7 พ.ค. เวลา 09:31 • ความคิดเห็น
ถนน สีลม

ญ/ช-ชาวพุทธและเกย์ชาวพุทธที่ยังตัดกิเลส,ราคจริตไม่ขาด.. บูชาเทพได้ไหม? ถ้าได้-ต้องบูชาเทพองค์ไหน?

พุทธศาสนาเป็นศาสนาอเทวนิยมหรือศาสนาที่ไม่บูชาเทพเจ้า ดังนั้นหากคุณไปบูชาเพื่อขอโชคขอพรกับเทพเจ้าในศาสนาต่างๆ(สายมู) ไม่ว่าจะเทพพราหมณ์-ฮินดู หรือเจ้าพ่อเจ้าแม่-ภูตพรายผีสางนางไม้เทพารักษ์ ก็เท่ากับว่าคุณยังไม่ใช่ชาวพุทธที่แท้จริง เพราะยังไม่ได้รับหลักธรรมไปดำรงชีวิต ถือเป็นชาวพุทธเพียงในนาม เป็นชาวพุทธเพียงครึ่งๆกลางๆที่ยังด้อยซึ่งการไตร่ตรองความจริงแห่งธรรมชาติก็เท่านั้น
แต่ในอีกนัยหนึ่ง หากเราย้อนกลับไปอ่านคัมภีร์พระไตรปิฎกจะพบว่ามีบทบันทึกเกี่ยวกับการสรรเสริญสัมมาเทวดาของพระพุทธองค์ได้ถูกจาระไว้ด้วย สัมมาเทวดาหมายถึงเทวดาที่ตั้งมั่นในศีลในธรรม พยายามขัดเกลาจิตใจตัวเองมิให้ประมาทและลุ่มหลงในกามสุขจนเถลไถลออกจากหนทางไปสู่วิมุตติสุข
เทพราคะราช ในบุคลาธิษฐานสากลร่วมสมัย
พระพุทธองค์ยังทรงยกย่องบุคคลที่ให้เกียรติสัมมาเทพยดา หรือผู้นับถือสัมมาเทวดา ว่าเป็นบุคคลที่เคารพบุคคลอันควรค่าแก่การเคารพ การเคารพในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการเคารพสักการะบนบาน-ขอพรวิงวอนโชคลาภจากปวงเทพเทวดาแต่อย่างใด หากแต่หมายถึงการเคารพนบนอบสัมมาเทวดาทั้งหลายเพื่อเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตสู่เส้นทางอันเจริญด้วยกุศลกรรมทั้งทางโลกและทางธรรมนั่นเอง
ด้วยเหตุนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า ชาวพุทธสามารถบูชาเทพได้ แต่ไม่ใช่เพื่อการบนบานศาลกล่าวขอโชคขอลาภ แต่หมายถึงการบูชาเพื่อระลึกถึงความตั้งมั่นในศีลในธรรมและพยายามขัดเกลาจิตใจของตัวเองอยู่เสมอของเหล่าสัมมาเทวดา สัมมาเทวดาที่พวกเรารู้จักกันดี สายพญานาคก็อาทิเช่น พญามุจลินท์ พญาศรีสุทโธ เป็นต้น สายเทพเจ้าก็อาทิเช่น ท้าวสักกะเทวราช ท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ พระองค์ เป็นต้น
แต่เทพเจ้าชั้นสูงในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูไม่มีปรากฏในชาดกและคัมภีร์พระไตรปิฎก องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของชาวพุทธเราได้ทรงค้นพบความจริงที่ว่าเทพเจ้าของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเป็นเพียงตำนานที่แต่งขึ้นมานานมากแล้ว ถึงกระนั้นก็มีหลายอย่างที่ศาสนาฮินดูค้นพบไว้ตรงตามที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ
เทพราคะราชที่คนญี่ปุ่นเอาไปใช้เป็นตัวเอกมังงะเรื่องไอเซ็มเมียวโอ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพญาครุฑ พญานาคและยักษ์เป็นต้น แต่ของศาสนาพุทธเราไม่ได้แต่งเติมอภินิหารจนหลุดโลกอย่างของพราหมณ์-ฮินดู ที่พรรณนาให้ครุฑเอาปีกโอบโลกได้ ดวงตาเท่าดวงอาทิตย์ พรรณนาให้พญาอนันตนาคเอากายขนดพันรอบโลกได้เจ็ดรอบ ฝ่ายพุทธเรามักมองทุกสิ่งตามธรรม แม้พระพุทธองค์จะทรงมีอภิญญา ๑ - ๖ ครบสิ้น มองเห็นทุกโลกธาตุอย่างปรุโปร่ง แต่ก็ทรงรู้ว่าการรู้แจ้งทุกสรรพสิ่งในอนันตจักรวาลมิได้ยังประโยชน์ใดต่อสัตว์โลกเลยแม้แต่น้อย
ความสำคัญของสิ่งมีชีวิตในแต่ละจักรวาลอันนับอนันต์พันหมื่นล้านจึงถูกตีตกลงไปกลายเป็นเพียงเรื่องรอง แม้พระองค์จะทรงรู้แจ้งหมดจดแล้วว่าภูตผีเทพพรหมยมยักษ์มนุษย์ต่างดาวจะมีจริงทั้งหมด แถมยังมีเป็นล้านล้านรูปแบบ แต่ในเมื่อมิอาจช่วยให้สรรพสัตว์พ้นทุกข์ได้ พระองค์จึงมิได้นำมาเน้นย้ำหลายครั้งนัก เนื่องจากยิ่งเน้น ก็ยิ่งสร้างสมกิเลสในใจมนุษย์ผู้ยังไม่หลุดพ้นให้พอกพูนไปกันใหญ่
ดังจะเห็นได้จากตัวอย่างหนึ่งในครั้งพุทธกาล ที่มีบุคคลมากมายปรารถนาจะเกิดเป็นนาคราชเพราะได้ฟังมาว่าภพภูมินาคนั้นเป็นทิพย์ มีวรรณะสวยงาม มีทรัพย์มาก มีสิ่งปรนเปรอมาก มีความสุขสบายนานัปการ เหตุเพราะทำบุญด้วยการบริจาคทานบ้าง ทำนุบำรุงพระศาสนาบ้าง ซึ่งมันผิดไปจากเป้าหมายของพระพุทธศาสนาที่มุ่งเน้นให้สรรพสัตว์หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในทุกภพภูมิไม่ว่าจะในอัตภาพใดก็ตาม
แต่การละทิ้งกิเลสในมวลมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคสมัยแห่งวัตถุนิยมและบริโภคนิยมอันดำเนินไปพร้อมกับสภาพเศรษฐกิจอันไม่เอื้ออำนวย ค่าครองชีพก็สูงขึ้น รัฐบาลชุดใหม่ก็ทำงานแบบขายผ้าเอาหน้ารอดเสียยิ่งกว่าชุดก่อนๆ กำลังจิตกำลังใจของผู้คนก็พลอยลดน้อยถดถอยลง หลายคนฆ่าตัวตายหนีทุกข์อย่างน่าสังเวชเห็นใจ เพียงเพราะชีวิตพังพินาศจากโครงสร้างทางสังคมที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งแข่งขันและเอารัดเอาเปรียบ อันประดุจหลุมพรางแสนสวยที่นำพาชีวิตไปสู่เหวลึก
เทพราคะราช จัดเป็นพญายักษ์สามตาผู้เต็มไปด้วยความสเน่หา มีสัญลักษณ์คือดอกบัว นาคเผือก ธนู ไฟราคะและปากราชสีห์
จิตใจอันห่อเหี่ยวที่ไม่สามารถหยุดยั้งการมองเห็นว่าตัวตนยังมีอยู่ จึงยิ่งชักพาให้ปุถุชนเหล่านั้นพร้อมทำเรื่องไม่คาดฝัน ไม่ว่าจะเป็นการสังหารหมู่ การฆ่ายกครัว หรือการฆ่าตัวตาย ฯลฯ ดังจะเห็นได้จากข่าวต่างๆมากมาย นับตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2019 เป็นต้นมา
ดังนั้น ปุถุชนที่ยังเต็มไปด้วยความรัก-โลภ-โกรธ-หลง จึงสามารถบูชาเทพได้ตามสะดวก แต่ไม่แนะนำให้ขอโชคขอลาภ ควรขอให้ตัวเองเจริญในทางธรรมจะดีที่สุด สาเหตุก็เพราะว่าถ้าขอโชคขอลาภ ก็จะนำไปสู่การเพิ่มกิเลสให้พอกหนาขึ้น หากเรามีกรรมนำส่งให้ไม่ถึงที่จะได้รับโชคลาภที่เราขอไป สุดท้ายก็จะเป็นทุกข์หนักกว่าเดิม เพราะเทพเทวดาไม่สามารถบันดาลดลสิ่งที่เราต้องการให้เราได้ ตราบใดที่สิ่งที่เราขอนั้นเกินกำลังบุญที่เราสะสมมา หรือเกินกำลังฤทธิ์ของเทพเทวาองค์นั้น
แต่ถ้าเราขอให้เจริญในทางธรรม ไม่ว่าจะมีตัวกระตุ้นหรือผัสสะอะไรมากระทบเราก็ตาม ความรู้สึกของเราก็จะไม่เหลิงระเริงในสุข ไม่คลุ้มคลั่งในทุกข์ จะอยู่ในสภาวะจิตตารมณ์อันเปี่ยมไปด้วยความพอดี ทุกข์ก็วางเฉยได้(ไม่ทุรนทุราย) สุขก็วางเฉยได้(ไม่โหยหาความสุขให้คงอยู่ต่อไปนานๆ ไม่เสียดายมันเมื่อมันจากเราไป)
สำหรับเทพเจ้าฝั่งพุทธที่ผู้เขียนอยากจะแนะนำให้ทุกคนที่มีจิตใจหม่นหมองไปด้วยไอทุกข์ได้รู้จักและลองนำไปบูชาเพื่อหลุดพ้นความทุกข์แบบค่อยเป็นค่อยไป จะมีด้วยกันสองสาย คือเทพเจ้าในสายเถรวาท(คำสอนของพระอัครสาวก) และเทพเจ้าในสายมหายานแบบวัชรยาน(พาหนะที่รวดเร็วดั่งเพชรหรือสายฟ้า)
เทพราคะราชในศิลปะอินเดียเหนือประยุกต์
สำหรับชาย-หญิง ให้บูชาท้าวเวสสุวรรณ(สัมมาเทวดาฝ่ายเถรวาทและมหายาน) ส่วนชายรักชายให้บูชาท้าวราคะราช(สัมมาเทวดาฝ่ายมหายาน) ส่วนหญิงรักหญิงให้บูชาพระแม่ธรณี(สัมมาเทวดาฝ่ายเถรวาทและมหายาน) เทพทั้งสามองค์นี้เป็นตัวแทนของพลังงานเทวะที่ใกล้ชิดมนุษย์โลกมากที่สุด และยังมีสภาวะธรรมในจิตที่สูงพอที่จะให้ความเมตตากับปุถุชนได้ เป็นแบบอย่างไอด้อลในการพ้นทุกข์ได้สบาย ในตอนต่อไป แอดนาโครัตนะจะขอนำพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับเทพเจ้าที่นับถือพระพุทธศาสนาทั้ง 3 องค์นี้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นครับ
โฆษณา