3 กันด้วยน้า สถานที่เที่ยวในซิดนีย์ยังมีหลายที่ที่น่าไป
ปล.ไม่อนุญาตให้นำรูปไปใช้ไม่ว่ากรณีใดใด ทุกรูปเราถ่ายเอง
instagram : imabluemoonzxt
โฆษณา