8 พ.ค. เวลา 02:03 • การศึกษา

กลับตาลปัตร นศ.ญี่ปุ่นแห่ลด มหาลัยดังญี่ปุ่นต้องง้อกวดวิชาจีน ช่วงชิง นศ. ต่างชาติ

โลกเปลี่ยนขั้ว หมดยุคสมัยที่มหาวิทยาลัยญี่ปุ่น
ไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ ก็มีนักศึกษาต่างชาติ
มาเรียน แต่เวลานี้กลับตาลปัตร เกิดปรากฎการณ์ที่มหาวิทยาลัยกลับต้องก้มหัวง้อนักศึกษาต่างชาติ
วอน “ขอให้มาสอบที่นี่ปีหน้าให้ได้” แข่งขันกันหานักศึกษาที่เรียนดี มีฐานะดี มีกำลังทรัพย์พอที่จะ
ชำระค่าเล่าเรียนได้ แล้วพบว่า นักศึกษาต่างชาติ
ที่สอดคล้องตรงกันที่สุด คือ นักศึกษาต่างชาติ
ชาวจีนในโรงเรียนกวดวิชาดัง คือตลาดเป้าหมาย
ที่เวลานี้ มีมหาวิทยาลัยต่างก็พยายามไปช่วงชิง
มาให้ได้มากที่สุดทั้งมหาวิทยาลัยดังด้วย
ทั้งนี้ เพราะเป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่า อัตรา
การเกิดของญี่ปุ่นลดลงปีต่อปี สถิติล่าสุดเมื่อวันเด็ก
ในปีนี้ พบว่า เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีในปีนี้ลดลงจาก
ปีที่แล้วทุกจังหวัดติดต่อกันเป็นปีที่ 43 อันเป็นปัจจัย
หนึีงที่อาจส่งผลให้มีจำนวนนักศึกษาชาวญี่ปุ่น
ในมหาวิทยาลัยก็มีแนวโน้มที่จะแห่ลดจำนวนน้อย
ลงเรื่อยๆ อีกทั้งมหาวิทยาลัยทั่วโลกก็มีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ที่ต่างก็ต้องการนักศึกษาเช่นกัน หาตลาด
ช่วงชิงนักศึกษาต่างชาติทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ
เพราะจำนวนนักศึกษาเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญใน
การประเมินระดับมหาวิทยาลัยในสังคมระดับโลก
ในปัจจุบันด้วย
แล้วตลาดที่น่าสนใจคือ โรงเรียนกวดวิชาโดยเฉพาะ
ในย่านชินจุกิ กรุงโตเกียว ที่ักำลังผุดขึ้นมามากขึ้น
กำลังเป็นตลาดเป้าหมายในการหานักศึกษาของมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่น และมีโรงเรียนกวดวิชาที่ใหญ่ๆ มีชื่อเสียงเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยดังได้สำเร็จ
เช่น “โคจิอะคาดิมี” “เมโคชิโคจุกุ” “ “อาโอฟูจิ
แอดดูเคชั่น” เป็นต้น ที่อยู่ในย่านนี้ด้วย
Image Credit: โรงเรียนกวดวิชา “คันไซโกเก็งกักคุอิน” ที่มีชื่อเสียงด้านการกวดวิชาเข้ามหาวิทยาลัยยากๆ ได้้มากที่สุด โฆษณาว่ามีผู้สอบผ่านได้มากเป็นอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น
หากเป็นทางภาคคันไซ ก็จะมีโรงเรียนกวดวิชา
“คันไซโกเก็งกักคุอิน” จังหวัดเกียวโต มีผู้สอบเข้าได้
เป็นจำนวนมาก ตั้งแต่มหาวิทยาลัยรัฐชั้นนำ อาทิเช่นมหาวิทยาลัยโตเกียว เกียวโต โอซาก้า นาโงย่า โทฮกคุ มหาวิทยาลัยโตเกียวโคเงียว (Tokyo Institute of Technology) หากเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำก็จะมีมหาวิทยาลัยวาเซดะ มหาวิทยาลัยเคโอ กรุงโตเกียว
ที่มีนักเรียนที่สอบผ่านเข้ามหาวิทยาลัยของญี่ปุ่นได้
ในจำนวนที่มากอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง ทั้งที่เป็นนักเรียน
ต่างชาติด้วยจนชาวญี่ปุ่นก็ทึ่ง
Image Credits: coach-ac, นักศึกษาต่างชาติสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำได้อย่างไร ทั้งที่ชาวญี่ปุ่นยังสอบเข้ายากมาก
โดยเป็นที่เรียนภาษาญี่ปุ่นสำหรับชาวต่างชาติที่อยู่
ในประเทศญี่ปุ่น เริ่มต้นจากผู้ก่อตั้งชาวญี่ปุ่นได้ไป
แลกเปลี่ยนที่เมืองเสื่นหยาง มณฑลเหลียวหนิง จนมีนักเรียนสนใจขอการแนะแนวการไปเรียนต่อภาษาญี่ปุ่นในประเทศญี่ปุ่น จนก่อตั้งเป็นสถาบันดังกล่าวที่เกียวโต และมีสถาบันที่ร่วมทุนกับจีน และแลกเปลี่ยนกับสถาบันการศึกษาท้องถิ่นที่ประเทศจีนดังกล่าวด้วย
หลังจากที่นักศึกษาต่างชาติเรียนภาษาญี่ปุ่นได้ 1 ปี
หรือ 2 ปี ส่วนใหญ่ก็จะเรียนต่อในมหาวิทยาลัย หรือวิทยาลัยวิชาชีพ เป็นส่วนใหญ่ เมื่อจบการศึกษา
บางคนก็เลือกหางานทำต่อในประเทศญี่ปุ่น หรือ
ไปต่อในต่างประเทศ
Image Credits: coach-ac, โรงเรียนกวดวิชา “โคจิกากุเอ็น” หรือ “โคจิ อะคาเดมี” (Coach Academy) ที่ใหญ่ที่สุดในย่านชินจุกุ กรุงโตเกียว ที่กำลังเป็นข่าวเมื่อล่าสุด มีจำนวนผู้สอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำเป็นจำนวนมาก จนเป็นที่น่าฉงนว่าสอบเข้าได้อย่างไร ทั้งที่เป็นมหาวิทยาลัยที่สอบเข้ายากมากสำหรับชาวญี่ปุ่นด้วย
หากเป็นที่กรุงโตเกียวแล้ว โดยเฉพาะโรงเรียนกวดวิชา “โคจิ-กากุเอ็น” หรือ “โคจิ อะคาเดมี” (Coach Academy) เขตชินจุกุ กรุงโตเกียว ก็จะเป็นสถาบัน
กวดวิชาที่มีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะสำหรับนักเรียนจีนเท่านั้น ที่เน้นการสอบเข้าไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยและบัณฑิตมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่น
โดยเฉพาะ จัดเป็นโรงเรียนกวดวิชาที่ใหญ่ที่สุด
ในย่านชิจุกุ ใจกลางกรุงโตเกียว
Image Credits: coach-japanese,โรงเรียนกวดวิชาโคจิ อะคาเดมี มีสาขาทั้งในและนอกประเทศถึง 19 แห่ง มีจำนวนนักศึกษาประมาณ 4,000 คน
เป็นโรงเรียนกวดวิชาที่มีชื่อเสียงและยอดนิยมของนักเรียนจีนมาก ก่อตั้งขึ้นโดยชาวจีนเมื่อปี 2551
เริ่มจากการเปิดคลาสเรียนให้กับนักเรียนที่ต้องการ
จะเรียนต่อในโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นในกรุงโตเกียว
หลังพบว่า นักเรียนที่กวดวิชาจากที่นี้ได้รับผลการสอบ
ที่ดี จนในปี 2552 ได้ตั้งเป็นนิติบุคคลให้เป็น
“โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาสำหรับนักศึกษาต่างชาติ” อย่างเป็นทางการ มีสาขาทั้งในและนอกประเทศถึง
19 แห่ง มีจำนวนนักศึกษาประมาณ 4,000 คน
ฤดูใบไม้ผลิของปีนี้ โรงเรียนกวดวิชาแห่งนี้
ได้มีนักเรียนทีสอบผ่านเข้าไปในเรียนในรั้ว
ของมหาวิทยาลัยที่ยากมากได้มากมาย อาทิเช่น มหาวิทยาลัยโตเกียว 59 คน มหาวิทยาลัยเกียวโต
31 คน มหาวิทยาลยวาเซดะ 112 คน เป็นต้น
โรงเรียนกวดวิชาแห่งนี้ จึงเป็นเป้าของ “เซลส์” จากมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นมาเยือนเป็นประจำทุกปี
ปีละประมาณ 40 แห่ง เพื่อขอให้มาสอบที่มหาวิทยาลัยในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีหน้า
Image Credits: coach-ac, ป้ายบอกจำนวนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำแต่ละแห่งของโรงเรียนกวดวิชา “โคจิ-กากุเอ็น” หรือ “โคจิ อะคาเดมี” (Coach Academy) เขตชินจุกุ กรุงโตเกียว
โดยโรงเรียนกวดวิชาแห่งนี้กล่าวว่า เมื่อสิ้นฤดูกาล
สอบในช่วงปลายเดือนมีนาคม ก็จะมีผู้ดูแลจากมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงในกรุงโตเกียว
เข้ามาเยือนที่สำนักงานใหญ่ของ “โคจิ อะคาเดมี”
มาคารวะเจ้าหน้าที่ของโรงเรียน ซึ่งมีมหาวิทยาลัย
ที่ดังๆ หลายแห่ง เช่น
ระดับ MARCH
- มหาวิทยาลัยเมจิ (Meichi University)
- มหาวิทยาลัยอาโอยามะ (Aoyama University)
- มหาวิทยาลัยริกเคียว (Rikkyo University)
- มหาวิทยาลัยจูโฮ (Chuo University)
- มหาวิทยาลัยโฮเซ (Hosei University)
หรือมีบางส่วนจากกลุ่ม Kan-kan-do-ritsu ที่มาเยือนคือ
- มหาวิทยาลัยคันไซ (Kansai University)
- มหาวิทยาลัยคันไซกากุอิน
(Kwansai Gakuin University)
- มหาวิทยาลัยโดชิชะ (Doshisha University)
- มหาวิทยาลัยริสึเมคัง
(Ritsumeikan University)
ด้วยยุคสมัยกำลังเปลี่ยนแปลง ที่หากมหาวิทยาลัยไม่พยายามหานักศึกษาต่างชาติมาเรียน หรือ ขอให้นักศึกษาต่างชาติมาสอบ นักศึกษาต่างชาติก็จะไม่มา
ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยจึงมีการไปจัดแนะแนวการศึกษาถึงในโรงเรียนกวดวิชาด้วย
อาจารย์หยาง เก๋อ (วัย 37 ปี) ผู้บริหารชาวจีนของโรงเรียนกวดวิชาโคจิ อะคาเดมี ได้กล่าวด้วยภาษาญี่ปุ่นที่คล่องแคล่วว่า “นักศึกษาต่างชาติที่ใช้ทุนส่วนตัวมาเรียนครองส่วนแบ่งถึง 97% ในปัจจุบัน สิ่งที่มหาวิทยาลัยอยากได้ คือ นักศึกษาต่างชาติที่มีฐานะ
การเงินดีและเรียนเก่ง แล้วผู้ที่สอดคล้องตรงกันมากที่ที่สุดคือ ชาวจีน ซึ่งเป็นเรื่องที่คิดไม่ถึงเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
Image Credits: .u-tokyo, มหาวิทยาลัยโตเกียว มหาวิทยาลัยชันนำอันดับ 1 ของญี่ปุ่น ระดับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยของไทย
ในปี 2543 ในโลกที่มีนักศึกษาต่างชาติ
ประมาณ 1.6 ล้านคน
ในปี 2565 ได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 4 เท่า
ถึงประมาณ 6.4 ล้านคน
ปัจจุบัน มีการแข่งขันที่เพิ่มความรุนแรงขึ้น
ประเทศญี่ปุ่นก็มีการไปเชิญชวนนักศึกษาที่เก่งๆ
จากประเทศจีนให้มาเรียนในประเทศญี่ปุ่นด้วย
หากดูตามส่วนแบ่งแยกตามประเทศที่รับ
นักศึกษาต่างชาติเข้ามาเรียนแล้ว พบว่า
นักศึกษาต่างชาติที่มาเรียนญี่ปุ่นในปี 2543
มี 4% ของทั้งหมด แต่ในปี 2566 ลดลงเหลือ 3%
ในปี 2566 สถิติ ณ ปัจจุบัน มีนักศึกษาชาวต่างชาติ
ที่มาอยู่ญี่ปุ่น ประมาณ 230,000 คน
ภายในนี้ เป็นนักศึกษาชาวจีน 45%
รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายในปี 2576
จะรับนักศึกษาต่างชาติ 400,000 คน
อาจารย์หยาง เก๋อ ยังกล่าวว่า
“บางอย่างกำลังเปลี่ยนแปลง
คิดว่า หากญี่ปุ่นยังมีความคิดเก่าๆ ที่ฝังรากลึกว่า
“ใครอยากจะมาก็มา” ที่เป็นเช่นนี้ต่อไปอีก
ก็จะไม่สามารถแข่งกับยุโรปหรือสหรัญอเมริกาได้”
แต่การที่มหาวิทยาลัยญี่ปุ่นเน้นการหานักศึกษา
ชาวจีนเป็นส่วนใหญ่ก็ทำให้มีผู้มองว่า จะมีแต่
นักศึกษาจีน ทำให้ขาดความหลากหลายของเชื้อชาติหรือไม่ และอาจกลายเป็นว่าใช้แต่ภาษาจีน ไม่ได้ฝึกภาษาญี่ปุ่น ทำให้ขาดพัฒนาการทักษะเท่าที่ควร
หรือไม่ การรักษาคุณภาพก็เป็นสิ่งจำเป็น
จำนวนนักศึกษาชาวญี่ปุ่นในมหาวิทยาลัยที่มี
แนวโน้มว่าจะลดลงเรื่อยๆ และหานักศึกษา
ชาวญี่ปุ่นที่เรียนเก่งมาเรียนยากขึ้น ทั้งยังมี
จำนวนที่จะลดลงต่อไปอีก จึงนับเป็นปัญหาหนัก
สำหรับมหาวิทยาลัยที่สังคมญี่ปุ่นปัจจุบันมองว่า
มีจำนวนมากเกินไปด้วย เมื่อเทียบกับสภาวการณ์ปัจจุบัน จากผลกระทบของอัตราการเกิดที่ต่ำลงเรื่อยๆ จนขั้นวิกฤติระดับประเทศ ทำให้มหาวิทยาลัยทั่วประเทศญี่ปุ่นไม่ว่าที่ใด ก็ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดมากขึ้
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
si=YD6RLBqjWXWR2U7s
พิเศษ: แปลใจความคลิปแนะแนวตัวอย่างคร่าวๆ
สำหรับนักเรียนเข้าเรียน
ในโรงเรียนกวดวิชาชั้นนำของ
“โคจิ อะคาเดมี” (Coach Academy)
ที่มีผู้สอบเข้าไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำ
ได้เป็นจำนวนมากมาย
 
โดยคลิปแนะนำเป็นภาษาจีนสำหรับ
นักเรียนจีนโดยเฉพาะ และมีซับไตเติ้ล
แบบสองภาษา คือ
ภาษาจีนกับภาษาญี่ปุ่น
เพื่อเป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์กับ
ผู้ที่สนใจทราบเป็นข้อมูลอ้างอิง
ในการไปเรียนภาษา หรือเรียนต่อ
ในประเทศญี่ปุ่นได้บ้างไม่มากก็น้อย
 
โดยมีใจความคร่าวๆ
เพียงเพื่อเป็นประโยชน์อ้างอิงเท่านั้น ว่า:
ดีใจกับการตัดสินใจมาเรียน และขอให้ภูมิใจเป็นพิเศษ
ช่วงเรียน นอกจากเรียนภาษาแล้ว มีอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญคือ วัฒนธรรมก็แตกต่างกัน
จึงต้องตั้งใจเรียน ฟังผู้สอนให้มาก ขยายความรู้
มีพัฒนาการ มีแผนการเรียน และต้องพยายาม
เข้าหาภาษา
ทั้งรุ่นพี่ก็เคยผ่านประสบที่ยากลำบากมาแล้ว
ท้้งการใช้ชีวิต และเรื่องที่ไม่ราบรื่น
เช่นว่า ภาษาญี่ปุ่นก็ใช่ว่าจะสื่อสารได้ดี
ในเวลาที่ต้องการแสดงออกและบอก
ความเป็นตัวของตัวเอง
มีทั้งบางวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนกับวัฒนธรรม
ของตนด้วย
ลักษณะเหล่านี้ จะทำให้เราทุกคนรู้สึกต้องเผชิญ
กับความยากลำบากหลายอย่างพอสมควร
แต่ทั้งหมดนี้ ล้วนสามารถก้าวข้ามมันได้
โดยอาศัยความตั้งใจเรียนรู้มันไปเรื่อยๆ
และปรับตัวแก้ไข ที่จะได้รับวิธีคิดบางอย่าง
กลับมาหาตนเองด้วย
แน่นอนว่า ในขณะเดียวกัน เราก็ยังต้องรักษา
เอกลักษณ์ของคนจีนในแง่อีกหนึ่งด้วย
จึงบอกกับทุกคนเพียงให้ทุกคนพยายาม
ตั้งใจแน่วแน่ แล้วความสามารถด้านภาษา
จะยกระดับสูงขึ้นได้
จงเชื่อใน potential ของตัวของตัวเอง
ทุกคนต้องสำเร็จแน่นอน
นอกจากเรียนภาษาแล้ว
ยังมีอีกเรื่องทีสำคัญยิ่งคือ
ต้องตั้งใจฟังที่ผู้สอนให้คำแนะนำด้วย
แล้วเพิ่มจุดแข็ง ลดจุดอ่อน
เรียนรู้อย่างชาญฉลาดกันเถิด
ในสถาบันฯ ยังีทีมอาจารย์ที่เก่งๆ
คอยให้ความช่วยเหลือด้วย
แต่มหาวิทยาลัยที่ดีเลิศในญี่ปุ่นมีมากมาย
ทั้งระเบียบการสอบและคุณลักษณะแต่ละแห่ง
ก็จะไม่เหมือนกัน ทั้งวัฒนธรรมก็ย่อมจะมี
ที่ไม่เหมือนกันด้วย
จึงขอให้รับฟังคำแนะนำของผู้สอน
วางแผนการเรียนให้เข้ากับความสามารถ
ในการเรียนของตนเอง จะช่วยให้สามารถ
ปรับเข้ากับการสอบของมหาวิทยาลัย
ที่หลากหลาย
อาจารย์ทุกท่านจะยืนเคึยงข้างทุกคน
ช่วยทุกคนคลี่คลายปัญหาความยากลำบาก
และชี้ทิศทางในชีวิตการเรียนให้เเราเลือกได้
อย่างดีที่สุด
ชีวิตการเรียนในญี่ปุ่นจะเต็มที่และสนุก
และอาจได้เจออะไรแปลกใหม่ที่หลากหลาย
แต่ก็อย่างลืมเชื่อมกับทางบ้าน จัดเวลาแบ่งปัน
ทั้งเรื่องน่ายินดีและเรื่องน่าเศร้า
กำลังใจของทางบ้าน จะให้พลังที่ไม่จำกัดแก่ทุกคน
ไม่ว่าจะเผชิญกับความยากลำบากหรือ
ความท้าทายอย่างไร
เราก็จะอยู่เคียงข้างทุกคนตลอดเวลา
เป็นกำลังใจส่งพลังแก่ทุกคนเสมอ
เชื่อว่า ทุกคนล้วนเป็นนักศึกษาที่เก่ง
มีความเป็นไปได้ที่ไม่มีขีดจำกัดกับ
อนาคตที่สดใส
ขอเพียงให้มีใจมุ่งมั่นไปข้างหน้า
กล้าเผชิญกับอุปสรรคความยากลำบาก
มั่นใจว่า ทุกคนต้องบรรลุสู่เป้าหมายของตัวเอง
ได้อย่างแน่นอน
สุดท้ายของท้ายที่สุด คือ ขอให้ใช้เวลา
อันมีค่าด้วยกัน ช่วยกันสร้างความประทับใจ
ที่สุดยอดเฉพาะของพวกเรา
เรามาพยายามด้วยกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
และเติบโตไปด้วยกันเถิด
จะเป็นกำลังใจสนับสนุนทุกคน
ขอให้พยายาม
แหล่งข้อมูล:
si=YD6RLBqjWXWR2U7s
หากเนื้อหาสาระนี้ มีประโยชน์ต่อท่าน
กรุณา กด “ไลค์” กด “แชร์”
เสนอ “คอมเม้นท์”
เพื่อการปรับปรุงและนำเสนอสาระข่าวสาร
ดีๆ ต่อไปด้วยจักขอบคุณยิ่ง
โฆษณา