นอกจากนี้ ข้อดีที่ทำให้น้ำมัน SAF น่าสนใจก็คือ มันช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้มากถึง 80% เมื่อเทียบกับน้ำมันเครื่องบินที่ใช้อยู่เดิม
3
ที่สำคัญยังเป็นการหมุนเวียนทรัพยากร อย่างน้ำมันทอดอาหารใช้แล้ว ให้กลับมาใช้ใหม่ได้อย่างคุ้มค่า และยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ทำให้ที่ผ่านมา จึงมีบริษัทและสายการบินต่าง ๆ เริ่มนำน้ำมัน SAF มาใช้
2
เช่น Airbus หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของโลก ที่ในปี 2019 ได้ทำการทดสอบนำน้ำมัน SAF แบบผสมเข้ากับน้ำมันเครื่องบินแบบเดิม มาใช้ในฝูงบิน BELUGA สำหรับการขนส่งสินค้า
อีกทั้งในปี 2021 Airbus ก็ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการพัฒนาน้ำมัน SAF แบบ 100% ผลิตจากน้ำมันทอดอาหารใช้แล้ว โดยไม่ผสมเข้ากับน้ำมันเชื้อเพลิงใด ๆ เพื่อนำมาทดสอบใช้กับเครื่องบินพาณิชย์โดยสาร รุ่น A380 สำหรับเป้าหมายการเป็นเครื่องบิน ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ลำแรกของโลก ภายในปี 2035
4
นอกจากนี้ เมื่อต้นปี 2023 ที่ผ่านมา สายการบินระดับโลกอย่าง Emirates ก็ประสบความสำเร็จ ในการทดสอบใช้น้ำมัน SAF ที่มาจากน้ำมันทอดอาหารใช้แล้ว แบบ 100% เช่นกัน กับเครื่องบิน Boeing 777-300ER ซึ่งเป็นการทดลองบินจริง นานกว่า 1 ชั่วโมง
2
ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่น ก็ได้มีการจัดตั้งองค์กร Act For Sky ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างสายการบิน Japan Airlines และ All Nippon Airways โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทาน การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง SAF เพื่อรองรับตลาดนี้ในอนาคต