10 พ.ค. เวลา 03:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

รู้จัก “พอร์ตกระป๋องกาแฟ” หลักการลงทุนบ้าน ๆ ที่ใครก็ทำตามได้

เมื่อได้ยินในครั้งแรก หลายคนก็คงไม่เชื่อ ว่าหลักการลงทุนง่าย ๆ อย่างการ “ซื้อบริษัทดี ๆ และถือลืม” จะทำให้เราได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้เหมือนกัน
เพราะเรามักจะคิดกันไปเองว่า หนทางของการลงทุนให้ประสบความสำเร็จ จะต้องยุ่งยากซับซ้อน เช่น การตีกราฟมากมายจนตาลาย หรือนั่งไล่ฟังเหล่ากูรู และนักวิเคราะห์แทบจะทุกสัปดาห์
แต่จะดีกว่าไหม ถ้าหากเราสามารถลงทุนให้ตัวเองนอนหลับได้อย่างสบายใจ และไม่ต้องเหนื่อยไปกับการทำสิ่งที่ว่ามาเหล่านั้นทั้งหมด
ด้วยหลักการลงทุนง่าย ๆ อย่าง “พอร์ตกระป๋องกาแฟ” หรือ Coffee Can Portfolio
และถ้าหากสงสัย ว่าหลักการลงทุนแบบ พอร์ตกระป๋องกาแฟ เป็นอย่างไร ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
หลักการลงทุนแบบ พอร์ตกระป๋องกาแฟ เป็นแนวคิดการลงทุนจากคุณ Robert Kirby ผู้จัดการพอร์ตการลงทุน ของบริษัทจัดการการลงทุนระดับโลกอย่าง Capital Group
ซึ่งกลั่นมาจากประสบการณ์ของเขา ตอนที่ยังทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุน
1
โดยคุณ Kirby มีลูกค้ารายหนึ่งที่เขาดูแลมานานกว่า 10 ปี เธอเป็นผู้หญิงที่ได้รับพอร์ตการลงทุน จากสามีที่เสียชีวิตไปอย่างกะทันหันเป็นมรดก และส่งต่อให้กับคุณ Kirby ดูแล
และเขาก็ต้องทึ่ง เมื่อมูลค่าพอร์ตการลงทุน ของสามีลูกค้าที่เสียชีวิตไปนั้น กลับใหญ่กว่าของภรรยา ซึ่งมีที่ปรึกษามืออาชีพอย่างคุณ Kirby ดูแลให้อย่างมาก
1
เพียงแค่เขาซื้อเมื่อคุณ Kirby แนะนำให้ซื้อ แต่ไม่ขายหุ้นออกมา เมื่อคุณ Kirby แนะนำให้ขาย จนกระทั่ง 10 ปีผ่านไป แม้ในพอร์ตการลงทุนนั้น จะมีหุ้นที่ขาดทุนเละเทะอยู่บ้าง แต่หุ้นตัวที่ไปได้ดี ก็จะทำกำไรอย่างมหาศาล
คุณ Kirby จึงเปรียบการลงทุนแบบนี้ว่า เป็นเหมือนการที่ ชาวอเมริกันในฝั่งตะวันตกสมัยก่อน มักจะเก็บเงิน หรือของมีค่า ใส่ในกระป๋องกาแฟ แล้วเก็บไว้ใต้ที่นอน โดยไม่เอาออกมาใช้
ซึ่งถ้าหากจะเทียบให้เข้ากับบริบทแบบไทย ๆ เราก็คงจะเรียกการลงทุนแบบนี้ว่า “พอร์ตฝังดินไว้” แทนคำว่า พอร์ตกระป๋องกาแฟ
สำหรับข้อดีของ พอร์ตกระป๋องกาแฟนั้น หลัก ๆ แล้วจะมีอยู่ 2 ข้อ
1. ประหยัดค่าใช้จ่าย
การซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ จะทำให้ผลตอบแทนของเรา ถูกกัดกินโดยค่าธรรมเนียมไปอย่างไม่รู้ตัว
ในตอนที่เรายังมีเงินไม่มาก เราอาจจะไม่ได้รับผลกระทบนัก แต่ถ้าหากเราต้องซื้อขายหุ้นด้วยเงินจำนวนมาก ๆ แล้ว ค่าธรรมเนียมเหล่านี้ ก็สามารถทำให้เงินของเรา หายไปได้เยอะอยู่เหมือนกัน
และถ้าหากใน พอร์ตกระป๋องกาแฟ ของเราเป็นหุ้นรายตัวที่เลือกเอง ผลตอบแทนที่ได้มาก็จะเข้าตัวเราเต็ม ๆ โดยไม่ต้องถูกหักค่าธรรมเนียมการจัดการ เหมือนกับการลงทุนในกองทุนรวมอีกด้วย
ส่วนในเรื่องของภาษีนั้น นักลงทุนไทยอย่างเรานั้น ยังโชคดีที่ไม่ได้เสียภาษีกำไรที่ได้จากการซื้อขายหุ้น หรือ Capital Gain Tax
ทำให้การลงทุนแบบ พอร์ตกระป๋องกาแฟ อาจจะไม่ได้ช่วยเราเรื่องภาษีมากนัก เมื่อเทียบกับนักลงทุนในสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ ที่ต้องเสียภาษี Capital Gain Tax จำนวนมาก
2. ทำให้จิตใจของเรามั่นคง
ไม่ว่ากลยุทธ์การลงทุนของเราจะดีแค่ไหน แต่ถ้าหากสิ่งที่สั่งนิ้วมือของเราให้กดซื้อขาย อย่างจิตใจของตัวเองไม่มั่นคง แผนทุกอย่างที่เราวางไว้ก็จะแตกกระเจิง จนล้มเหลวไม่เป็นท่า
เพราะฉะนั้น การซื้อหุ้นบริษัทที่ดี และมีศักยภาพที่จะเติบโตในระยะยาว แล้วปล่อยให้เงินลงทุน และผลตอบแทนทบต้นทำงาน อย่างสบายใจ
ก็จะช่วยให้เราไม่ต้องพะวงกับสภาพตลาดที่ผันผวน หรือข่าวร้ายที่ส่งผลต่อบริษัทที่เราลงทุนในระยะเวลาสั้น ๆ จนนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด
อย่างเช่น เหตุการณ์สุดคลาสสิก อย่างการขายหุ้นไปแล้ว อีกไม่กี่เดือน หุ้นตัวนั้นก็วิ่งขึ้นต่อไปอีกหลายสิบเปอร์เซ็นต์ เพราะพื้นฐานของหุ้นตัวนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม คำถามสำคัญของการลงทุนแบบ พอร์ตกระป๋องกาแฟ ที่ยากจะตอบได้ ก็คือ เราจะหาบริษัทที่ดี เพื่อถือลืมไปยาว ๆ ได้อย่างไร ?
การจะหาบริษัทดี ๆ นั้น ไม่ได้มีสูตรสำเร็จอย่างชัดเจน แต่เราก็อาจจะดูเกณฑ์การเลือกของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จคนอื่น เป็นแนวทางได้เช่นกัน
1
โดยคุณ Saurabh Mukherjea ผู้ก่อตั้งบริษัทจัดการการลงทุนสัญชาติอินเดีย ชื่อว่า Marcellus Investment Managers นั้น ก็เป็นหนึ่งในคนที่ศรัทธาในหลักการลงทุนพอร์ตกระป๋องกาแฟ เช่นกัน
ซึ่งเขาก็ได้แบ่งปัน วิธีการสำหรับเลือกหุ้นเข้าพอร์ตกระป๋องกาแฟ ของตัวเอง ดังนี้
- เป็นบริษัทที่อยู่มานานกว่า 10 ปี
- รายได้ของบริษัท เติบโตอย่างน้อย 10% ในทุก ๆ ปี
- บริษัทมีผลตอบแทนจากเงินทุน หรือ ROCE อย่างน้อย 15% ติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี
- เป็นบริษัทขนาดเล็ก ที่มีมูลค่าตลาดมากกว่า 450 ล้านบาทขึ้นไป
- เป็นบริษัทที่มีแบรนด์แข็งแกร่ง
- เป็นบริษัทที่มีความได้เปรียบ ในการแข่งขันกับเจ้าอื่น ๆ เช่น มีนวัตกรรมที่บริษัทอื่นไม่มี เป็นต้น
ถึงอย่างนั้น ตัวพอร์ตกระป๋องกาแฟเอง ก็ไม่ได้จำกัดว่าเราจะต้องลงทุนเป็นหุ้นรายตัวเสมอไป เพราะถ้าหากเราไม่ถนัด หรือไม่มีเวลาที่จะเลือกหุ้นรายตัวเอง
การสร้าง พอร์ตกระป๋องกาแฟ ด้วยการลงทุนในกองทุนอิงดัชนีของประเทศที่มีศักยภาพเติบโตในระยะยาว หรือดัชนีหุ้นโลก ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำ
จากนั้นเราก็ซื้อในทุก ๆ เดือน ต่อเนื่องกันไปสัก 10 ปี ก็เป็นวิธีที่น่าสนใจเช่นกัน
1
หรือแม้แต่การซื้อทองเก็บไว้เหมือนคนสมัยก่อนก็ได้เช่นกัน แต่ก็ต้องระวังด้วยว่า ราคาทองนั้น ค่อนข้างผันผวน และไม่สามารถผลิตกระแสเงินสด มาให้เราลงทุนเพิ่มได้ จึงอาจจะไม่ได้สร้างผลตอบแทนที่สูงมากนักในระยะยาว
จากทั้งหมดนี้เองจะเห็นได้ว่า วิธีการลงทุนแบบ พอร์ตกระป๋องกาแฟนั้น ไม่ใช่เรื่องยากที่พวกเราทุกคนจะทำตามได้เลย
แต่สิ่งที่ทำให้มันดูยากก็เพราะว่า การลงทุนแบบนี้ ต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก เพราะเราอาจจะต้องผ่านช่วงเวลาที่ราคาหุ้นของบริษัทดิ่งลงเหว จนมูลค่าหายไปเกินครึ่ง
หรือต้องนั่งมองเพื่อน ๆ ทำกำไรไปหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ ในเวลาไม่กี่วัน ในขณะที่พอร์ตการลงทุนของเราเอง ยังคลานต้วมเตี้ยม ด้วยผลตอบแทนหลักหน่วย
แต่ถ้าหากเรามั่นใจเสียอย่าง ว่าบริษัทที่เราเลือก ก่อนที่จะนำหุ้นใส่ในพอร์ตกระป๋องกาแฟของเรา และฝังดินไว้อีก 10 ปี เป็นบริษัทที่ดีตั้งแต่แรกแล้ว
เราก็จะสามารถอดทนรอ ให้ผลตอบแทนทบต้นทำงาน จนสามารถสร้างความมั่งคั่ง ให้กับเราได้อย่างมหาศาลในบั้นปลาย
เหมือนกับคำกล่าวของนักปราชญ์ชื่อดัง อย่างคุณอริสโตเติล ที่ว่า “ความอดทนนั้น มีรสขม แต่ผลของมันนั้น หอมหวาน” นั่นเอง..
--------------------------
Sponsored by บล. Zcom
สนใจลงทุนในหุ้น เปิดบัญชีออนไลน์ไปกับ บล. Zcom
เทรดหุ้นด้วยค่าคอมฯ เพียง 0.065%* ไม่มีค่าคอมฯ ขั้นต่ำ เทรดเท่าไร จ่ายตามจริง
พร้อมใช้งานเครื่องมือการเทรด efin/Streaming ทุกฟังก์ชัน ฟรี !!
เปิดบัญชีได้เลยที่ >> https://bit.ly/3VUtOBZ
.
*อัตรานี้ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมอื่น ๆ
**การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูล ก่อนตัดสินใจลงทุน
.
Facebook: Zcom Securities
Line: @zcomsecurities (http://bit.ly/2TJtaIC)
#zcomsecurities
References
-หนังสือ 100 Baggers: Stocks That Return 100-to-1 and How To Find Them (2018) โดย Christopher W. Mayer
โฆษณา