5 พ.ค. เวลา 05:45 • สุขภาพ

“ลูคีเมีย” มะเร็งเม็ดเลือดขาวพบมากในเด็ก พ่อแม่ควรทำอย่างไรหากลูกป่วย?

มะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในเด็กเล็ก คือ มะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือลูคีเมีย ซึ่งเป็นมะเร็งที่ไม่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม และยังไม่มีวิธีป้องกัน ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองควรรู้ถึงสัญญาณโรคและวิธีการปฏิบัติตัวเป็นผลดีต่อการรักษา ไม่กลับมาเป็นซ้ำ!
มะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือลูคีเมีย (Leukemia) มะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดในเด็ก หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ของมะเร็งทั้งหมดในเด็ก เกิดจากภาวะที่ไขกระดูกหรือเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด (stem cell) ทำงานผิดปกติ โดยผลิตเซลล์เม็ดเลือดที่ผิดปกติออกมาจำนวนมาก ทำให้ระบบการทำงานของเม็ดเลือดผิดปกติ ซึ่งมักพบรอยโรคที่บริเวณไขกระดูก แต่ทางการแพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดโรค
ลูคีเมีย
ในเบื้องต้นมีการค้นพบว่า ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวมีความผิดปกติของพันธุกรรมบางอย่างในเซลล์มะเร็ง แต่พันธุกรรมนี้ไม่ได้มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมในคนไข้ที่เป็นโรคมะเร็งทุกคน
แม้ว่าพ่อแม่ไม่ได้เป็นโรคมะเร็ง แต่ลูกสามารถเป็นโรคมะเร็งได้ เนื่องจากตัวเซลล์ต้นกำเนิดภายในร่างกายของลูกมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็งด้วยตัวเอง ซึ่งสามารถเป็นได้ตั้งแต่แรกเกิด หรือโตขึ้นมาแล้วค่อยเกิดโรคทีหลังก็ได้
จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว?
คนไข้จะมาด้วยอาการซีดเนื่องจากจำนวนเม็ดเลือดแดงต่ำ มีไข้ ติดเชื้อง่าย เนื่องจากขาดเม็ดเลือดขาว มีเลือดออกง่ายเนื่องจากขาดเกล็ดเลือด และมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ตับโต ม้ามโต ต่อมน้ำเหลืองโต ปวดแขน ปวดขา ปวดกระดูก หรือปวดตามข้อ
เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว…มีโอกาสรักษาหายหรือเปล่า?
มะเร็งเม็ดเลือดขาวไม่ได้มีการแบ่งระยะโรคเหมือนมะเร็งที่เป็นก้อนเนื้อร้าย แต่แบ่งจากความเสี่ยงของการเกิดโรคซ้ำ ซึ่งหมายความว่า เมื่อคนไข้ได้รับการรักษาไปแล้วสามารถหายขาดได้ แต่ก็มีความเสี่ยงในการกลับมาเป็นใหม่อีกครั้ง
คนไข้ส่วนใหญ่มักโชคดีที่อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงปกติ หากเป็นมะเร็งชนิดเฉียบพลัน (ALL) โอกาสหายขาดอยู่ที่ร้อยละ 80 ส่วนในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง มีโอกาสหายขาดประมาณร้อยละ 60 และในกลุ่มความเสี่ยงสูงมากโอกาสหายขาดอยู่ที่ร้อยละ 40
มะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็กยังมีอีกชนิดที่เรียกว่า AML ซึ่งแบ่งได้ 2 กลุ่มคือ
  • กลุ่มที่มีความเสี่ยงปกติ มีโอกาสหายขาดอยู่ที่ร้อยละ 60-80
  • กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง มีโอกาสหายขาดประมาณร้อยละ 40-50
ความเสี่ยงในการเกิดโรคซ้ำขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรบ้าง?
  • ลักษณะทางคลินิกของคนไข้ เช่น จำนวนเม็ดเลือดขาว วัดตั้งแต่ตอนที่มาโรงพยาบาลว่าสูงมากน้อยแค่ไหน
  • อายุขณะเกิดอาการ
  • ชนิดของเซลล์มะเร็ง
  • ลักษณะทางพันธุกรรมผิดปกติที่พบ
ครอบครัวต้องดูแลผู้ป่วยเด็กมะเร็งเม็ดเลือดขาวอย่างไร?
  • เมื่อทราบว่าลูกเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว คุณพ่อคุณแม่ควรบอกลูกว่าเขาเป็นมะเร็ง เพราะการบอกคนไข้จะทำให้เขารู้ว่าตัวเองป่วย จำเป็นต้องได้รับการรักษา เขาจะได้ดูแลตัวเองให้ดีขึ้น การรักษาโรคมะเร็งต้องใช้เวลาในการรักษานานพอสมควร หากคนไข้ไม่ทราบว่าตัวเองป่วย เขาอาจไม่ให้ความร่วมมือในการรักษา
  • คุณพ่อคุณแม่จะต้องสื่อสารเรื่องโรค อาการ และการรักษาให้เด็กเข้าใจด้วยถ้อยคำที่เหมาะสมกับวัย เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการรักษาและการมาพบแพทย์
ควรมาพบแพทย์ทุกครั้งที่มีการนัดหมาย
การได้ยาเคมีบำบัด ทำให้คนไข้มีภาวะแทรกซ้อน คลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง มีการทำงานของไขกระดูกลดลง เม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดงลดลง เกล็ดเลือดต่ำ ทำให้คนไข้มีโอกาสเกิดภาวะซีด ติดเชื้อได้ง่าย และมีจุดเลือดออก คุณพ่อคุณแม่จึงควรดูแลและติดตามอาการอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
เมื่อลูกมีไข้ต้องรีบมาโรงพยาบาลทันที หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้แหล่งชุมชนหรือสถานที่แออัด ล้างมือบ่อยๆ และใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องออกนอกบ้าน หรือสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมภายนอก กินอาหารที่สะอาดและปรุงสุกด้วยความร้อน งดผักสดและผลไม้สด เนื่องจากเชื้อโรคและแบคทีเรียที่อยู่ในอาหารที่ไม่ผ่านการปรุงสุกอาจจะทำให้คนไข้ติดเชื้อในกระแสเลือดจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท 2
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา