Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วินทร์ เลียววาริณ
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
25 พ.ค. เวลา 00:00 • การเมือง
บทความ Blockdit ตอน ลีกวนยูสร้างชาติอย่างไร ตอน 16 จีนไม่เคยลืมประวัติศาสตร์
จีนไม่เคยลืมประวัติศาสตร์
ผู้นำจีนในวัยชราคนหนึ่งถามลีกวนยู (เขาไม่เผยชื่อผู้นำคนนี้) “คุณเชื่อไหมเรื่องจุดยืนของเราในการเพิ่มขึ้นของการสร้างสันติภาพไหม?”
2
ลีกวนยูตอบว่า “ผมเชื่อ แต่ด้วยข้อแม้หนึ่ง คนรุ่นคุณผ่านสงครามต่อต้านญี่ปุ่น สงครามกลางเมือง การก้าวกระโดดครั้งใหญ่ ปฏิวัติวัฒนธรรม แก๊งสี่คน และการเปิดประเทศในตอนนี้"
3
"คุณก็รู้ว่ามีอันตรายที่ซ่อนอยู่มากมาย และเมืองจีนจะก้าวขึ้นไปโดยไม่มีอุบัติเหตุ คุณจำเป็นต้องมีเสถียรภาพภายใน และสันติภาพภายนอก แต่คุณกำลังปลูกฝังศักดิ์ศรีและความรักชาติในหมู่เยาวชน มากจนเมื่อพวกเขาเดินขบวนต่อต้านญี่ปุ่น มันกลายเป็นความรุนแรง เมื่อลูกชายผม (ลีเซียนหลง) นายกรัฐมนตรีไปเยือนไทเปในปี 2004 เขากับประเทศสิงคโปร์ถูกพวกโซเชียลเน็ตเวิร์กจีนโจมตีว่าเป็นคนเนรคุณและทรยศ มันเปลี่ยนเร็วจริง”
2
การปลูกฝังเยาวชนต้องระวัง ความรักชาติเป็นดาบสองคม และเมืองจีนก็ใหญ่เสียจนการดูแลเรื่องนี้ต้องใช้ทั้งทรัพยากรคนจำนวนมาก
แต่ลีกวนยูเชื่อมั่นว่าเมืองจีนจะโตขึ้น ทั้งเทคโนโลยี เศรษฐกิจ ไม่มีข้อสงสัย
ทว่าประเทศที่มีคนมากแบบนี้ต้องระวัง พลาดนิดเดียวก็เกิดความวุ่นวายคุมไม่อยู่ได้
1
จีนศึกษาจากโมเดลการพัฒนาประเทศจากที่ต่างๆ แล้วปรับใช้ตามความเหมาะสม ให้เข้ากับรากเหง้าของจีน
1
ต่างจากสหรัฐฯ จีนไม่เคยลืมประวัติศาสตร์
1
ลีกวนยูให้สัมภาษณ์ในปี 2007 ว่า บางครั้งจีนก็ ‘เตือน’ ชาติอื่นแบบเบาๆ ยกตัวอย่าง เช่น ราวปี 1997 สุลต่านบรูไนไปเยือนกรุงปักกิ่ง คนจีนพาพระองค์ไปเยือนที่ฝังพระศพของบรรพบุรุษของสุลต่านที่นานกิง เมืองที่บรรพบุรุษสุลต่านสิ้นพระชนม์ขณะที่นำบรรณาการไปถวายจักรพรรดิจีน เวลานั้นบรูไนเป็นอาณาจักรใหญ่ แต่ก็ไปผูกสัมพันธ์กับจีน
นั่นคือเมืองจีนสมัยที่โลกยังไม่มีเรือกลไฟ ไม่มีเครื่องบิน และอเมริกายังรกร้าง
ลีกวนยูพูดขำๆ ว่า นี่เป็นการเตือนแบบนิ่มๆ ให้รู้ว่าจีนรู้รากเหง้าของแต่ละประเทศดี
1
ลีกวนยูบอกว่าจีนสมัยก่อนกับสมัยนี้ไม่เหมือนกัน จีนสมัยนี้ต้องเผชิญหน้ากับอเมริกาเหนือ ยุโรป ญี่ปุ่น และเอเชียอาคเนย์กับอินเดีย จีนพัฒนาไปได้ในระดับหนึ่ง แต่ในอีกสามสิบปี เรื่องจะเปลี่ยนไป จีนจะมีคนรับการศึกษาจากต่างประเทศมากขึ้น จะรู้ภาษาอังกฤษดีขึ้น และจะกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก
1
ตอนนี้ยัง แต่วันหนึ่งจะไปถึง
ลีกวนยูบอกว่า แต่จีนต้องระวัง และต้องมีสำนึกเรื่องความจริง พวกเขาต้องแยกแยะออกว่าอะไรเป็นไปได้ อะไรเป็นไปไม่ได้
จีนต้องรู้ว่า การครอบครองเอเชียอาคเนย์เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ในยุคคอมมิวนิสต์ผงาดไปทั่วเอเชียอาคเนย์ ลีกวนยูย่อมต้องระวังว่าจีนมีความฝันจะลงมาครอบคลุมแถบนี้ นี่ก็คือเหตุผลที่เขาสนับสนุนให้สหรัฐฯคงกองเรือรบที่ 7 ไว้ที่นี่
1
ลีกวนยูแสดงจุดยืนชัดเจนเสมอว่า พวกเขาทำการค้าขายกับจีน พวกเขามีเชื้อสายจีน แต่ไม่เคยไว้ใจจีน พวกเขาจึงมีพันธมิตรสหรัฐฯมาคานอำนาจด้วย โชคดีที่สิงคโปร์อยู่ในตำแหน่งภูมิศาสตร์ที่สหรัฐฯไม่อาจทิ้งได้ หากต้องการมีอิทธิพลในเอเชีย-แปซิฟิก
5
มุมมองของลีกวนยูเรื่องจีนคือ ประวัติศาสตร์จีนสี่พันกว่าปีเป็นระบบผู้ปกครองแบบราชวงศ์ แทรกด้วยอนาธิปไตยบ้าง ผู้รุกรานจากต่างดินแดนบ้าง ขุนศึกบ้าง เผด็จการบ้าง คนจีนไม่เคยมีประสบการณ์มีรัฐบาลที่นับคะแนน การเปลี่ยนแปลงไปสู่การมีตัวแทนรัฐบาลต้องเป็นไปอย่างนุ่มนวล
2
ถ้าสหรัฐฯพยายามจะขัดขวางการเติบโตของจีน จีนก็จะทำอย่างเดียวกันแน่นอน
“จีนต้องการเป็นจีน และได้รับการยอมรับเช่นนั้น ไม่ใช่ในฐานะสมาชิกที่ทรงเกียรติของตะวันตก”
1
ลีกวนยูกล่าวว่า “ระบบรัฐบาลของจีนจะเปลี่ยนแปลง มันจะเปลี่ยนในเกาหลี ไต้หวัน และเวียดนาม มันก็กำลังเปลี่ยนในสิงคโปร์ แต่มันจะไม่จบแบบระบบอเมริกัน หรืออังกฤษ หรือฝรั่งเศส หรือเยอรมนี”
เขามองว่าระบอบประชาธิปไตยสไตล์ตะวันตก ไม่ได้เหมาะกับทุกที่ในเอเชีย
2
คู่กัด จีน-สหรัฐฯ
ลีกวนยูทำนายความขัดแย้งจีนกับสหรัฐฯมานาน เขาว่าเหตุการณ์ 11 กันยาฯทำให้สหรัฐฯมัวไปยุ่งกับสงครามในตะวันออกกลาง ปล่อยให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีอย่างเร่งรีบ ในเชิงการทหาร สหรัฐฯยังเหนือกว่าจีนหลายขุม แต่จีนก็มีเป้าหมายตามให้ทัน อย่างน้อยก็ตามหลังไม่กี่ก้าว จีนพัฒนาเทคโนโลยีเองแทบทุกอย่าง รวมถึงการขึ้นสู่อวกาศ สร้างระบบ GPS เอง เพราะรู้ว่าจะตกเป็นเบี้ยล่างตลอดไปหากพึ่งสหรัฐฯ
2
จีนพัฒนาระบบยิงดาวเทียมของตัวเอง และสกัดขีปนาวุธของตัวเอง นี่เป็นการส่งสารไปยังสหรัฐฯว่า “คุณขู่เราไม่ได้แล้วนะ เราจะยิงขีปนาวุธของคุณตกแปซิฟิก”
เขามองว่าสหรัฐฯไม่ควรแปลกใจที่จีนพัฒนาเทคโนโลยีสกัดการสอดแนมของสหรัฐฯเหนือจีน เพราะหากจีนพัฒนาเทคโลยีสอดแนมชายฝั่งสหรัฐฯได้ สหรัฐฯก็ไม่มีวันยอม
1
แต่ความเห็นของลีกวนยูต่อเรื่องนี้คือ จีนกับสหรัฐฯไม่น่าจะรบกัน เพราะไม่มีประโยชน์ต่อทั้งคู่ และเขาเชื่อว่าสหรัฐฯก็จะไม่ทำสงครามกับจีนเรื่องไต้หวัน เพราะมันไม่คุ้ม อเมริกันอาจรบชนะในรอบแรก แต่จะรบไปอีกอีกรอบ? จีนยอมจ่ายทุกราคา แต่สหรัฐฯจะไม่ยอมจ่ายแน่ ผู้นำจีนคนใดทำให้ไต้หวันหลุด ก็จะหลุดจากตำแหน่งไปด้วย ดังนั้นจีนจะไม่มีวันยอมแพ้ จะรบกี่รอบก็จะทำ
2
ลีกวนยูเห็นว่า การรวมชาติของจีนกับไต้หวันเกิดขึ้นแน่ แค่รอเวลาเท่านั้น ไม่มีประเทศไหนสามารถหยุดมันได้
ลีกวนยูเห็นว่า ความจริงคือจีนกำลังก้าวขึ้นมาหายใจรดต้นคอสหรัฐฯ GDP จะใหญ่กว่าของสหรัฐฯแน่นอนในอนาคต สหรัฐฯอาจรู้สึกว่าสถานะหมายเลขหนึ่งของตนกำลังถูกท้าทาย จึงอาจมองจีนเป็นศัตรู
ในช่วงหลายปีนี้ สหรัฐฯสกัดจีนทุกเรื่อง ทุกหนทาง ไม่ให้ขึ้นมาเป็นใหญ่ ด้วยมาตรการกดดันทางการค้า ภาษี ข้อห้ามมากมาย การจำกัดการไหลของเทคโนโลยีไปจีน (รวมทั้งกดดันชาติอื่นให้ทำตามด้วย) การสกัดแบบนี้ทำให้จีนไม่มีทางเลือกอื่น ต้องพึ่งตนเอง พัฒนาทุกอย่างเอง อาจจะช้า แต่จีนไม่มีวันหยุด จีนรู้ว่ายืมจมูกคนอื่นหายใจไม่ได้
3
ลีกวนยู
อเมริกันยังไม่พร้อมจะแชร์อำนาจให้ประเทศอื่น แต่สหรัฐฯจะหยุดจีนได้หรือไม่ - บางทีด้วยความช่วยเหลืออีกแรงจากญี่ปุ่น? ลีกวนยูเชื่อว่ายาก
ลีกวนยูบอกว่าญี่ปุ่นคงไม่อยากเป็นศัตรูกับจีน ลองคิดดูว่าเราเป็นญี่ปุ่น พลเมือง 130 ล้านคน อยู่ติดประเทศที่มีพลเมือง 1,300 ล้านคน เราจะถามตัวเองว่า จะสร้างศัตรูไปทำไม
1
สหรัฐฯคงต้องยอมรับความจริง ประนีประนอม และอยู่ด้วยกันอย่างสันติ สันติภาพและความร่วมของสองประเทศนี้จะเป็นตัวสร้างเสถียรภาพในเอเชีย สหรัฐฯควรช่วยจีนกลับเข้ามาในสังคมโลก และสร้างระเบียบนานาชาติ คล้ายกับครั้งที่ลีกวนยูบอกประธานาธิบดีนิกสันให้เข้าหาจีน ไม่ใช่ต่อต้าน ดึงจีนกลับมาบนเวที ไม่ใช่ชกกันนอกเวที
1
ลีกวนยูบอกว่าอังกฤษมีวิธีปกครองอาณานิคมที่กร่างน้อยกว่าอเมริกัน ในยุครุ่งเรืองของเครือจักรภพอังกฤษ คนอังกฤษเพียง 200 คนสามารถคุมอินเดียที่มีประชากร 200 ล้านคน
2
ปฏิวัติโดยได้รับความยินยอม หรือโดยใช้ความรุนแรง
มีคนถามลีกวนยูว่า ดูเหมือนจีนไม่ได้เกลียดวิธีคิดแบบตะวันตก ยกตัวอย่าง เช่น ลัทธิมาร์กซ์ (Marxism) ก็มาจากตะวันตก
ลีกวนยูกล่าวว่า “มันเป็นคนละเรื่องกัน ผมไม่เชื่อว่าคนจีนเชื่อเรื่อง Marxism ด้วยซ้ำ มันมีอยู่ช่วงหนึ่งที่จีนเดินตามรอยโซเวียต แต่นั่นเป็นความผูกพันทางทฤษฎี เมื่อคนจีนพูดเรื่องประชาธิปไตย พวกเขาไม่ได้หมายถึงประชาธิปไตยที่อเมริกันหมายถึง หรือที่อังกฤษหมายถึง หรือที่เราเข้าใจ ผมหมายถึงกฎพื้นฐาน...
3
“การทดสอบจริงๆ ของประชาธิปไตยคือ เราเปลี่ยนรัฐบาลโดยการเลือกตั้งได้หรือไม่ เท่านั้นแหละ พวกจีนศึกษาเรามาแล้ว เราอยู่ในอำนาจยังไง เรามีการโหวต เมื่อเราเสียเขตหนึ่ง เราก็ต้องเตรียมสำหรับรอบต่อไปที่เราอาจเสียที่นั่งหรือได้ที่นั่งเพิ่ม พูดอีกอย่างก็คือคุณสามารถเปลี่ยนรัฐบาลโดยการโหวต...
1
“ฮาโรลด์ ลาสกี (Harold Laski นักการเมืองอังกฤษ) สรุปปัญหานี้ได้ดี คุณมีการปฏิวัติโดยได้รับความยินยอมหรือโดยใช้ความรุนแรง อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ผมไม่เห็นจีนมีการปฏิวัติโดยการโหวต หรือแก้ปัญหาโดยการโหวต”
3
ว่าด้วยนโยบาย Containment
Containment policy เป็นศัพท์การเมืองระหว่างประเทศ คือนโยบายหรือยุทธศาสตร์การต่างประเทศของสหรัฐที่สกัด ควบคุมการขยายอำนาจฝ่ายตรงข้าม ใช้มาตั้งแต่สมัยสงครามเย็น สกัดโซเวียตไม่ให้แพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์
ผลจากนโยบาย Containment โซเวียตก็ยิ่งแผ่อิทธิพลคอมมิวนิสต์ไปทั่วโลก บางครั้งก็เปลี่ยนบางรัฐ เช่น รัฐบาลเวียดนามใต้ หรือแม้แต่ไทย
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อสงครามเย็นเกิดขึ้นระหว่างสหรัฐฯกับโซเวียต เสนาธิการและนักคิดอเมริกันพยายามหาทางอื่นที่ไม่ใช่ containment มีสามความเป็นไปได้
นโยบายที่หนึ่งคือ สหรัฐฯกลับคืนสู่นโยบาย Isolationism คือเลิกยุ่งกับชาวบ้าน ต่างคนต่างอยู่
1
นโยบายที่สอง Détente ผ่อนคลายความตึงเครียด สร้างความสัมพันธ์
1
นโยบายที่สาม Rollback คือตีแสกหน้า ถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรัฐบาลฝ่ายตรงข้าม ก็เปลี่ยน ต้องยึดอำนาจประเทศ ก็ยึด
1
เมื่อเกิดสงครามเกาหลี ประธานาธิบดีทรูแมนสั่งบุกเกาหลีเหนือด้วยนโยบาย Rollback แต่เมื่อจีนลงมาช่วยเกาหลีเหนือรบ สหรัฐฯก็เปลี่ยนเป็น containment เมื่อนายพลแม็คอาร์เธอร์บอกว่าใช้นโยบาย Rollback ตามเดิมดีกว่า ทรูแมนก็สั่งปลดแม็คอาร์เธอร์
2
ในที่สุดสงครามเกาหลีก็ถึงจุดเฉื่อย คาราคาซัง ไม่มีผู้ชนะ จนเลิกรบกันไปเอง
1
สหรัฐฯใช้นโยบาย containment กับจีนมาตั้งแต่แรก แต่ในสมัยนิกสันเปลี่ยนเป็นผูกมิตรกับจีนเพื่อสกัดโซเวียต ตามมาด้วยการค้าขาย
3
แต่เมื่อจีนชักโตเร็วเกินไปในศตวรรษที่ 21 สหรัฐฯแข็งกร้าวกับจีนด้วยนโยบาย containment สกัดจีนทุกก้าว สหรัฐฯผูกมิตรกับอินเดียและเวียดนาม คานอำนาจกับจีน และเริ่มต้านจีนชัดเจนขึ้นทุกที มีฐานทัพที่เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์
เมื่อ โจ ไบเดน ขึ้นเป็นผู้นำสหรัฐฯ เขาประกาศชัดเจนว่าจีนเป็น “ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อสหรัฐฯในบรรดาทุกชาติในโลก” และ “คู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด”
2
แล้วสกัดจีนทุกทาง
เหตุผลที่ใช้อ้างในการสกัดมาตรการการค้าและอื่นๆ คือ “เพื่อความปลอดภัยและคุณค่าประชาธิปไตยของอเมริกา”
2
ประโยคหรูๆ เหล่านี้เป็นแค่คำบอกชาวโลกว่าสหรัฐฯเป็นเหยื่อ แต่สาระจริงคือ สหรัฐฯจะไม่ยอมให้จีนขึ้นมายืนเคียงข้าง
1
มีคนถามลีกวนยูว่า สมมุติว่านิกสันเป็นประธานาธิบดีในวันนี้ จะจัดการเรื่องความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนอย่างไร
ลีกวนยูตอบว่า นิกสันคงเกี่ยวข้อง (engage) แต่ไม่ควบคุม (contain) จีน แต่นิกสันก็คงวางหมากต่างๆ เพื่อเตรียมทางที่สองไว้ กรณีจีนไม่เล่นตามกฎในฐานะพลเมืองโลก ในสถานการณ์นี้ ประเทศต่างๆ ก็คงต้องเลือกข้าง เขาคงจัดการดึงประเทศมาฝั่งของอเมริกา คือญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รัสเซีย
2
ดูเหมือนโลกไม่เคยมีช่วงเวลาแห่งสันติภาพได้จริงๆ
2
ลีกวนยู
จีน
สหรัฐอเมริกา
24 บันทึก
82
2
38
24
82
2
38
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย