4 พ.ค. เวลา 07:43 • หนังสือ

THE FIVE SECRETS YOU MUST DISCOVER BEFORE YOU DIE ความลับ 5 ข้อที่คุณต้องค้นให้พบก่อนตาย

จะดีแค่ไหน หากเราได้เรียนรู้บทเรียนล้ำค่าของชีวิต ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป...จากสารคดีที่ออกอากาศทางช่อง PBS ของสหรัฐอเมริกา เพื่อเสาะหาความลับของชีวิตที่เปี่ยมความหมายและความสุขลึกล้ำ ด้วยการสัมภาษณ์ "ผู้ผ่านโลกมามาก" (อายุ 60-105 ปี) ซึ่งใครต่อใครต่างบอกว่า เป็นผู้ที่ได้ค้นพบความสุขและความหมายชีวิต โดยคัดเลือกจากผู้ได้รับการเสนอชื่อกว่า 15,000 คน จนเหลือเพียง 235 คน เพื่อค้นพบบทเรียนล้ำค่า จากประสบการณ์ชีวิตรวมกันแล้วกว่า 18,000 ปี
จากสารคดีที่ออกอากาศทางช่อง PBS ของสหรัฐอเมริกาเพื่อเสาะหาความลับของชีวิตที่เปี่ยมความหมายและความสุขลึกล้ำด้วยการสัมภาษณ์ "ผู้ผ่านโลกมามาก" (อายุ 60-105 ปี) ซึ่งใครต่อใครต่างบอกว่าเป็นผู้ที่ได้ค้นพบความสุขและความหมายชีวิต โดยคัดเลือกจากผู้ได้รับการเสนอชื่อกว่า 15,000 คน จนเหลือเพียง 235 คน เพื่อค้นพบบทเรียนล้ำค่าจากประสบการณ์ชีวิตรวมกันแล้วกว่า 18,000 ปี
จากสารคดีที่ได้รับการกล่าวขวัญทั่วโลก สู่หนังสือชนะเลิศรางวัล The Independent Publisher Book Awards 2008
ไม้ใกล้ฝั่งผู้ทรงภูมิเหล่านี้ได้เรียนรู้อะไร ผู้ผ่านโลกมามากเหล่านี้ได้เรียนรู้อะไร?
มีสิ่งใดมาสอนเราเกี่ยวกับการใช้ชีวิต
มีสิ่งสำคัญใดมาสอนเราเกี่ยวกับการใช้ชีวิต?
ความเสียใจลึกซึ้งของพวกเขา ให้บทเรียนใดแก่ชีวิตเราบ้าง?
เราจะเปลี่ยนตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติอย่างไร?
สิ่งที่พวกเขาแต่ละคนอยากบอกเราใน 1 ประโยค?
และที่สำคัญ ผู้อ่านจะใช้ประโยชน์จาก "ความลับ" เหล่านี้อย่างไร?
...ในวันที่ทุกอย่างไม่สายเกิน...
"ไม่ว่าคุณจะมีอายุเท่าไร คุณจะอยากให้ตัวเอง ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ให้เร็วกว่านี้"
- สตีเฟน อาร์. โควีย์ ผู้เขียน The 7 Habits of Highly Effective People
“What brought you the greatest joy? What do you wish you had learned sooner? What ultimately mattered and what didn’t?”
“อะไรทำให้คุณมีความสุขที่สุด? คุณอยากจะเรียนรู้อะไรเร็วกว่านี้? ท้ายที่สุดแล้วอะไรสำคัญและสิ่งใดไม่สำคัญ”
“if you could give only one sentence of advice to those younger than you, on finding a happy and meaningful life, what one sentence would you pass on?”
“ถ้าคุณสามารถให้คำแนะนำแก่ผู้ที่อายุน้อยกว่าคุณได้เพียงประโยคเดียวในการค้นหาชีวิตที่มีความสุขและมีความหมาย คุณจะส่งต่อประโยคใด?”
“Why do some people find wisdom and die happy?” This query is one that should sit quietly in the back of our minds from
“ทำไมคนบางคนถึงพบสติปัญญาและตายอย่างมีความสุข” คำถามนี้เป็นคำถามที่ควรนั่งเงียบๆ ในใจเรา
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ได้เล่าผ่านประสบการณ์จากหลายบุคคลที่สูงอายุและภูมิปัญญา โดยแบ่งออกเป็น 10 บท ได้แก่
บทที่ 1 ทำไมบางคนค้นพบความหมายและตายอย่างมีความสุข
บทที่ 2 ทำไมผมจึงอยากคุยกับกลบกประจำเมือง
(และคนที่มีอายุมากกว่า 60 ปี อีก 200 คน) เกี่ยวกับชีวิต
บทที่ 3 ความลับข้อที่หนึ่ง : Be true to yourself ซื่อสัตย์กับตัวเอง (ใคร่ครวญมากขึ้น)
The first secret is to be true to you, to your self, and live with intention. ความลับข้อแรกก็คือ จงซื่อสัตย์กับตนเอง กับตัวตนของคุณ และใช้ชีวิตอย่างมีจุดหมาย
The greatest tragedy in life is to spend your whole life fishing only to discover that it was not fish you were after. โศกนาฏกรรมยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต คือการใช้เวลาทั้งชีวิตตกปลาเพียงเพื่อจะพบว่า มันไม่ใช่ปลาตัวที่คุณต้องการ
Henry David Thoreau เฮนรี่ เดวิด ธอโร
choose to live life awake เลือกใช้ชีวิตอย่างผู้ที่ตื่นแล้ว
ใช้ชีวิตอย่างแท้จริง รู้ว่าอะไรสำคัญสำหรับคุณแล้วใช้ชีวิตตามค่านิยมที่มีวินัยและความตั้งใจ ถามตัวเองด้วยคำถามสามข้อนี้อย่างต่อเนื่อง:
1) Am I being true to myself? ฉันจริงใจกับตัวเองหรือไม่?
2) Am I the person I want to be? ฉันเป็นคนที่ฉันอยากเป็นหรือไม่? และ
3) Am I focusing my life on the things that matter to me? Otherwise, you’ll find yourself on your deathbed feeling like you never lived a life that was truly yours.ฉันกำลังมุ่งความสนใจไปที่ชีวิตของฉันกับสิ่งที่สำคัญสำหรับฉันหรือไม่? มิฉะนั้นคุณจะพบว่าตัวเองอยู่บนเตียงมรณะรู้สึกเหมือนคุณไม่เคยมีชีวิตที่เป็นของคุณอย่างแท้จริง
บทที่ 4 ความลับข้อที่สอง : Leave no regrets อย่าปล่อยให้เสียดาย (เสี่ยงมากขึ้น)
คุณเคยได้ยินมาก่อนว่าเราไม่กลัวความตายเท่ากับกลัวชีวิตที่ไม่มีชีวิต การจะใช้ชีวิตโดยไม่เสียใจ คุณต้องมีความกล้าหาญ ยอมรับว่าจะต้องมีทั้งความผิดหวังและความล้มเหลว แต่ยังไงก็ต้องกล้าหาญและกล้าหาญต่อไป กล้าเสี่ยง. แม้ว่าจะเป็นเรื่องจริง เราไม่สามารถรู้ได้ว่าสิ่งต่างๆ จะเป็นอย่างไร แต่สิ่งสำคัญคือต้องก้าวไปสู่สิ่งที่คุณต้องการ แทนที่จะอยู่ห่างจากสิ่งที่คุณกลัว อย่ามาที่เตียงมรณะของคุณที่เต็มไปด้วย “ฉันหวังว่าฉันจะมี”
take more risks. ให้เสี่ยงมากกว่าเดิม
“What you wish is not that you took more physical risks but more risks of the heart and the risk to truly reach out for what you want in your life.”
ไม่ได้หมายความว่าคุณอยากจะเสี่ยงทางกายมากกว่าเดิม แต่หมายถึงการเสี่ยงทางใจ เสี่ยงไขว่คว้าสิ่งที่คุณต้องการในชีวิตให้ถึงที่สุด
การยอมเสี่ยงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ชีวิตเติมเต็มมากขึ้น“มันขยายชีวิตฉันออกไป ทุกวันนี้ฉันรู้แล้วว่าถ้าไม่ยอมเสี่ยง ฉันก็ไม่มีโอกาสเปิดรับโลกใบใหม่ที่รอคอยชีวิตฉันอยู่” เธอยังเขียนหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับภาวะผู้นำในวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ซึ่งคงไม่มีทางเขียนได้หากยังอยู่ในความปลอดภัยของโลกเดิม
How do we take more risks in the direction of what we want? How can we live so as to not regret the steps we did not take?
เราจะเสี่ยงให้มากขึ้นอย่างไรในขณะมุ่งไปยังสิ่งที่เราต้องการ เราจะดำเนินชีวิตอย่างไรจึงจะไม่เสียดายย่างก้าวที่เราไม่ได้เลือก
ถ้ามีอะไรต้องพูด ก็จงพูดออกไปเร็วๆ แม้คุณจะรู้สึกว่ายังไม่พร้อมก็ตาม
regrets are best let go เลิกเสียใจแก่อดีตเป็นดีที่สุด
เราต้องไม่หมกมุ่นกับความเสียใจในอดีตหรืออย่ารุนแรงกับตนเองจนเกินไป
บทที่ 5 ความลับข้อที่สาม : Become love ใช้ชีวิตด้วยความรัก (รักมากขึ้น)
Love is life. And if you miss love, you miss life.
Leo Buscaglia
ความรักคือชีวิต หากไร้รักก็ไร้ชีวิต
If you want others to be happy, practice compassion. If you want to be happy, practice compassion.
The Dalai Lama
ถ้าอยากให้ผู้อื่นมีความสุข เธอจงใช้ความกรุณา
ถ้าอยากให้ตัวเองมีความสุข เธอก็จงใช้ความกรุณา
ความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ลึกซึ้งทำให้เรามีความสุข จงแสดงความรักและห่วงใย ใจดี. ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์รักเป็นอันดับแรก เราแทบไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของเราได้ แต่คิดว่าความรักไม่ใช่เป็นความรู้สึก แต่เป็นการกระทำ จงเป็นคนมีความรัก. เลือกที่จะรัก. บั้นปลายชีวิตเราอยากรู้ว่าเรารักและถูกรักอย่างดี
บทที่ 6 ความลับข้อที่สี่ : Live in the moment อยู่กับปัจจุบัน (สุขให้มากขึ้น)
“ทุกอย่างผ่านไปเร็วมาก” นี่เป็นหนึ่งในการละเว้นที่พบบ่อยที่สุดจากผู้อาวุโสของ Izzo คำแนะนำของพวกเขา? อย่าปล่อยให้วันผ่านไปโดยไร้ค่า ลิ้มรสช่วงเวลาของคุณ มีความกตัญญู ทำทุกอย่างด้วยใจ เพราะถ้าคุณไม่ระวัง คุณจะพบว่าตัวเองผ่านสิ่งต่างๆ ไปตลอดทางเพื่อทำสิ่งอื่น โดยไม่เคยอยู่เพื่อสิ่งใดเลยจริงๆ (สิ่งนี้ทำให้ฉันนึกถึงคำพูดของ Stephen King ใน Insomnia: "แต่ละสิ่งที่ฉันทำ ฉันรีบเร่งเพื่อที่จะได้ทำอย่างอื่น") ช้าลงหน่อย. กลิ่นกุหลาบ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณปรากฏตัวขึ้นเพื่อชีวิตของคุณ
บทที่ 7 ความลับข้อที่ห้า : Give more than you take ให้มากกว่ารับ (ให้คืนมากขึ้น)
คนที่มีความสุขคือผู้ให้ ไม่ใช่ผู้รับ ความเชื่อที่ว่าเราทำให้โลกน่าอยู่ยิ่งขึ้น การที่เราทิ้งบางสิ่งเชิงบวกไว้เบื้องหลัง การที่เรากำลังมีส่วนร่วมในบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเรา ถือเป็นรากฐานสำคัญของมรดก
ในการเข้าถึงความเป็นอมตะเล็กๆ น้อยๆ นี้ เราจะเห็นว่าชีวิตของเราสร้างระลอกคลื่น รอยประทับแห่งการดำรงชีวิตของเราคงอยู่นานกว่าเรา (การป้องกันที่มีประสิทธิภาพมากต่อความวิตกกังวลต่อความตายและเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับความหมาย) ดังนั้น แม้ว่าความลับข้อแรกคือการค้นหาตัวเอง แต่ความลับสุดท้ายคือการสูญเสียตัวเองเพื่อรับใช้ผู้อื่น ความลับสุดท้ายนี้ทำให้ชีวิตของเรารู้สึกคุ้มค่าและเชื่อมโยงเรากับอนาคตที่อยู่เหนือความตายของเรา
สิ่งที่ฉันค้นพบคือเมื่อเราใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาด เราไม่กลัวความตาย หากเราดำเนินชีวิตตามเคล็ดลับห้าประการที่พบในหนังสือเล่มนี้ เราจะไม่กลัวตาย ก็ต่อเมื่อเราไม่ได้ดำเนินชีวิตอย่างชาญฉลาดเท่านั้น เมื่อเราไม่ได้ดำเนินชีวิตตามความลับ เราก็จะไม่มีอะไรต้องกลัว”
บทที่ 8 เมื่อคุณรู้ว่าต้องไป (นำความลับไปปฏิบัติจริง)
“จงระวังความคิดของคุณ เพราะความคิดจะกลายเป็นคำพูด จงระวังคำพูดของคุณ เพราะคำพูดจะกลายเป็นการกระทำ จงระวังการกระทำของคุณ เพราะการกระทำจะกลายเป็นนิสัย จงระวังนิสัยของคุณเพราะนิสัยจะกลายเป็นคุณลักษณะประจำตัว และคุณลักษณะประจำตัวจะกลายเป็นชะตากรรมของชีวิตในที่สุด”
บทที่ 9 เตรียมตัวตายให้ดี : คนมีความสุขไม่กลัวตาย
Even death is not to be feared by those who live wisely.
Buddha
ผู้ที่เจริญชีวิตอยู่ด้วยปัญญาย่อมไม่กลัวกระทั่งความตาย - พระพุทธเจ้า
บทที่ 10 บทเรียนสุดท้าย : ไม่สายเกินไปที่จะดำเนินชีวิตตามความลับ
What we must discover about life before we die? สิ่งที่เราต้องค้นพบเกี่ยวกับชีวิตก่อนตาย?
 What brought you the greatest happiness? -อะไรทําให้คุณมีความสุขมากที่สุด?
 What gave life meaning? -อะไรทําให้ชีวิตมีความหมาย?
 What are your regrets? อะไรคือความเสียใจของคุณ?
 What matters and what turned out not to matter? อะไรสําคัญและอะไรกลับกลายเป็นว่าไม่สําคัญ?
 What were the major crossroads? อะไรคือทางแยกที่สําคัญ?
 What do you wish you had learned sooner? -สิ่งที่คุณหวังว่าคุณจะได้เรียนรู้เร็วกว่านี้?
 What do you feel about dying? คุณรู้สึกอย่างไรกับการตาย?
 What do those who are nearer to the end of their lives have to teach us about living life? -คนที่อยู่ใกล้บั้นปลายชีวิตต้องสอนอะไรเราเกี่ยวกับการใช้ชีวิต?
we have a limited and undefined amount of time เรามีเวลาจำกัดซึ่งยังระบุจำนวนไม่ได้
that limited and undefined amount of time we have an almost unlimited number of choices of how to use our time—the things we choose to focus on and put our energy into—and these choices will ultimately define our lives. When we are born there is no owner’s manual provided, and the clock begins ticking the moment we arrive.
ในเวลาอันจำกัดและไม่แน่นอนนั้น เรามีทางเลือกเกือบไม่จำกัดในการใช้เวลาของเรา เราจะเลือกสนใจอะไรและทุ่มเทพลังให้แก่เรื่องไหน
ในที่สุดทางเลือกเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดชีวิตเรา เราไม่ได้เกิดมาพร้อมคู่มือชีวิตจัดเตรียมไว้ให้ ทว่านาฬิกาก็เริ่มเดินทันทีที่เราลืมตาดูโลก
บทเรียนที่หนึ่ง : ซื่อสัตย์กับตนเองต้องใช้ความกล้า หลายคนที่เรารู้ว่าเราอยากเป็นอะไร อยากทำอะไร หรือใช้ชีวิตแบบไหน แต่เรากลับเลือกในสิ่งตรงกันข้ามเพราะความกลัว กลัวใครบางคนผิดหวัง กลัวการไม่ยอมรับ กลัวความรับผิดชอบ หลายความกลัวเกิดขึ้นในตัวเราจนทำให้เราต้องเลือกชีวิตในแบบที่ต่างออกไป เพราะอย่างน้อยเมื่อเกิดความผิดพลาดจะเป็นอะไรสักอย่างที่ต้องรับผิดชอบต่อความผิดนั้น แต่ไม่ใช่ฉัน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลายคนรวมถึงเราด้วย
ดังนั้นจงซื่อสัตย์กับตัวเอง แม้จะต้องใช้ความกล้าเพื่อลบความกลัวมากแค่ไหนก็ตาม อย่างน้อยวันหนึ่งเราจะไม่ต้องเสียใจหากเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้นกับเรา
จงซื่อสัตย์กับตัวเอง
แม้จะต้องใช้ความกล้าเพื่อลบความกลัวมากแค่ไหนก็ตาม
บทเรียนที่สอง : ถ้ารู้แบบนี้ฉันจะ... คำคำนี้เป็นคำที่จะติดค้างเราไปจนวันตาย ดังนั้น ถ้าเราไม่อยากจะเสียดายอะไรในชีวิตอีก จากข้อนี้สิ่งที่เราทำคือ เขียนสิบอย่างที่อยากทำในปีนี้ให้จบในกระดาษ และหาเวลาว่างหรือเวลาอะไรก็ตามที่เรามักจะใช้ทำอย่างอื่นเจียดมาเพื่อทำสิ่งเหล่านั้น
โดยลบคำว่าความกลัวออก แม้มันจะเสี่ยงเพิ่มขึ้นมาหน่อย จริงๆ การเดินหนีจากสิ่งที่เราต้องการ อาจจะทำให้เกิดเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิต หรืออาจจะเกิดความเลวร้ายขึ้นก็ได้ ไม่มีใครรู้แต่ที่รู้อย่างหนึ่งคือ เราจะเสียดายเสมอเมื่อนึกถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นแต่ในใจลึกๆ ก็รู้ดีว่ามันจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีก
แต่อีกทางที่ดีเช่นกันคือ เลิกยึดติดกับอดีตปล่อยวางมันลงเสีย เพราะต่อให้เรารู้สึกเสียดายและเสียใจมากแค่ไหน เราก็ไม่สามารถกลับไปเปลี่ยนมันได้อีกแล้ว
เราจะเสียดายเสมอเมื่อนึกถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น
แต่ในใจลึกๆ ก็รู้ดีว่ามันจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีก
Top 5 Regrets of the Dying
1. I wish I'd had the courage to live a life true to myself, not the life others expected of me. ฉันหวังว่าฉันจะมีความกล้าที่จะใช้ชีวิตที่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่ชีวิตที่คนอื่นคาดหวังจากฉัน
2. I wish I didn't work so hard. ฉันหวังว่าฉันจะไม่ทํางานหนักมากเกินไป
3. I wish I'd had the courage to express my feelings. ฉันหวังว่าฉันจะมีความกล้าที่จะแสดงความรู้สึกของฉัน
4. I wish I had stayed in touch with my friends. ฉันหวังว่าจะได้ติดต่อกับเพื่อนๆ ของฉัน
5. I wish I had let myself be happier ฉันหวังว่าฉันจะปล่อยให้ตัวเองมีความสุขมากขึ้น
บทเรียนที่สาม : ใช้ความรักนำทางชีวิตให้มากขึ้น และทำร้ายผู้อื่นให้น้อยลง ไม่ว่าจะเป็นกายวาจาใจ หรือแม้กระทั่งความคิด ข้อนี้ฟังดูเหมือนสำหรับคนโลกสวย แต่จริงๆ ถ้าเรามองดีๆ โลกก็อาจจะไม่ได้แย่เหมือนที่เราคิด เพราะคนที่มองโลกสวย เขาก็มีด้านที่ไม่ดีทางความคิดเช่นกัน เพียงแต่เราเลือกที่จะให้ความสำคัญกับสิ่งไหนมากกว่า ด้านไหนที่แสดงพลังออกไปแล้วให้คุณค่าต่อบุคคลรอบตัวมากกว่า
ความรักน่าจะเป็นเพียงสิ่งที่เดียวที่เราคิดถึงได้ในตอนที่ตายเพราะคงมีน้อยคนนักที่จะนึกถึงบุคคลที่เราเกลียดในตอนที่เรากำลังประสบภาวะทุกข์ร้อน และมันคงแย่มากๆ ที่ไม่มีคนที่เรารักให้คิดถึงเลยในเวลานั้น หรือเมื่อเราคิดถึงคนที่ไม่ชอบแต่กลายเป็นว่าเพิ่งสำนึกได้ว่าแท้จริงแล้วเขาก็มีบางเรื่องดีๆ ที่ให้เราคิดถึง
แต่กลับเพิ่งนึกขึ้นได้ ดังนั้นคิดถึงทุกคนที่เข้ามาปฏิสัมพันธ์กับเราในแง่งามที่เขามีในตอนนี้ อย่างน้อยเรายังพูดคุยและหัวเราะกับเขาได้ ดีกว่าตอนที่ต้องนอนติดเตียงแล้วมานั่งคิดถึงความหลังที่ดีของพวกเขา
และที่สำคัญคือ อย่าลืมใช้เวลากับคนที่คุณรักให้มากขึ้น เมื่อเวลานั้นมาถึงคุณไม่มีทางรู้เลยว่า เขาหรือคุณ ใครจะไปก่อนกัน ที่รู้แน่ๆ คือ ณ ตอนนี้คุณยังมีเวลาเหลืออยู่รีบทำเสีย
คิดถึงทุกคนที่เข้ามาปฏิสัมพันธ์กับเราในแง่งามที่เขามี
บทเรียนที่สี่ : “เรากำลังใช้ชีวิตแทนที่จะเพียงวางแผนชีวิต” มันคือคำที่ก้องอยู่ในหัวมากๆ หลายครั้งที่เราถามตัวเองว่า “จริงๆ แล้วในหนึ่งวันเราอยู่กับตัวเองในปัจจุบันได้กี่ชั่วโมง กี่นาทีกันแน่” หลายครั้งที่เราคิดถึงอนาคตมากเกินไปเพราะความกลัว และหลายครั้งเราก็เสียใจกับอดีตมากเกินไปเพราะความเสียดาย
แต่ถ้าทุกคนสังเกตดูดีๆ ว่าทุกครั้งที่เรากลับมาอยู่กับปัจจุบันเราจะไม่รู้สึกอะไรเลยยกเว้นคำว่า “รับอะไรดีคะ”ที่เราถามลูกค้า และ “ข้าวผัดกุ้ง” ที่ลูกค้าสั่งเรา อันนี้เป็นเรื่องจริงที่เราลองทำดูและมันสนุกมากๆ เราจะเห็นอะไรหลายๆ ตรงหน้าเป็นเรื่องสนุก และเชื่อเถอะว่าเราไม่สารถเปลี่ยนกรรมที่เราทำแล้วในอดีตได้ แต่เราเลือกที่จะสร้างกรรมที่จะเกิดขึ้นตอนนี้ให้ดีได้ เพื่อที่ในอนาคต เราจะได้มีเรื่องที่ยิ้มได้เหมือนตอนนี้
ถ้าตอนนี้เรายิ้มได้
อนาคตที่เราจะนึกถึงวันพรุ่งนี้ก็จะเป็นเรื่องที่ยิ้มได้เช่นกัน
บทเรียนที่ห้า : ทุกครั้งที่เราได้รับอะไรจากใครเราจะยิ้มได้และขอบคุณเสมอ เราจะบอกกับตัวเองว่าวันนี้ฉันได้รับ วันถัดไปฉันจะให้ แต่ถ้าเรามาคิดดูดีๆ ทุกครั้งที่เราเป็นผู้รับเราก็สามารถเป็นผู้ให้ได้เช่นกันนั่นคือการให้คำขอบคุณ เราทุกคนล้วนเป็นห่วงโซ่ซึ่งกันและกัน และนั่นทำให้เราทุกคนเชื่อมต่อถึงกัน ตอนที่ยังไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้จบเราเข้าใจเรื่องนี้แต่ยังมองไม่เห็นภาพโดยรวม
การที่เราได้อ่านจบมันทำให้เรารู้สึกขอบคุณที่ทำให้เราเห็นภาพเหล่านั้นชัดเจนมากขึ้น การให้ไม่เพียงแต่เชื่อมโยงเรากับคนอื่นๆ บนโลก แต่ยังทำให้อัตตาของเราที่เพิ่มขึ้นลดลงได้อีกด้วย และเมื่อนั้นความเชื่อมโยงถึงผู้อื่นจะง่ายขึ้น อย่างน้อย คุณก็กล้าจะขอบคุณคนที่กำลังกวาดถนนอยู่ถึงแม้คุณจะมีเงินเดือนเกินครึ่งแสน และเชื่อเราเถอะว่าโมเม้นนั้นคุณจะรู้สึกดีกับตัวเองอย่างบอกไม่ถูก
ทุกครั้งที่เราได้รับอะไรจากใครเราจะยิ้มได้และขอบคุณเสมอ
สุดท้ายแล้วในวันที่คุณจากโลกนี้ คุณจะเห็นได้ว่าการเป็นผู้ให้มันง่ายกว่าที่คุณคิด อย่างน้อยวันที่คุณจากไปคุณได้ให้ความรู้สึกหลายๆ อย่าง แก่คนหลายๆ คน ในวันนั้นเหมือนที่ฉันกำลังเจอและบทความอยู่ในวันนี้
หนังสือเล่มนี้ได้ทำให้บทความนี้เกิดขึ้นอีกด้วย เพื่อที่จะส่งต่อข้อความที่มีคุณค่าที่เราได้รับพลังบางอย่างมาจากหนังสือเล่มนี้ ที่เราอยากบอกคือ อยากให้ทุกคนลองอ่านหนังสือเล่มนี้และส่งต่อพลังงานที่ดีบางอย่างสู่คนรอบๆ ตัวคุณเช่นกัน
ถ้าคุณมีเวลาเหลือเพียง 6 เดือนที่จะมีชีวิตอยู่ หรือ 6 เดือนพอดี ห้าสิ่งที่คุณรู้สึกว่าต้องทำ/ทำให้สำเร็จก่อนวาระสุดท้ายคืออะไร เอาเลยเขียนมันลงไป ตอนนี้ถามตัวเองว่า: ถ้าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งสำคัญที่สุดที่ฉันต้องทำ มันสำคัญพอที่จะทำตอนนี้หรือไม่?
ไม่ว่าเวลาจะเหลือเท่าไร สิ่งเหล่านี้ควรเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกของคุณ
ตัดแปะโดย เฉลิมชัย เอื้อวิริยะวิทย์
โฆษณา