7 พ.ค. เวลา 04:12 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

รีวิวหนังดี น่าดู Instant Family / รีวิวโดย เจน อาลิษา (Jane Arlissa)

สวัสดีค่ะ กลับมาพบกันอีกครั้ง วันหยุดที่ผ่านมา เจอบังเอิญดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่งทาง Netflix ชื่อเรื่อง Instant Family ครอบครัวปุ๊บปั๊บ นำแสดงโดยมาร์ก วาห์ลเบิร์ก
เจนชอบนักแสดงชายท่านนี้ ปกติแสดงหนังแอคชั่น ขาลุย แต่งันนี้มาในมาดคุณพ่อ และสามีที่น่ารัก ทำให้เจนรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้น่าติดตาม
หนังค่อนข้างเก่าที่เดียว แต่เนื้อหาไม่เก่าเลยค่ะ
เรื่องต้นเรื่องจากชีวิตสองสามีภรรยาคู่หนึ่ง ที่รู้สึกว่าชีวิตมัน "ขาด" อะไรซักอย่าง พวกเขาไม่มีลูก มักจะออกไปเดต ไปทำอะไรตามความฝันกันสองคนในช่วงสุดสัปดาห์
ในวันที่ชีวิตลงตัวทุกอย่าง แต่ขาดอะไรบางอย่าง พวกเขาตัดสินใจจะรับลูกบุญธรรม
แต่การรับลูกบุญธรรมไม่ง่ายขนาดนั้น จะต้องไปอบรมทำความเข้าใจรับมือกับเด็กในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่นสถานการณ์ที่บาดเจ็บ เจ็บป่วย หรือมีภาวะอารมณ์
ในยามที่ความเหงามาในรูปของความรัก แน่นอนอะไรมันก็ง่าย แค่อดทน เพราะคิดว่าเด็กคนหนึ่งเขาจะน่ารักและเชื่อฟัง คนเป็นพ่อเป็นแม่มัก "เอาอยู๋" ทุกสถานการณ์ เป็นพ่อแม่คน มันจะขนาดไหนกันเชียว!
คู่สามีภรรยา พีท - แอลลี่ พากันไปคลับ (ห้องประชุมเล็ก ๆ) เพื่อพบคนที่อยากจะเป็นพ่อแม่คนอื่น
ในนั้นมีทั้งคู่สามีภรรยาที่มีสถานะเพศสภาพ ชายชาย ชายหญิง ค่อนข้างหลากหลาย
แม้ยังมีการบูลลี่ในบทสนทนา แต่มักจบลงด้วยรอยยิ้ม หมายความว่า ไม่ว่าพ่อแม่บุญธรรมจะเจอ "สถานการณ์" รับมือกับลูกบุญธรรมสภาพไหน ยังมีเพื่อน ๆ ตรงนี้เป็นกำลังใจให้เสมอ
ในอเมริกาจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำ ช่วยได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่อย่างน้อยก็มีทฤษฎีรองรับระดับหนึ่ง เช่น การควบคุมสภาวะอารมณ์ของเด็กยามก้าวร้าว เป็นต้น
พีท-แอลลี่ ได้พบกับเด็กหญิงคนหนึ่ง ตอนที่พวกเขากำลังพูดเถียงกันตามปกติ แล้วเด็กหญิงลินซี่ ในวัยที่เริ่มเข้าวันรุ่นแล้ว เด็กหญิงเดินเข้ามาพร้อมบอกกับพีทและแอลลี่ว่า
"เราได้ยินพวกคุณพูดถึงเราทุกอย่าง แตกเนื้อสาวยาเสพติด เป็นแค่วัยรุ่น บลา ๆ แต่เราไม่ได้เป็นแบบนั้น"
ด้วยความที่เท่าทันผู้ใหญ่ ทำให้พีทและแอลลี่ค่อนข้างชอบเด็กหญิงคนนี้ทีเดียว จึงเลือกที่จะจับคู่ชิปกับแอลลี่
แต่ลินซี่เป็นเด็กผิวสี มีครอบครัวมาด้วย น้องชายค่อนข้างคิดทำอะไรช้าหนึ่งคน (ฮวน) และน้องสาวตัวเล็กอารมณ์ร้ายหนึ่งคน (ลิต้า) พวกเขาคุ้นเคยกับภาษาสเปน มากกว่าภาษาอังกฤษ
พีทและเอลลี่รับเลี้ยงทั้งสามคน แม้ว่าพวกเขาจะสนใจแค่ลินซี่เพียงคนเดียวในตอนแรกก็ตาม
หลังจากนั้นมา พีทและเอลลี่ก็ได้รู้ว่านรกมีจริง และพวกเขาไม่น่าทำพลาดรับเลี้ยงเด็กทั้งสามเลย
เริ่มจากลินซี่ วัยรุ่นหัวแข็ง สารพัดปัญหาของเธอ ก้าวร้าว ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ซ้ำยังดูถูกและต่อต้านพีทและเอลลี่ตลอดเวลา เรียกแม่บุญธรรมว่า นังกะหรี่ อย่างนี้ ของขวัญที่แม่บุญธรรมซื้อให้ (หวี) ก็เอาลงส้วม
ลิต้า สาวน้อยผู้กรี๊ดและเอาแต่ใจ เธอพร้อมจะอาละวาด และทำทุกอย่างเพื่อมันฝรั่งข้าวของจานชามแตก โต๊ะอาหารเละเทะ
ฮวน ทำอะไรไม่ได้เรื่องได้ราว และมักจะทำตัวเองให้บาดเจ็บเสมอซึ่งทำให้พีทและเอลลี่ถูกประเมินว่าดูแลเด็กไม่ได้
สุดท้ายเมื่อพ่อแม่บุญธรรมเอาสถานการณ์ไม่อยู่คุณย่า ก็เดินเข้ามา และพูดคุยกับพีทและเอลลี่ว่า พวกเด็ก ๆ แค่ไม่มั่นใจว่าจะได้รับความรัก
พวกเด็ก ๆ ไม่ได้อยากเป็นลูกที่ถูกรักมาก พวกเขาแค่ไม่มั่นใจว่าจะได้รับความรักที่แท้จริง ๆ
ลินซี่มีปัญหาเพราะเกิดไปถูกใจ ชอบหนุ่มแบดบอย ภารโรงของโรงเรียน และพวกเขาแลกแชทกัน ผลักกันถ่ายรูปของตนเอง เพื่อเพศสัมพันธ์ทางไกล
เอลลี่และพีทจับได้ และตามไปอาละวาดที่โรงเรียน ปัญหาของลินซี่ได้รับการแก้ไข แต่นั่นทำให้เอลลี่กับพีทถูกจับกุมโดยตำรวจ แน่นอนว่าเรื่องของลินซี่ถูกแก้ปัญหาแล้ว แต่เอลลี่และพีทก็มีประวัติถูกดำเนินคดี ทำให้โอกาสรับเลี้ยงลูกบุญธรรมลดลงอีก
สุดท้ายลินซี่เลือกที่จะติดต่อแม่ผู้ให้กำเนิด ตามสิทธิที่มี และขอให้รับพวกเธอกลับบ้าน
แม่ของเด็กทั้งสามเป็นสตรีผิวสีที่พึ่งพ้นโทษออกมาจากคุก เธอกำลังบำบัดยาเสพติด และเริ่มชีวิตใหม่
ลินซี่กรอกเอกสารเอง ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้กลับไปหาแม่ที่แท้จริง ทั้งเขียนจดหมายไปให้ศาล เล่าความจริงข้างเดียวอย่างร้ายกาจว่า พีทและเอลลี่ไปอาละวาดที่โรงเรียน ทิ้งลิต้ากับฮวนไว้ในรถตามลำพัง และแน่นอนในจดหมายไม่ได้บอกว่า พ่อแม่บุญธรรมทำทั้งหมดไปเพื่อจัดการปัญหาผู้ชายแบดบอยของลินซี่ เพื่อปกป้องลินซี่
จดหมายของลินซี่ส่งให้ศาล เล่าแต่ด้านแย่ ๆ ของเอลลี่และพีท เรื่องดีนั้นไม่มีเลย
เอลลี่และพีทอดทนมาก อยากส่งเด็ก ๆ กลับสู่วังวนเดิม แต่ไม่เคยทำเลยสักครั้ง พวกเขาแค่พยายามจะเป็นพ่อแม่บุญธรรมที่ดี แม้ว่าความรักถูกเหยียบย่ำครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตาม คนจะครอง "สถานะ" เป็นพ่อเป็นแม่คน ก็ต้องอดทน "รัก" เด็กที่เดินเข้ามาด้วยหัวใจจริง ๆ รักทั้งด้านดีและด้านเสียของเด็ก ๆ เสมือนว่า "ไม่ว่ายังไงก็คือลูก"
ในการตกลงการเลี้ยงดู น่าสงสารพีทกับเอลลี่มาก พวกเขาแค่อยากให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดกับเด็ก ๆ พงกเขามีความพร้อม แต่ต้องปรับตัว อุตส่าห์เลยจุดที่จะโยนหน้าที่ทิ้ง และเริ่มมีความรักความผูกพันเกิดขึ้นในบ้านแล้ว แต่ทุกครั้งที่คาร์ล่าแม่ของเด็กมาเยี่ยมลูก มันเหมือนว่าพีทและเอลลี่ไปพรากเด็ก ๆ มาจากครอบครัวที่แท้จริง ซ้ำคาร์ล่ายังเคยพูดเหมือนว่า ขอบคุณที่ เอลลี่ช่วยดูแลลูกของเธอในเวลาระยะสั้นที่ผ่านมา คล้ายว่าไม่ชอบเอลลี่กับพีท แต่น้ำท่วมปาก
ในชั้นศาล พีทกับเอลลี่เสียสิทธิการเลี้ยงดู ให้กับคาร์ล่าแม่ที่แม่จริงของเด็ก ๆ ด้วยเหตุผลของศาล ก็คือ ศาลมีหน้าที่ปกป้องสถานบันครอบครัว หมายความว่า หากครอบครัวยังเป็นครอบครัว ย่อมเป็นสิทธิของแม่ผู้ให้กำเนินที่มาก่อน และพ่อแม่บุญธรรมมาทีหลัง
เมื่อเสียสิทธิในชั้นศาล เอลลี่พยายามจะอ่านจดหมายฉบับใหม่ที่เธอเขียนขึ้น เพราะคุณย่าท้วงว่า "อยากให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่เด็ก ๆ " มันดูฟังแล้วยี๊
เอลลี่จึงเขียนใหม่ ว่า "ลินซี่เคยถามว่า เอลลี่และพีทรับเด็ก ๆ มาเลี้ยงทำไม ตอนแรกตอบคำถามนี้ไม่ได้ แต่ตอนนี้รู้สึกตัวแล้ว ว่าพวกเขาขาดอะไรบางอย่าง และลินซี ฮวน ลิต้า คือคนที่จะมาเติมเต็มเท่านั้น"
เอลลี่ไม่ได้รับการอนุญาตให้อ่าน เพราะดูเหมือนแก้ตัว
สุดท้ายพวกเขาและเด็ก ๆ สิ้นสุดความเป็นครอบครัว ส่งเด็กทั้งสามคืนให้กับคาร์ล่า แม่ที่แท้จริง
ในชั้นศาล คาร์ล่าลังเลที่จะตบปากรับคำว่าจะดูแลเด็ก ๆ หันมามองลินซี่ที่แววตาเป็นประกายของความคาดหวัง
เมื่อคาร์ล่า ยืนยันแล้วว่าจะทวงคืนสิทธิการเลี้ยงดู ศาลก็อนุญาต
เช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาบอกกับลินซี่ว่า แม่คาร์ล่าไม่รับโทรศัพท์ ไม่ยอมมาตามนัด
คาร์ล่า กลับไปใช้ยาเสพติด และเด็ก ๆ คงต้องอยู่กับเอลลี่และพีทต่อไป
ลินซี่เสียใจมาก เธอทำทุกอย่างเพื่อช่วยให้กระบวนการทางศาลลุล่วง แต่คาร์ล่ากลับบอกว่า เอกสารเหล่านั้น ไม่ได้เขียนเอง (ไม่ได้อยากรับเด็ก ๆ กลับมา ลินซี่แอบทำทั้งหมด)
ลินซี่กล่าวว่า เธอแค่ช่วยทำเอกสาร เพราะนึกว่าแม่อยากกลับมาอยู่กับเธอและน้อง ๆ
เมื่อแม่ผู้ให้กำเนิดบ่ายหนี ลินซี่จึงเคว้ง หนีจากความจริงไปหลบในมุมต้นไม้เล็ก ๆ
พีทกับเอลลี่ตามไป พวกเขาพูดว่า "เราอาจไม่ได้เป็นพ่อแม่ที่แท้จริง แต่เรารักเธอ เรารู้ว่าเธอชอบกินอะไร และไม่ชอบอะไร"
ลินซี่ที่ติดอยู่ในใจมาโดยตลอดว่าพีทและเอลลี่ ยังไงไม่ใช่พ่อแม่ พวกเขาเป็นแค่คนผิวขาวที่อยากได้ลูกผิวสี เพื่อให้ตัวเองดูดี
ลินซี่เปิดใจมากขึ้น พร้อมทั้งยอมรับความจริงได้ ว่าแม่ผู้ให้กำเนิด ไม่ได้อยากเลี้ยงดูพวกเธอ
รวมทั้งลินซี่ยังเห็นว่า ฮวนกับลิต้า รักครอบครัวใหม่มากกว่า
ลินซี่ขอให้ เอลลี่และพืท รับเลี้ยงน้อง ๆ ส่วนลินซี่จะหาทางไปของเธอ เธอยังขอโทษเรื่องจดหมายในศาลอีกด้วย เธอผิดที่เล่าความจริงข้างเดียว ทำให้พีทและเอลลี่ดูแย่ในสายตาคนอื่น
พีทและเอลลี่ให้ลินซี่อ่านจดหมาย ข้อความที่เอลลี่ไม่ได้พูดในชั้นศาล "พวกเรารู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรบางอย่าง และต้องเป็นลินซี่ ฮวน และลิต้า ที่เข้ามาเติมเต็มเท่านั้น"
หนังจบลงด้วยการฉลองความเป็นครอบครัวใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น เด็ก ๆ เลิกต่อต้านพ่อแม่บุญธรรม ลิต้ายามออดอ้อนน่ารักมาก ฮวนก็รักและเรียกพีทว่าพ่อ ลินซี่กลับมาแต่งตัวดูเรียบร้อย เพราะพีทและเอลลี่พูดไว้ว่า พวกเขาจะอยู่กับลินซี่จนถึงวันแต่งงาน และต้องเป็นผู้ชายที่ดีพอสำหรับลินซี่
เอลลี่เปลี่ยนสไตล์การแต่งตัว จากที่ดูป้า (ลินซี่เคยว่า) กลายเป็นคุณแม่คนสวย
พีทหัดพูดภาษาสเปนด้วยพวกเขาใช้สองภาษาคล่องแคล่ว
วันที่ศาลให้สิทธิการเลี้ยงดูแก่พ่อแม่บุญธรรม พวกเขาแต่งตัวสวยหล่อทั้งครอบครัว เอลลี่ พีท ลินซี่ ฮวง ลิต้า
พร้อมทั้งเพื่อนร่วมคลับเฮ้าส์ที่ต่างก็มีลูกบุญธรรมเข้ามาเติมเต็มชีวิต ทุกคนล้วนเข้ามาแสดงความยินดีในชั้นศาล ในวันที่เอลลี่และพีทได้สิทธิการเลี้ยงดูโดยสมบูรณ์
ศาลกล่าวว่า ยินดีด้วยกับการเป็นสถานบันครอบครัว และลงนาม ทุกคนถ่ายรูปร่วมกันอย่างอบอุ่น
ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงบางส่วน เนื้อหาดีมาก มีหลายฉากที่ไม่ได้เล่าในรีวิว เช่น ฉากที่พีทสอนให้ลินซี่จัดการกับสภาวะอารมณ์ของตนเอง พาไปช่วยทำงานรีโนเวทบ้าน ให้รื้อบ้านเก่า จะได้ผ่อนคลายความกังวนในใจ
ฉากที่เจนไม่ชอบเลย ก็คือฉากที่เด็ก ๆ ก้าวร้าวมาก ทำกับเอลลี่และพีทเหมือนความรักของพ่อแม่บุญธรรมไม่มีวันหมดอายุ
เจนมีความคิดว่า เด็ก ๆ ที่ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมา ใช่ พงกเขามีสิทธิที่จะแสดงออกอย่างก้าวร้าว แต่ไม่ใช่เอาอดีตมาลงกับพ่อแม่บุญธรรมที่ก้าวเข้ามาทีหลัง
กับคนที่ทำดีด้วย เด็ก ๆ ไม่ควรรักษาความรู้สึกของพ่อแม่บุณธรรมหรือเหมทอนหนังเรื่องนี้สปอยเด็กเกินไป
ยิ่งผ่านขุมนรกมา ยิ่งต้องรู้สึกว่าตัวเองโชคดี ได้มาอยู่ในครอบครัวที่ดี ต้องรักษาสิ่งดี ๆ เอาไว้ โดยเฉพาะน้ำใจจากคนแปลกหน้า ไม่ต้องเล่นละครครองครัวก็ได้ แต่เมื่อได้รับความรักความหวังดีแล้ว ควรตระหนักและดูแลรักษาความรู้สึกของพีทและเอลลี่
ตรงนี้กระมังที่เห็นว่าความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมไทยกับอเมริกัน
ถ้าเป็นที่ไทย เด็กกำพร้าคนหนึ่งได้ไปอยู่ในบ้านใหม่ที่ดีมีอาหารสมบูรณ์ ได้เรียนหนังสือ เจนจะบอกกับเด็กคนนั้นว่า "จงรักษาสิ่งดี ๆ เอาไว้ ดีกับพ่อแม่บุญธรรมให้มาก ๆ เขาทำงานหาเงินมาเติมความฝันให้เธอยิ่งไม่ใช่พ่อแม่แท้ ๆ ยิ่งต้องขอบคุณพวกเขา"
แต่ในหนัง สปอยเด็กเต็มที่ ต้องเข้าใจเด็กเสมอ เด็กจะแสดงออกอย่างไร พ่อแม่บุญธรรมก็ต้องรัก
เจนคิดว่ามันดีในเรื่องของระบบ การจะรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม ด้วยความที่กระบวนการยุ่งยาก ทำให้คนที่จะรับเด็กคนหนึ่งไปดูแลต้อง "รัก" เด็กคนนี้จริง ๆ
แต่มันไม่ดีในแง่ความจริง คน ๆ หนึ่งคิดจะรับเลี้ยงชีวิตใหม่ที่ไม่ใช่สายเลือดตน จำเป็นต้องอดทนให้ลูกบุญธรรมด่าว่าอะไรก็ได้งั้นหรือ ควรมี"วิธีการ" ทำให้เด็กรู้ว่า ควรแสดงออกต่อคนที่รักและหวังอย่างไร ในไทยคือความเกรงใจที่ควรมีต่อพ่อแม่บุญธรรม
และฉากที่แม่ผู้ให้กำเนิดคิดจะมาแย่งสิทธิคืนก็แย่ง ทั้งในชั้นศาลคาร์ล่าไม่ได้ปฏิเสธว่าตนเองเลี้ยงไม่ไหว ไม่ได้ปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้เป็นคนกรอกเอกสาร ล฿กทำให้เธอหมด คาร์ล่าไม่กล้าเผชิญความจริง เพราะละอาย แต่เลือกที่จะหนีความจริงเมื่อออกจากชั้นศาล
จุดนี้เจนมองว่า คาร์ล่าที่พูดเหยียดความรักของเอลลี่ ในชีวิตประจำวันตอนมาเจอลูก คาร์ล่าเห็นแก่ตัวมาก อีกทั้งในชั้นศาล คาร์ล่าคิดแต่เรื่องของตัวเอง ตอบรับคำว่าจะดูแลเด็ก ๆ โดยไม่คิดเลยว่าที่ผ่านมาเอลลี่กับพีททำอะไรให้เด็ก ๆ ขนาดไหน ลูกก็ไม่ใช่ แต่ยังดีด้วยขนาดนี้
ในชั้นศาลคาร์ล่าไม่แม้แต่จะคิดว่าสิ่งที่เธอทำ แย่งสิทธิการเลี้ยงดูมา เธอได้รับชัยชนะบนหยดน้ำตาของเอลลี่และพีท
จบแล้วค่ะ หนังครอบครัวที่ดีมากเรื่องหนึ่ง เน้นไปที่กระบวนการการรับบุตรบุญธรรม และความอดทนของพ่อแม่บุญธรรม การสร้างสถาบันครอบครัวขึ้นใหม่ตามชื่อเรื่อง "ครอบครัวปุ๊บปั๊บ"
ใครอ่านแล้วชอบ ติดตามดูเต็มเรื่องได้ที่ Netflix ค่ะ
วันนี้เจนขอตัวลาไปก่อน พบกันโอกาสหน้าค่ะ🙏🎉🌺
โฆษณา