18 พ.ค. เวลา 00:00 • การเมือง

บทความ Blockdit ตอน ลีกวนยูสร้างชาติอย่างไร ตอน 15 ราคาของสิงคโปร์โมเดล

จากสุนัขรับใช้สหรัฐฯสู่สิงคโปร์โมเดล
5
ก่อนเติ้งเสี่ยวผิงออกเดินทางไปเยือนสิงคโปร์ในปี 1978 สื่อจีนพูดถึงสิงคโปร์ว่าเป็น ‘สุนัขรับใช้’ สหรัฐฯ แต่หลังจากเติ้งเสี่ยวผิงกลับมา สื่อจีนพูดตรงข้าม สิงคโปร์กลายเป็นความหวังใหม่ของจีน
เติ้งเสี่ยวผิงบอกว่าเอเชียมีมังกรสี่ตัว (หมายถึง 4 เสือแห่งเอเชีย) คือสิงคโปร์ ไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลีใต้ เขาสั่งให้ผู้ว่าฯเขตกว่างตงไล่ตามมังกรทั้งสี่ตัวให้ทันภายในยี่สิบปี
แต่ในมุมมองของลีกวนยู เสือทั้งสี่ตัวรวมกันก็มีขนาดแค่จังหวัดเดียวในจีน!
2
เติ้งเสี่ยวผิงยังอยากให้สร้าง ‘ฮ่องกง’ อีกหลายๆ เมืองในจีน
3
เติ้งเสี่ยวผิงพูดตอนไปเยือนเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้นว่า “สังคมในสิงคโปร์มีระเบียบมาก พวกเขาจัดการเรื่องต่างๆ อย่างเป็นเคร่งครัด เราควรใช้ประสบการณ์ของพวกเขาเป็นแบบอย่าง และเราควรจัดการให้ดีกว่าพวกเขา”
1
หลังจากเติ้งเสี่ยวผิงพูดเกี่ยวกับสิงคโปร์หลายครั้ง ก็มีการส่งเจ้าหน้าที่จีนหลายร้อยคนไปดูงานที่สิงคโปร์ ศึกษาวิธีที่สิงคโปร์พัฒนาประเทศ สิงคโปร์ก็ต้อนรับคณะ ‘นักเรียน’ จีนอย่างดี จนปัจจุบันก็ยังส่งไปดูงานเรื่อยๆ นับจำนวนหลายหมื่นคนแล้ว
สิงคโปร์มีความสัมพันธ์กับจีนในหลายมิติ ทั้งเชื้อชาติวัฒนธรรม และการค้าที่มีมูลค่าสูง
ตลอดเวลาหลายสิบปีถัดมา สิงคโปร์เป็นประเทศเดียวที่ผู้นำจีนหลายคนยกให้เป็นโมเดลที่ต้องเรียนรู้ เรียกว่าสิงคโปร์โมเดล
อะไรคือสิงคโปร์โมเดล?
วลีสิงคโปร์โมเดล คนจีนเป็นคนตั้งขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้คนเอเชียทึ่งสิ่งที่ลีกวนยูทำ แต่โลกตะวันตกมองอีกอย่าง พวกเขารู้ว่าสิงคโปร์โมเดลทำงานได้ผล แต่พวกเขาไม่ชอบวิธีการจัดการแบบพรรคเดียว-กึ่งเผด็จการ หรือ soft authoritarian
2
แต่สำหรับจีน ประเทศสิงคโปร์ที่เติ้งเสี่ยวผิงเห็นในปี 1978 ก็คือโมเดลอนาคตของจีน
เติ้งเสี่ยวผิงประทับใจสิงคโปร์โมเดลมากจนมันกลายเป็นพิมพ์เขียวของเจ้าหน้าที่รัฐไปหลายสิบปี
อย่างไรก็ตาม พวกหัวเก่าในพรรคคอมมิวนิสต์ไม่ได้ยินดีที่เติ้งเสี่ยวผิงเปลี่ยนทิศ เปิดประเทศสู่ทุนนิยม แต่เวลาผ่านไป เติ้งเสี่ยวผิงพิสูจน์ให้เห็นว่านโยบาย ‘หนึ่งประเทศสองระบบ’ ทำงานได้ผล
1
จะเป็นแมวดำหรือแมวขาว แล้วยังไงหรือ?
2
เติ้งเสี่ยวผิงถือโอกาสที่ใช้สิงคโปร์โมเดลเพื่อพัฒนาประเทศ ทำการปฏิรูปการเมือง ขจัดกลุ่ม Neo-Maoists ที่ต่อต้านการพัฒนาเศรษฐกิจ
การเห็นสิงคโปร์ปกครองแบบ soft authoritarian อย่างได้ผล น่าจะทำให้เติ้งเสี่ยวผิงรู้สึก ‘ชอบธรรม’ ที่จะไปทางสาย ‘เผด็จการคอมมิวนิสต์’ ต่อไป
มีการวิเคราะห์ว่า พรรค PAP ของลีกวนยูกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็มีส่วนคล้ายกัน ทั้งคู่ไปทางสังคมนิยม แต่จีนไปสุดโต่งกว่า
จีนไม่ใช่สิงคโปร์
1
จีนไม่ได้ยกสิงคโปร์โมเดลไปทั้งดุ้น เพราะปัจจัยต่างกัน แม้หลายเรื่องตรงกัน เช่น การพัฒนาโครงการใหม่ๆ หรือการปราบคอร์รัปชั่นแบบลงโทษเด็ดขาด
4
สิงคโปร์โมเดลเป็นคุณลักษณะเฉพาะที่ไม่ทุกประเทศทำได้ หรือไม่เหมาะที่จะก๊อบปี้ไปทั้งดุ้น อีกทั้งบริบททางการเมืองตอนเริ่มก่อตั้งประเทศต่างกัน ทรัพยากรธรรมชาติก็ต่างกัน
6
สิงคโปร์โมเดล
ลีกวนยูรู้ว่าต้องช่วยจีนให้ปฏิรูปและเปิดประเทศกับโลก เพื่อเชื่อมเศรษฐกิจ รัฐบาลสิงคโปร์และภาคเอกชนก็ติดต่อกับจีนมาตลอด ลีกวนยูยังพยายามโน้มน้าวใจพวกตะวันตกให้เข้าหาจีน ค้าขายกัน
จีนจึงถือว่าลีกวนยูเป็น ‘เพื่อนเก่าของจีน’
2
ลีกวนยูรู้ดีว่าการเปลี่ยนประเทศจีนทั้งประเทศเป็นเรื่องยากการสร้างสิงคโปร์ย่อมไม่ใช่งานง่าย แต๋ก็น่าจะง่ายกว่าเปลี่ยนจีนเพราะมีประชากรแค่ 2.5 ล้านคน
1
เติ้งเสี่ยวผิงบอกว่า “ถ้าผมมีแค่เซี่ยงไฮ้ ผมก็อาจเปลี่ยนเซี่ยงไฮ้ได้เร็ว แต่ผมมีจีนทั้งประเทศ!”
เติ้งเสี่ยวผิงประสบปัญหาว่า จะทำอย่างไรให้คนจีนหลายร้อยล้านพ้นจากความยากจน จีนไม่มีปัญหาเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ แต่เขาเห็นว่ามันอาจเป็นงานใหญ่ที่ใช้เวลาครึ่งศตวรรษ
แต่จีนก็ทำจนสำเร็จเช่นกัน
เติ้งเสี่ยวผิงชื่นชมลีกวนยูที่สร้างประเทศได้ยอดเยี่ยม ลีกวนยูก็ชื่นชมเติ้งเสี่ยวผิงที่กล้าเปลี่ยนอุดมการณ์ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน
2
ลีกวนยูไม่เคยเจอผู้นำคอมมิวนิสต์ที่กล้าเปลี่ยนเส้นทางและอุดมคติทางการเมืองเมื่อพบความจริง
1
ในบรรดาผู้นำทั้งโลก ลีกวนยูจึงยกย่องเติ้งเสี่ยวผิงที่สุด
ทั้งสองไม่ได้เห็นด้วยในทุกเรื่อง แต่มีอะไรก็คุยกันตรงๆ
1
มีอยู่ปีหนึ่งลีกวนยูไปเยือนจีน เติ้งเสี่ยวผิงต่อว่าลีกวนยูว่า “ผมมีเรื่องสำคัญจะพูด ผมได้ยินว่าคุณเป็นพันธมิตรทางทหารกับไต้หวัน กองทัพของคุณอยู่ที่นั่น”
แล้วร่ายยาวต่อไปว่า “ไต้หวันเป็นของจีน”
ลีกวนยูบอก “ใช่ เรารู้ว่าไต้หวันเป็นของจีน แต่เราไม่ได้ฝึกร่วมกับพวกไต้หวัน เราไม่ได้เป็นพันธมิตรกับไต้หวัน เราไปขอสถานที่ฝึก เพราะสิงคโปร์เล็กมาก ยิงปืนใหญ่นัดเดียวมันก็พุ่งไป 20 ไมล์ ข้ามพรมแดนประเทศแล้ว เราจึงต้องหาที่ฝึกกว้างๆ”
เติ้งเสี่ยวผิงรู้ว่าลีกวนยูไปไต้หวันบ่อยๆ และสนิทกับประธานาธิบดีเจี่ยงจิงกั๋ว บุตรชายเจียงไคเช็กและผู้นำสหรัฐฯ แต่ไว้ใจลีกวนยู บางครั้งก็ขอให้ลีกวนยูส่งสารไปให้ทั้งไต้หวันและสหรัฐฯ
1
ลีกวนยูกับผู้นำจีน
ลีกวนยูพบผู้นำระดับสูงของจีนแทบครบคน ตั้งแต่เหมาเจ๋อตง เติ้งเสี่ยวผิง และผู้นำคนอื่นๆ ยกเว้นโจวเอินไหลที่ตายราวสี่เดือนก่อนที่เขาไปเยือนจีน
ลีกวนยูบอกว่าเขาพบเหมาเจ๋อตงในบั้นปลายชีวิต เขาเห็นว่าเหมาเจ๋อตงช่วยรวมจีนสำเร็จ แต่ไม่ใช่นักพัฒนา เพราะเหมาเจ๋อตงเกือบทำประเทศพังในการปฏิวัติวัฒนธรรม ถ้าเหมาเจ๋อตงหรือหัวกั๋วเฟิง ที่เป็นทายาทการเมืองปกครองจีนต่อไป จีนจะไม่ใช่จีนในตอนนี้ แต่จะเป็นเหมือนโซเวียต
4
ยุคเหมาเจ๋อตงมีแต่การปฏิวัติ รบตลอดเวลา ยุคเติ้งเสี่ยวผิงคือการปฏิรูปและเปิดประเทศ ยุคเจียงเจ๋อหมิง (ทายาทที่เติ้งเสี่ยงผิงเลือกเอง) คือทำให้จีนแข็งแกร่งขึ้นและการพัฒนา ยุคหูจิ่นเทาคือการสร้างความกลมกลืนในสังคม และขจัดช่องว่างคนรวยกับคนจน
3
เมื่อลีกวนยูไปเยือนจีนใน 1985 เขาพบนายกรัฐมนตรีจีน จ้าวจื่อหยาง ผู้ถามความเห็นของเขาเรื่องการพัฒนาของประเทศจีน และขอให้ลีกวนยูวิจารณ์ตรงๆ
ลีกวนยูบอกว่า “งั้นพูดเรื่องดีก่อน” เขาบอกว่าเห็นผู้คนเซี่ยงไฮ้ดูมีความสุขขึ้นกว่าปี 1976 ผู้นำมีอายุน้อยลง มีโครงการใหม่ๆ ผุดขึ้นมากมาย
1
แต่ด้านไม่ดีก็คือระบบคมนาคม ถนนหนทางเลวร้ายมาก เช่น ถนนความยาว 150 กิโลเมตรจากเมืองจี่หนานไปชีฟู่ บ้านเกิดของขงจื๊อ เป็นถนนดินแดงเขรอะโคลนทั้งสาย เขาบอกผู้นำจีนว่า พวกโรมันสร้างถนนด้วยหินอยู่นานสองพันปี จีนมีหินมากมาย มีแรงงานมหาศาล จึงไม่มีเหตุผลที่ถนนแย่ขนาดนี้
สิงคโปร์มีประชากร 2.5 ล้านคน มีนักท่องเที่ยวปีละสามล้านคน จีนมีประชากรหนึ่งพันล้าน มีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ทิวทัศน์งดงาม แหล่งท่องเที่ยวมากมาย แต่มีนักท่องเที่ยวหนึ่งล้านคน แปดแสนคนเป็นคนจีน สองแสนเป็นคนต่างชาติ
ลีกวนยูบอกว่า ถ้าจีนเห็นดีด้วย ก็สามารถส่งเจ้าหน้าที่ไปดูงานที่สิงคโปร์ได้ ภาษาก็ไม่เป็นอุปสรรคอย่างไรเพราะทั้งสองประเทศใช้ภาษจีน จ้าวจื่อหยางเห็นดี ก็ส่งเจ้าหน้าที่ไปดูงานที่สิงคโปร์
ลีกวนยูพบเหมาเจ๋อตงในปี 1976
ลีกวนยูพบสีจิ้นผิง (Xi Jinping 習近平) ครั้งแรกที่กรุงปักกิ่งปี 2007 เขาไม่ได้ตั้งใจไปพบสีจิ้นผิงโดยตรง แต่ฝ่ายจีนพาเขาไปพบ เพราะตอนนั้นสีจิ้นผิงเพิ่งได้รับเลือกเป็นคณะกรรมาธิการถาวรประจำกรมการเมือง (Politburo Standing Committee)ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นหมากการเมืองที่บ่งว่า เขาจะไปแทนที่ประธานาธิบดีหูจิ่นเทา (Hu Jintao 胡錦濤)
ครั้งแรกที่พบ ลีกวนยูเห็นว่าสีจิ้นผิงไม่ใช่คนหัวคับแคบ เป็นคนคิดลึก แต่ไม่อวดว่ารู้ เขาขาดความร่าเริงแบบเจียงเจ๋อหมิง (Ji-ang Zemin 江澤民) แต่ก็ไม่เป็นทางการเหมือนหูจิ่นเทา เขามีความเคร่งขรึมและสง่า นั่นคือ ‘first impression’ ของลีกวนยู
3
หลังจากดูสิ่งที่สีจิ้นผิงไต่เต้าจากที่เล็กขึ้นมา ทำงานๆๆ ไม่เคยบ่น ลีกวนยูก็จัดสีจิ้นผิงอยู่ในกลุ่ม เนลสัน แมนเดลา
1
สีจิ้นผิงเป็นผู้นำจีนรุ่นที่ 5 นับจาก 1949 ลีกวนยูก็เจอมาแล้วทุกคน ตั้งแต่เหมาเจ๋อตง
2
ลีกวนยูบอกว่าพวกชนชั้นบริหารประเทศของจีนไม่ใช่คอมมิวนิสต์ตามคำจำกัดความเดิมๆ ของตะวันตก แต่เป็นนักปฏิบัติเหมือนลีกวนยู ทำทุกอย่างเพื่อพัฒนาประเทศ
6
ลีกวนยูกับสีจิ้นผิง
แต่ยุคของสีจิ้นผิงจะเป็นอย่างไร?
ราคาของการเปิดประเทศ
ในมุมมองของลีกวนยู การที่เติ้งเสี่ยวผิงปฏิรูปและเปิดประเทศถือว่าเป็นโชคดีของคนจีน
1
แต่ราคาของการเปิดประเทศจีนคือมันไม่มีวันหวนกลับไปเหมือนเดิม ผู้คนที่เคยยากจนแล้วมีเงินมากมายขึ้นทันใด จะใช้จ่ายหนัก
1
ชาวจีนที่ไปศึกษาต่อหรือทำงานในตะวันตก จะไม่มีวันเหมือนเดิม พวกเขาพบว่าชีวิตในตะวันตกมีมากกว่าชีวิตในเมืองจีน มันมีปาร์ตี้ การเฮฮา
นี่คือเมืองจีนใหม่ ไม่ใช่เมืองจีนเดิมที่ทุกคนแต่งตัวสีทึมๆ มอซอเหมือนกันหมด ตอนนี้ทุกคนสวมเสื้อผ้าหลากสี ใช้จ่ายสินค้ายี่ห้อต่างประเทศ
เมื่อเขาไปเยือนจีนครั้งแรกในปี 1976 ทางการเกณฑ์เด็กนักเรียนจํานวนมากมาต้อนรับเขา ร้องเพลงต้อนรับเขา ลีกวนยูคิดในใจว่า เด็กพวกนี้ควรจะอยู่ในโรงเรียนเรียนหนังสือ ไม่ใช่เสียเวลาทั้งวันมาต้อนรับแขกเมืองอย่างนี้
2
แต่คุณลักษณ์ของจีนคือ ‘หน้าใหญ่’ ต้องการให้แขกที่มาเยือนประทับใจ แต่โลกตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว คนมาไม่ได้ประทับใจการต้อนรับแบบนี้อีกแล้ว
4
ลีกวนยูตั้งข้อสังเกตว่าทำไมไอโฟนไม่ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นที่เมืองจีน? คนจีนมีคนเก่งอัจฉริยะมากมาย เหตุผลเพราะกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิบัตรทางปัญญายังไม่มี หรือไม่พอที่ทำให้คนใช้ความคิดสร้างสรรค์อยากทำ
3
เขาเห็นว่าเมืองจีนควรเปลี่ยนจากประเทศที่ขับเคลื่อนโดยโดยการส่งออกเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนโดยการบริโภคภายใน คล้ายสหรัฐฯ จะทำอย่างนี้ได้ ต้องเปลี่ยนวิธีคิดของคนชั้นกลางและชั้นล่าง คนเหล่านี้ยากจนมานาน จนเมื่อมีเงินก็เก็บในธนาคารหรือในปลอกหมอน ใช้จ่ายเมื่อมั่นใจกับอนาคตเท่านั้น เพราะพวกเขากลัวยากจนอีก
1
อย่างไรก็ตาม ช่องว่างของความร่ำรวยควรมีน้อยที่สุด
2
จีนยุคหลังเปิดประเทศดูมีสีสันสดใสขึ้น ผู้คนดูมีความหวังขึ้น ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่าระบอบการเมืองคือปากท้องและความฝัน
6
แต่ราคาของสิงคโปร์โมเดลคือ ทุกอย่างจะไม่กลับไปเหมือนเดิม
5
โฆษณา