8 พ.ค. เวลา 10:00 • นิยาย เรื่องสั้น

ก็คงเขียนไปเรื่อยๆ อย่างนี้แหละ

โพสต์เขียนเรื่องจักรวาลวิทยา + ปรัชญา ไม่คาดว่ามีคนสนใจมากขนาดนี้
เพราะหากถามผมว่า งานเขียนเรื่องใดที่ผมประสบความสำเร็จน้อยที่สุดในการทำให้ผู้อ่านเชื่อหรือสนใจ คำตอบก็คือจักรวาลวิทยา
ผมเขียนเรื่องนี้มากว่า 30 ปีแล้ว พบว่ามีคนสนใจน้อยกว่าเรื่องเชื่อมจิต 30 ล้านเท่า
เหตุผลเพราะคนส่วนใหญ่มองไม่เห็นจริงๆ ว่า จักรวาลเกี่ยวอะไรกับเรา เกี่ยวอะไรกับชีวิตเรา เกี่ยวอะไรกับโลก ศาสนา ปรัชญา วิธีคิด ฯลฯ
ถ้าเรามองจักรวาลแค่ดวงดาวบนฟ้า มันก็ดูไม่เกี่ยวกับเราโดยตรงจริงๆ นั่นแหละ
ระบบการศึกษาของเราไม่สอนเรื่องนี้ ผมไม่เคยเรียนรู้เรื่องนี้ในโรงเรียน ไม่เคยเรียนรู้จากโรเงรียนว่า โมเลกุลที่ประกอบกันเป็นตัวเราก็คือโมเลกุลที่เคยเป็นดวงดาวมาก่อน ธุลีดาวเหล่านี้ประกอบกันเป็นโครงสร้างชีวิต เราเป็นตัวตนเดียวกับจักรวาล
ดังที่ นีล เดอกราส ไทสัน นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน กล่าวว่า “เราทั้งหมดเกี่ยวข้องกันทางชีววิทยา เกี่ยวข้องกับโลกทางเคมี เกี่ยวข้องกับจักรวาลทางอะตอม"
บางคนอาจถาม "แล้วยังไงหรือ?" คำตอบของผมคือ เมื่อเรารู้ว่าเราเล็กขนาดไหนในจักรวาล มันก็ทำให้เราอาจเปลี่ยนความเชื่อเรื่องผู้สร้าง หรืออำนาจเหนือธรรมชาติที่มากำหนดชีวิตเรา เพราะดูเหมือนจักรวาลใหญ่เกินกว่าที่จะทำอย่างนั้นได้
การรู้ว่าเราทุกคนเกี่ยวข้องกับจักรวาลทางอะตอม ก็อาจทำให้เราเข้าใจชีวิตดีขึ้น และอาจมีความสุขในโลกในชั่วชีวิตสั้นๆ นี้มากขึ้น
พูดง่ายๆ คือ ในความคิดเห็นของผม เราไม่มีทางเข้าใจศาสนาหรือปรัชญาได้จริงๆ หากตัดจักรวาลวิทยาออกจากสมการ
1
และหากเราศึกษาเรื่องศาสนาปรัชญาโดยไม่ยอมวางความเชื่อเดิมลงชั่วคราวก่อน แล้วว่ากันที่สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าในสเกลใหญ่เช่นจักรวาลหรือเล็กระดับอะตอม ก็ยากที่จะเข้าใจศาสนาและปรัชญาโดยใช้สายตาของความเป็นจริง
เอาละ แม้ว่ามันเป็นงานเขียนที่ผมประสบความสำเร็จน้อยที่สุดในการทำให้ผู้อ่านเชื่อหรือสนใจ ผมก็คงเขียนไปเรื่อยๆ อย่างนี้แหละ ถ้าอ่านไม่ไหวจริงๆ ก็ข้ามไปได้ ไม่ว่ากัน
โฆษณา