8 พ.ค. เวลา 00:00 • นิยาย เรื่องสั้น

ภาพสแกนสมองของชายผู้มีความสุขที่สุดในโลก

วันก่อนเล่าเรื่องพระแมทธิว (ชายผู้มีความสุขที่สุดในโลก) ค้างไว้ เล่าต่อดีกว่านะครับ ข้อเขียนชิ้นนี้ยาวมาก จึงต้องแยกหลายตอน
1
ในปี 2007 มีการร่วมมือระหว่างพระทิเบต โดยการสนับสนุนของท่านทาไลลามะ กับนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งในสหรัฐฯซึ่งสนใจเรื่องผลของการทำสมาธิ ทำการวัดคลื่นสมองพระแปดรูปกับคนอเมริกันอีกสิบคนที่ไม่เคยฝึกทำสมาธิ วัดคลื่นแกมมาในสมองด้วยเครื่อง EEG
4
คลื่นแกมมาเป็นคลื่นที่เกี่ยวกับสติสัมปชัญญะ ความจดจ่อ การเรียนรู้ และความทรงจำ
นักวิทยาศาสตร์ทางประสาทวิทยา ริชาร์ด เดวิดสัน มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน เมืองเมดิสัน รัฐวิสคอนซิน บอกว่า เราสามารถวัดค่าความสัมพันธ์ระหว่างคอร์เท็กซ์ซีกซ้ายและขวา กิจกรรมในซีกซ้ายเกี่ยวข้องกับความรู้สึกที่ดี ส่วนซีกขวาเกี่ยวข้องกับความรู้สึกลบทั้งหลายและอาการซึมเศร้า
ทีมงานติดเซ็นเซอร์ 256 ชิ้นที่กะโหลกศีรษะของแมทธิว แล้วสแกนสมองของเขาขณะที่เขากำลังทำสมาธิ พระฝรั่งผ่านการสแกนนานสามชั่วโมงต่อเนื่อง
นักวิจัยตะลึงเมื่ออ่านผล
ผลการสแกนพบว่า ขณะทำสมาธิ สมองของแมทธิวสร้างคลื่นแกมมาทะลุกราฟในระดับที่ไม่เคยพบมาก่อน
จากระดับผลที่วัดจากอาสาสมัครจำนวนหลายร้อยคน ซึ่งได้ผลตั้งแต่ +0.3 ถึง -0.3 ผลสแกนของแมทธิวคือ -0.45 หลุดไกลจากกลุ่ม
ผลสแกนสมองแมทธิวชี้ระดับกิจกรรมเข้มข้นที่เกิดขึ้นในสมองส่วน prefrontal cortex ซีกซ้าย แปลผลได้ว่า แมทธิวมีความรู้สึกด้านลบต่ำมาก เขามีศักยภาพที่จะมีความสุขมากกว่าคนปกติหลายเท่า
สรุปว่าเท่าที่เคยมีการบันทึกมา แมทธิวเป็นเจ้าของสมองของคนที่มีความสุขที่สุดในโลก
นักวิทยาศาสตร์ผู้ที่ศึกษาสมองของคนทำสมาธิบอกว่า “เราใช้เวลานานสิบสองปีค้นหาผลในระยะสั้นและยาวของการฝึกสมาธิ ที่มีต่อความจดจ่อ ความเมตตา และสมดุลของอารมณ์”
นอกจากสแกนสมองของเขา นักวิทยาศาสตร์ยังสแกนสมองของพระอีกจำนวนหนึ่ง บางรูปฝึกสมาธิมานานห้าหมื่นครั้ง บางรูปฝึกสมาธิมานานสามสิบปี
ผลคือคลื่นสมองของพระที่ฝึกสมาธิมานานทะลุกราฟเช่นกัน
การทดสอบอีกอย่างหนึ่งคือให้ทั้งพระทั้งฆราวาสฟังเสียงรบกวน เช่น เสียงระเบิด เพื่อรบกวนสมาธิและกระตุ้นความรู้สึกเชิงลบ
ผลคือพระที่ฝึกสมาธิมานานรับมือกับเสียงรบกวนได้สบาย ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนฆราวาสสอบไม่ผ่านเลย
เหตุผลเพราะพระที่ฝึกสมาธิมานาน สามารถปล่อยให้ความรู้สึกลบผ่านไป ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความโกรธหรือหงุดหงิด แต่สามารถปลดปล่อยความรู้สึกลบออกไปได้
แมทธิวเชื่อว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะการทำสมาธิ
เขาบอกว่าการทำสมาธิก็เหมือนกีฬายกน้ำหนักหรือการออกกำลังกายทางจิต ใคร ๆ ก็สามารถมีความสุขได้โดยฝึกสมอง
1
สมองของคนเรามีคุณลักษณ์แบบ Neuroplasticity (หรือ neural plasticity) มีความยืดหยุ่น เราเปลี่ยนแปลงมันได้
เขาว่าการทำสมาธิสามารถเปลี่ยนสมองและตัวตนของผู้ฝึกและใคร ๆ ก็ทำได้ โดยเรียนรู้วิธีเฝ้าดูความคิดล่องลอยไป
(ท่อนหนึ่งจากบทความ ชายผู้มีความสุขที่สุดในโลก / หิน 15 ก้อนของ สตีฟ จ๊อบส์ / วินทร์ เลียววาริณ
โฆษณา