8 พ.ค. เวลา 13:07 • ท่องเที่ยว

แปลและวิเคราะห์เพลง As Long As We're Together - HateBerry (feat. Robbie Hutton):

บทนิยามแห่งความเป็นทีม
Caption:
ได้เวลาบทความแปลเพลงอีกครั้ง!
ซึ่งครั้งแรกที่ได้ฟัง ก็รู้สึกเหมือนกำลัง
ดูภาคต่อของ “Little Journey” ยังไงยังงั้นเลย
ใน Vibe สดใส อบอุ่น ครื้นเครงที่คุ้นเคย
ของชายหนุ่มแดนกิมจิผู้พกพารอยยิ้ม
เสียงหัวเราะและพลังบวกแพ็คใส่กระเป๋า
ควบมอไซค์เดินทางไปเจอผู้คน
สร้างความสุขมากล้นให้แฟนๆ
และใครต่อใครมากมาย
จนวันเปลี่ยนเป็นเดือน
ค่อยๆ เลื่อนผ่านมาเป็นปี
จาก Ep. แรกจนแตะหลักร้อยมา
เราก็ได้เห็นว่าเขาไม่ได้เดินทางลำพัง
หากแต่ยังมีกลุ่มคนสำคัญคอยอยู่เคียง
เป็นพลัง เป็นแรงใจ เป็นความทรงจำดีๆ มากมาย
ทั้งภาพที่เราเห็นผ่านหน้าเลนส์และเบื้องหลัง
ที่พวกเขาต่างดูแลใส่ใจกัน
เลยอยากจะชวนชาวด้อมใจฟูและทุกคน
ร่วมดื่มด่ำ ออกผจญภัยไปด้วยกันผ่านบทความ
คิดถึงเรื่องราวระหว่างทางดีๆ ที่สะท้อนออกมา
จากเพลงนี้กันว่าใจความเป็นยังไง
ว่าแล้วผมขอเข้าเนื้อหาเลยละกัน
ไม่งั้นเคอร์บี้จะโมโห XD
ปะ “Go Go! (ไปดิ๊)”
.
.
.
.
.
ท่อนแรก:
“Living in the moment
Loving like we do
I'm amazed at how you own it
With beauty through and through
ดื่มด่ำกับห้วงเวลา ณ โมเม้นต์นี้
ไปกับความรักในสิ่งที่พวกเราทำอยู่
ฉันแอบทึ่งเมื่อได้รู้ว่าคุณเอ็นจอย
และทำมันได้ดีขนาดไหนตลอดเวลาที่ผ่านมา
ความหมาย:
สิ่งสำคัญอย่างแรกที่ทีม “HateBerry” ทำให้เราเห็นเสมอคือการใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันและผู้คนตรงหน้าอย่างดีที่สุด ท่ามกลางสังคมก้มหน้าในปัจจุบันที่หลายคนอยู่กับมือถือมากกว่าคนใกล้ตัว แต่พวกเขาทำให้เราเห็นคุณค่าของการใช้เวลาไปกับผองเพื่อนหรือคนใกล้ตัวอย่างแท้จริง ทำกิจกรรมต่างๆ ก็ลุยไปด้วยกันจริงๆ
มือถือจะหยิบมาเฉพาะตอนกำลังปักหมุดเดินทาง ถ่ายรูป หรือหาข้อมูล นอกนั้นคือการดื่มด่ำกับโมเม้นต์ตรงหน้า แค่การได้เห็นว่าคนใกล้ตัวนั้นมีรอยยิ้ม สนุก เฮฮาปาจิงโกะ รั่วกันขั้นสุดยังไง แค่นั้นก็ใจฟูมากแล้ว
คำว่า “Own it” ในบริบทนี้จึงไม่ได้แปลตรงตัวว่าเป็นเจ้าของ ครอบครองอะไร แต่หมายถึงเวลาใครสักคนทำอะไรบางอย่างได้ดีมากๆ จนรู้สึกว่านี่แหละคือช่วงเวลาของเขา (หรือของพวกเรา) จริงๆ นับเป็นสิ่งที่งดงามเสมอ เมื่อได้ปล่อยใจ ปล่อยจอยไปด้วยกันทุกโมเม้นต์ ทุกเส้นทาง
ท่อนที่ 2:
“This is all I need
There's nothing more that I want
Infinite energy when you are
wrapped up in my arms
นี่แหละทุกอย่างที่ต้องการ
ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้เลย
แค่การได้โอบรับพลังบวกอันไร้ขีดจำกัด
ทุกครั้งที่มีคุณอยู่ในอ้อมกอด”
ความหมาย:
ความสุข “ที่สุด” ของคัลแลน พี่จอง แดน จูดี้ตลอดเวลาที่ผ่านมา หาใช่การได้มาเที่ยว สัมผัสธรรมชาติอันงดงาม หรือทำกิจกรรมสนุกสุดเหวี่ยงกันซะทีเดียว เพราะสิ่งเหล่านี้จะไม่มีความหมายเลยถ้าคนร่วมทางไม่มีความสุขไปด้วยกัน ดังนั้นตลอดเวลาของการเดินทาง พวกเขาจะคอยถามไถ่กันเสมอ หิวมั้ย? (โอ้ หิวมาก!)
อยากกินอะไรจะพาไป หรือมาเที่ยวกันทั้งที่จะธรรมดาได้ไง ต้องหาเกมสนุกๆ เล่นกัน ใครแพ้โดนทำโทษ ใครโกงกล้องบันทึกไว้ อิงและคนดูเห็นนะ ฮ่าา แต่ละวันผ่านไปก็จะถามนอนดีมั้ย? วันนี้อยากไปไหน? บางทีก็บอกแผนเที่ยว บางทีก็เซอร์ไพรส์ให้เป็นสีสัน (เช่น การหลอกจูดี้ไปทะเล ฮ่าา ปั่นโคตรๆ เอ็นดูขุ่นแม่)
เวลามีวันสำคัญเมื่อไหร่ ก็จะพากันเตรียมการ ฉลองกันอย่างอบอุ่นสนุกสนานกันไป
อย่างในวันเกิดแดน ทริปสงกรานต์อยุธยา ทุกคนก็ซุ่มประชุมกันเบาๆ ว่าจะเซอร์ไพรส์น้องยังไงดี สิ่งที่ชอบคือประโยคของจูดี้ตอนพวกคัลแลน พี่จองถามว่าจะหาเค้กยังไงในช่วงสงกรานต์แบบนี้ เธอเลยตอบว่า “ไม่เป็นไร จูดี้ทำได้ ทำได้!” สื่อให้เห็นว่ากับพี่น้องคนสำคัญของใจ ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหน เราก็จะหาทางทำบางอย่างให้ได้เสมอ แค่ได้ให้ไปแล้วเขามีความสุขกับมัน แค่นั้นก็อบอุ่นหัวใจ
หรือตอนที่แดนรับเค้กแล้วขอพรให้ช่องไปถึง 5 ล้านซับ แล้วพวกคัลแลนบอกอาจจะยากนะ จูดี้ก็ยิ้มรับและบอกว่า “เป็นไปได้นะ การที่เรามีเป้าหมายในชีวิต มีฝันที่ยิ่งใหญ่ก็จะดี แม้จะไปไม่ถึง การได้ฝันมันก็ดีมากแล้ว” คัลแลนก็เสริมว่า “ไม่ใช่แค่พวกเราที่สุขสันต์วันเกิดแดนนะ Subscribers กว่า 2 ล้านคนที่ดูอยู่ก็เช่นกัน” ทำเอาแดนถึงกับเขินม้วนไปเลย
กระทั่งตอนที่คัลแลนบอกกับน้องว่า “รักนะ รู้ใช่มั้ย?” รวมถึงตอนเซอร์ไพรส์กัน 4 คนก็บอก “ไม่เป็นไร วันนี้วันสงกรานต์ทุกคนไปด้วยกัน เพราะว่าเราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนจริง (แท้) กัน” นับเป็นโมเม้นต์ที่น่ารักมากๆ เพราะการกระทำสำคัญกว่าคำพูดก็จริง แต่การพูดสิ่งดีๆ ให้คนที่เรารักก็ดีไม่แพ้กัน รู้สึกยังไงให้บอก โดยเฉพาะในวันที่เรายังอยู่ด้วยนี่แหละดีที่สุด
จะเห็นได้ว่าทุกถ้อยคำ ทุกการกระทำของพวกเขา ล้วนเป็นการส่งพลังบวกถึงกันเสมอมา เพราะแน่นอนว่าเวลาไปเที่ยว ย่อมไม่มีอะไรได้ดั่งใจไปทุกอย่าง ทั้งลมฟ้าอากาศหรือข้อจำกัดต่างๆ ตั้งแต่ต้นทางอย่างตอนหนุ่มๆ ไปรับจูดี้ที่คอนโดแล้วขุ่นแม่เพิ่งตื่น ขอ 10 นาที ทั้งคู่ก็ไม่ซี แถมแซวกันขำๆ หาอะไรอย่างอื่นทำไปชิลๆ และเมื่อถึงเวลาออกลุย ระหว่างทางอาจจะเจออะไรที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ทุกคนก็จะพร้อมหาทางไปต่อด้วยกันจนได้ในที่สุด
ข้าวร้านดังที่อยากกินแต่วันนี้ปิด ไม่เป็นไร ก็ค่อยๆ ดูแผนที่หาร้านอื่น ไม่ก็ขับไปเรื่อยๆ ก็อาจเจอร้านลับที่อร่อยไปอีกแบบ แดดจะร้อน ฝนจะตก ทางจะไกล ก็ยิ้มรับ ไปไหนไปกัน ลุยให้สุด เพราะรู้ว่าปลายทางนั้นมีความงดงามอะไรที่รออยู่ อย่างทริปน้ำตกทีลอซูก็เป็นอะไรที่ตรากตรำพอควร ทว่าพอไปถึงจริงๆ ก็มีความสุข วิ่งเล่น กระโดดตู้มกันสนุก เป็นความเหนื่อยที่คุ้มค่าสุดๆ
เวลาใครทำท่าจะไม่ไหว ก็จะคอยช่วยเหลือ อย่างตอนคัลแลนรองเท้าพัง พี่จองก็ยินดีแบกขึ้นหลังไป หรือเวลาเขาเองสะดุดล้ม รองเท้าหลุด คัลแลนก็พร้อมจะชาร์จเข้าหาทันที แม้แต่เวลาขับรถก็จะถามกันว่าเหนื่อยมั้ย? สลับกันขับได้ ทริปล่าสุดที่จันทบุรี (รอบ 2) เดินทางกันแต่เช้า พี่จองยังไม่ตื่นดี ขับไม่ไหว คัลแลนก็พร้อมขับแทน ให้รู้ว่าทุกทริปที่เรามาด้วยกัน มันคือการทำงานเป็นทีมจริงๆ จบทริปแต่ละครั้งก็จะถามกันว่าเป็นอย่างไรบ้าง? วันนี้สนุกมั้ย? ส่งให้แต่ละคนพูด เป็นการสรุปความรู้สึกของกันแบบสั้นๆ แต่กินใจ
“Infinite energy when you are wrapped up in my arms” จึงไม่ใช่การสัมผัสหรือโอบกอดทางกายแบบคู่รักอะไรอย่างนั้น แต่เป็นการสัมผัสกันแบบเพื่อนฝูง กอดคอ จับกดน้ำ แกล้งผลักลงน้ำ แท็กมือเวลาเล่นเกมชนะ ป้อนอาหารให้กันน่ารักๆ ส่งพลังบวกถึงกันได้ตลอดเวลาทุกครั้งที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน ขณะเดียวกันก็เล่นกันแค่ในกรอบ ให้เกียรติกัน ไม่มีเกินเลยใดๆ
ท่อนฮุค:
“I remember that you told me
When we're grey and old
We'll still be young and free
As long as we're together
ยังจำได้ในสิ่งที่เคยบอกกัน
เมื่อถึงวันที่เราผมหงอก สูงวัย
หัวใจก็จะยังสดใส เยาว์วัย
สนุกเป็นอิสระเสมอ
ตราบใดที่เรายังอยู่ด้วยกัน”
ความหมาย:
เคยมั้ยครับที่ไม่ว่าเราจะเติบโตมาแค่ไหน อายุแตะหลักอะไร แต่มันจะมีเพื่อนอยู่กลุ่มหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกอบอุ่น สดใส เหมือนกลับไปเป็นเด็กคนนั้นกันได้อยู่เสมอ เพื่อนที่เพียงมองตาก็แกๆ เออๆ รู้ใจกันว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร เพื่อนที่มีแต่ให้และพร้อมจะลิงโลดย้อนวัยไปด้วยกัน เฉกเช่นคัลแลนและทีมซึ่งเป็นตัวอย่างของคนใช้ชีวิตได้เต็มที่ สวมหัวใจเด็กที่มักจะตื่นเต้นกับทุกอย่างได้ง่ายด้วยความสดใสบริสุทธิ์ ไม่ต้องคิดไรมาก ออกไปโลดแล่นกับธรรมชาติและผู้คนรอบๆ
อย่างทริปจันทบุรีก็เป็นอีกตัวอย่างของการเป็นทีมนักท่องเที่ยวผู้รักการเรียนรู้ไปด้วย จากอินไซต์ที่คัลแลนชอบกินพริกน้ำปลา ก็เลยพาเพื่อนๆ ออกไปลองทำด้วยกัน ไปคลุกคลี ลองให้รู้ว่าโรงงานเขามีกระบวนการผลิตยังไง หรือการสวมบทบาทชาวสวนไปสอยมังคุด ทุเรียน พวกเขาก็ทำมันด้วยความสุข สนุกไปกับมันจนสุด
เหมือนกำลังดูเด็กๆ ที่ออกมาทัศนศึกษา วิ่งเล่น ฟังครูสอนไปก็ตื่นเต้นตาม โดยเฉพาะพี่จองที่ได้ทลายกรอบตัวเองสุดกว่าใคร ทั้งปีนต้นไม้สอยมังคุด ทั้งลองเปิดใจชิมทุเรียนดู จากเดิมที่ไม่ชอบเลย พากันวิ่งเล่น ปีนป่าย ทำกิจกรรมไปด้วยรอยยิ้มเปื้อนเหงื่อที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยความสุข
ไปเที่ยวไหนก็ตระเวรลองอาหารท้องถิ่นกันจุกๆ จนพุงกาง เจออะไรก็ว้าวซ่า โอ้ว วิวบ้ามาก! โอ้ๆ ช้างๆๆ โอ้ ทำไมโดมนี่เหมือนเห็ด? หรือหลายครั้งก็สนุกกับการตั้งคำถาม เหมือนตอนเราเด็กที่เราชอบถามพ่อแม่ ทำไมนั่น ทำไมนี่ แบบที่พี่จอง คัลแลนชอบหันมาชวนคุยกัน ทำไมช้างถึง... ทุเรียนชะนีกับหมอนทองต่างกันยังไง?
รู้บ้างไม่รู้บ้าง บางทริปที่จูดี้อยู่ด้วยก็จะตอบให้ ในฐานะคนไทยเจ้าบ้าน แต่เธอเองก็สนุกไปด้วย หันไปถามหนุ่มๆ ว่าที่เกาหลีมีแบบนี้มั้ย? มันสำปะหลังเรียกว่าอะไร? รู้จักนี่มั้ย? (สิ่งของ สถานที่ กิจกรรมพื้นบ้าน) แล้วก็เล่าที่มาที่ไป พูดคุยแลกเปลี่ยนกันไปมา บางทีก็แกล้งอำกันขำๆ แล้วปล่อยก๊ากกันอีกทีตอนโดนจับไต๋ได้ก็มี55+ สิ่งเหล่านี้ทำให้รู้สึกว่าใจเรายังสนุกได้เหมือนเด็กอยู่เสมอ แค่เจอกลุ่มคนที่มีคลื่นพลังบวกตรงกัน พร้อมจะพากันไปสร้างความทรงจำดีๆ จนสุดทาง
ท่อนที่ 3:
“Every second is a blessing
When I'm in your presence
We'll be young and free
as long as we're together
ทุกๆ วินาทีคือความสุข
เมื่อฉันมี(พวก)คุณอยู่
เราจะสนุกสดใสลิงโลดแบบนี้ต่อไป
ตราบใดที่เรายังอยู่ด้วยกัน”
ความหมาย:
และการมีอยู่ของเพื่อนๆ ที่ดี ก็ทำให้เรารู้สึกเหมือนชีวิตได้รับการประทานพร (Blessing) ทุกวินาทีที่ใช้ไปด้วยกันมันจึงเต็มไปด้วยความสุข สนุก และเป็นตัวเองกันได้อย่างไร้กังวล กิน เที่ยว ช้อปเล่นกันสุดเหวี่ยงไม่ต้องห่วงหล่อ บางทีก็สลับกันเป็นช่างภาพ นายแบบ นางแบบ
บางทีก็เป็นครู-นักเรียน วิชาภาษาไทย ยิ่งตอนหนุ่มๆ พูดคำผิดความหมายหรือผิดเสียง ครูก็จะปรามมาจากเบาะหลัง ไหนพูดใหม่ซิ55+ และจะเห็นได้ว่าทุกๆ ทริปที่ผ่านไป พวกเขาก็พูดไทยคล่องขึ้นเรื่อยๆ สอนภาษาไทย ฝึกภาษาใจ เป็นทีมที่เข้าขารู้ใจกันมากขึ้น
ตัดภาพไปวิชาคหกรรม ก็จะสวมบทบาททีมพ่อครัว แม่ครัว ออกไปจ่ายตลาด มีเชฟจูดี้ครูคนดีคนเดิม คอยไกด์ว่าต้องใช้วัตถุดิบอะไรบ้าง อยากกินไรบอก จะได้พาซื้อกลับไปช่วยกันทำได้ มาเที่ยว ตจว. กันทั้งทีก็พากันสัมผัสชีวิตคนพื้นบ้านกันอย่างเต็มที่ ลองเตรียมเอง ลงมือล้าง หั่น สับ ผัด ทอด ตำ แบ่งหน้าที่กันอย่างดี ไม่มีเกี่ยง แม้แต่น้องเล็กอย่างแดนก็ได้ฝึกเข้าครัวลองทำ
อย่างในทริปสระบุรี เขาเองก็มีความสุขไปกับผักบุ้งไฟแดงของตัวเอง หรือข้าว(เหนียว)ผัดฝีมือคัลแลน ก็มาจากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ลองผิดลองถูก ก็อร่อยสนุกไปอีกแบบ (ว่าแต่สรุปข้าวสวยหายไปไหนหว่า ฮ่าา) จากภาพของหนุ่มๆ เกาหลีที่ตอนแรกยังเก้ๆ กังๆ ตามประสาผู้ชายหลายคน ซึ่งไม่ได้เข้าครัว ทำงานบ้าน (แอดก็เป็นครับ) พอได้ฝึกทำบ่อยๆ ก็สบาย กลายเป็นแต่ละคนมีเมนูเด็ดของตัวเอง คัลแลนเด่นผัดกะเพรา พี่จองถนัดส้มตำ แดนก็ได้ลองทำไปด้วยเช่นกัน
บางวันก็ไปกับวิชาดนตรี สวมวิญญาณนักร้องนักเต้น โทนป๊ะโทนโทน! บ้างก็มนต์รักสีดำ,,, ทุกทีก็ไม่รู้ว่าจูดี้ร้องเพลงอะไรหรอก แต่คัลแลน แดน โดยเฉพาะพี่จองก็พร้อมจะร้องและเต้นตาม ร้องถูกบ้างผิดบ้าง ก็เฮฮากัน น่ารักจริงๆ หรือจูดี้ไม่ได้มาด้วย พวกเขาก็ยังมีดนตรีในหัวใจ บ้างก็หยุดๆ ชีวิต หยุดกับคนดี๊ บางทีก็ทรงอย่างแบด แซดอย่างบ่อย
หรือล่าสุดใน IG Story เคอร์บี้ที่โพสต์พี่จองร้องเพลง “เธอออ เธอยังคิดถึงฉันมั้ย? เมื่อสองเรานั้นยังคงห่างไกล เมื่อเวลาพาเราให้ไกลกัน” ของพี่ๆ Cocktail คือไม่ว่าจะไปเที่ยวหรือตอนช่วงใช้ชีวิตปกติ ทุกคนยังคงความเป็นตัวเอง หน้ากล้องคิดดี พูดดี ทำดียังไง หลังกล้องก็เป็นแบบนั้น สุขนิยมกันของแทร่
ท่อนที่ 4:
“Yeah we will never be lonely
You are my one and only
Love burning up like a fire
Let it take us higher
As long as we're together gether gether
As long as we're together
เย้! บอกเลยว่าเราจะไม่มีทางเดียวดาย
พวกคุณคือหนึ่งเดียวเท่านั้นในใจ
มิตรภาพความรักนั้นร้อนแรงดั่งเปลวไฟ
ที่ลุกโชติช่วงนำพาเราก้าวไปได้ไกลกว่าเดิม
ตราบใดที่เราอยู่ด้วยกัน ด้วยกัน ด้วยกัน
ตราบใดที่เราอยู่ด้วยกัน!”
ความหมาย:
ชีวิตที่มีเพื่อนดีๆ รายล้อมย่อมไม่ทำให้เหงา เมื่อทั้งเราและพวกเขาต่างเป็นคนสำคัญที่หาได้ยากของกันและกัน เป็นเพื่อนที่ต้องให้มีเงินล้านไม่อั้นก็ไม่อยากเอาไปแลกใดๆ เหมือนประโยคคลาสสิกที่ว่า “ไปด้วยกัน ไปด้วยไกล” เพื่อนที่ดีจะพาให้เราพัฒนาไปด้วยกันได้ยาวๆ อย่างช่อง “컬렌 Cullen HateBerry” หรือคัลแลนคนเดียวก็คงไม่อาจมีวันนี้ หากไม่มี “เคอร์บี้” เพื่อนรักที่เป็นดั่งลมใต้ปีก
หาจุดเปลี่ยนที่แตกต่างให้กับช่อง ด้วยความที่เขาเคยดู Youtuber ชาวต่างชาติมาเที่ยวเกาหลี แล้วรู้สึกว่าตัวเองในฐานะเจ้าบ้านกลับไม่เคยเจอที่ที่สวยงามแบบนั้นมาก่อน และไม่เคยสัมผัสมุมคนนอกเลยว่าเขามองบ้านเมืองเรายังไงต่อ เลยนำไอเดียตั้งต้นนี้มารวมกับสไตล์น่ารักๆ Easy Going และชอบคิดบวกของคัลแลน ให้คนไทยได้เห็นที่สวยๆ ที่ไม่เคยเจอในบ้าน ผ่านมุมมองโอปากันดู ระหว่างทางก็จะคอยเป็นกระดูกสันหลังให้กับทีม สกรีนงานทั้งหมด ตั้งแต่ต้นจนถึงปลายน้ำ ทั้งงานช่องและงานลูกค้าที่ติดต่อมา
เคอร์บี้จะคอยชี้นำและแนะแนวทางให้เสมอ ถ้าเราไปผิดประเด็น เขาก็จะจริงจัง เราเลยพูดแบบนั้น (ว่าเคอร์บี้จะโมโห) แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน เขาอบอุ่นและใจดีมาก เทคแคร์ คนดีมาก
พี่จอง
“เคอร์บี้เป็นคนสำคัญสุดในทีม เป็นผู้นำ คิดแล้วคอมเม้นต์กับทีมหน้างาน เป็นทุกอย่างให้ทีม งานอะไรดีไม่ดี เหมาะไม่เหมาะ จะเลือกให้ทีม”
คัลแลน
แสดงให้เห็นว่าการมีมิตรแท้คอยซัพพอร์ตดูแลกัน ดึงจุดเด่นของเราให้ดีกว่าเดิม เสริมจุดอ่อนให้แกร่งขึ้นมา กล้าที่จะแข็ง พร้อมที่จะเตือนเวลาเราหลงทาง พร้อมเป็นทุกอย่างเมื่อเราต้องการ นับเป็นโชคดีที่สุดอย่างหนึ่งของการได้มีชีวิตเลยจริงๆ ตรงกับท่อน “Love burning up like a fire. Let it take us higher” พอดิบพอดี มิตรภาพที่ว่านี้ได้นำพาทุกคนในทีมให้เติบโตพัฒนาไปด้วยกัน ปังๆ!
ท่อนที่ 4:
“It feels like I'm in heaven
Yeah I'm so mesmerized
Cause I can see forever when I look into your eyes
Willingly imprisoned a slave and I don't care
รู้สึกราวกับล่องลอยอยู่บนสรวงสรรค์
เป็นความหลงไหลนับร้อยพัน
เมื่อฉันมองเข้าไปในตาเธอ
ก็ได้พบเจอแต่ความเป็นนิรันดร์ข้างใน
จนอยากจะอยู่ตรงนั้นต่อไป
อาจเหมือนทาสที่เต็มใจถูกจองจำ
แต่ช่างมัน ฉันไม่สนใจ”
ความหมาย:
ลองนึกภาพถ้าเราได้มีเวลาไปใช้ชีวิตท่องเที่ยวได้เต็มที่ พร้อมกับเหล่าเพื่อนฝูงที่รู้ใจ มันคงรู้สึกใจฟูเป็นไหนๆ เหมือนสวรรค์บนดินที่อยากหยุดเวลาไว้นานๆ ไม่ไปไหนเลย ซึ่งในชีวิตจริงมักจะมีไม่กี่คนหรอกที่จะทำให้เรามองเขาแล้วรู้สึกเห็นอนาคตระยะยาวไปด้วยกัน อยากจะใช้เวลากันไปอย่างนี้นานๆ ใครจะว่าเราติดเพื่อน ติดการท่องเที่ยวก็ไม่เป็นไร เพราะช่วงเวลาเหล่านี้แหละที่ทำให้ชีวิตได้เติบโตขึ้น อยากบอกว่าจริงๆ มันดีมากเลย “ยอดเย่ม!” (เสียงพี่จอง)
ท่อนที่ 5:
“Addicted to your essence
Everywhere I go you're there:
ติดใจในความเป็นเธอ(พวกเรา)
ทุกที่ที่ได้ไปพบเจอ
เธอก็จะอยู่เคียงกันเสมอเลย”
ความหมาย:
แม้คัลแลนจะเคยไปเที่ยวคนเดียวมาหลายทริปก่อนหน้านี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า พอเขาได้มีพี่จองและผองเพื่อนไปด้วย บรรยากาศรอบๆ ก็ครื้นเครงขึ้นมา เอเนอจี้ก็พุ่งพรวด มันสนุกสุด มีคนโบ๊ะบ๊ะให้เล่นมุข ให้แกงเล่น มีคนให้โชว์ความทะเล้น
วิ่ง เล่น โดด พุ่งกอดธรรมชาติกันไปทุกที่
ไม่ว่าขึ้นเขาหรือลงทะเล เส้นทางจะสูงชัน เคี้ยวคด ลดเลี้ยว หรือไม่เป็นไปตามแผนยังไง แค่หันไปแล้วพบว่ายังมีเพื่อนร่วมทาง แค่นั้นก็อุ่นใจ จำได้ในทริปคัลแลนลุยเดี่ยวเที่ยวหมู่บ้านอีต่อง จ.กาญจนบุรี เขาก็คิดถึงพี่ชาย Video Call หาพี่จอง จริงๆ น่าเอ็นดูเหลือเกิน
ท่อนฮุค:
“I remember that you told me
When we're grey and old
We'll still be young and free
As long as we're together
ยังจำได้ดีที่เธอเคยบอกกัน
แม้ถึงวันที่เราแก่หง่อมผมหงอก
ก็บอกได้ว่าใจยังคงเด็ก โลดแล่นเป็นอิสระ
ตราบใดที่เรายังอยู่ด้วยกันยังไงล่ะ”
“Every second is a blessing
When I'm in your presence
We'll be young and free as long as we're together
ทุกวินาทีคือพรอันล้ำค่า
เมื่อเราใช้เวลาอยู่ตรงนี้ด้วยกัน
เป็นเด็กหนุ่มสนุกสดใสสุดๆ
ตราบใดที่เราอยู่ด้วยกัน”
“Yeah we will never be lonely
You are my one and only
Love burning up like a fire
Let it take us higher
As long as we're together gether gether
As long as we're together
As long as we're together gether gether
As long as we're together
เราจะไม่มีวันเดียวดาย
พวกคุณคือหนึ่งเดียวเคียงกาย
เป็นเปลวไฟแห่งมิตรภาพ
ที่จะนำพาเราไปได้ไกล
ตราบใดที่เรานั้นอยู่ด้วยกัน ด้วยกัน ด้วยกัน
ตราบใดที่เรานั้นอยู่ด้วยกัน!”
ความหมาย:
ด้วยความที่ท่อนฮุคเดียวกัน อย่างที่เขียนความหมายไว้ด้านบน ผมเลยขอสรุปเรื่องราวในภาพรวมว่าบทเพลงนี้ คือสิ่งที่สื่อแทนความหมายของทีม “HateBerry” อย่างแท้จริง ทั้งทีมหน้างานและทีมหลังบ้านที่คอยประสาน พูดคุย แชร์ฟีดแบ็คกันตลอดเวลาชนิดที่ไม่อาจขาดใครไปได้เลยสักคน
ตั้งแต่ “แม่จูดี้” ที่คอยดูแลสามหนุ่ม คอยเป็นคนคุ้มกัน เวลาแฟนคลับเข้าหาแบบผิดคิว กำลังถ่ายทำอยู่ เธอก็จะช่วยเจรจาให้ เสร็จงานถ่ายได้เต็มที่ ระหว่างไปเที่ยวกันก็จะอาศัยความเป็นเด็ก ตจว. (คนพิษณุโลก) ที่มีทั้งจริตจก้านและความอัธยาศัยดี เป็นทัพหน้าพาไปเข้าหาลุงป้าน้าอา พี่ๆ ในพื้นที่ พาสัมผัสความเป็นท้องถิ่น กิน นอนกันแบบพื้นบ้าน
ทำกิจกรรมที่หาได้ยากในตัวเมืองอย่างการทำข้าวหลามที่ดูแล้วไม่ง่าย แต่พอทำได้ก็ภูมิใจ เป็นรสชาติที่อร่อยกว่าเดิม เพราะทำเองทุกขั้นตอน
นอกจากนี้เธอมักจะเป็นตัวตั้งตัวตีในการคิดเกมเล่นกันสนุกๆ เสมือนได้ Ice Breaking กันแทบจะตลอดเวลา ตรงนี้ยิ่งทำให้ทีมกลมเกลียวกว่าเดิม ทริปไหนที่มีเธอไปด้วย จะช่วยเพิ่มดีกรีความฮาขึ้นไปอีกหลายเท่า
ยิ่งเวลาพวกคัลแลนแอบกระซิบกระซาบเม้ามอย ก็จะได้ยินเสียงดัง “อะไร!? พูดว่าอะไรนะ?” ก่อนจะยิ้มติดตลกกลับไปว่าอ๋อ...สวยมากก55+ อ๋อ มะช่ายยย จูดี้สวยกว่า หน้าเล็กกก (อ่อ แล้วไป) ดูทีไรก็ขำก๊ากทุกที เป็นคนที่พวกเขาเคารพนับถือเป็นทั้งแม่ ทั้งพี่สาว และครูผู้คอยสอนวิชาชีวิตให้พวกเขาได้หลายอย่าง ตลอดเวลาร่วมทางก็จะเล่นสนุกแบบสนิทใจ พร้อมให้เกียรติเหมือนหญิงสาวคนหนึ่ง จะไปปลุกตอนเช้าทีก็จะเรียกให้รู้ก่อนและรอให้แต่งตัวเสร็จ หรืออีกหลายโมเม้นต์ที่สื่อให้เห็นว่าทุกคนรักเธอ ซึ้งใจที่มีเธอคอยดูแล
"จริงๆ จูดี้ไม่เก่งหรอก แต่อยู่กับพี่จอง คัลแลนแล้วมั่นใจ อยากให้ทั้งสองคนมีความสุข ให้รู้สึกจูดี้ทำได้ ดูแลทั้งสองได้ ตื้นตั้น ดีใจ ภูมิใจ การันตี 1 เรื่องว่าคัลแลน พี่จอง และทีมงานเป็นคนน่ารักแบบนี้จริงๆ มีเจตนาและความคิดที่จะมอบความสุขให้ทุกคนแบบนี้จริงๆ
จูดี้
ตามด้วย “คุณมาญ่า” ผจก. ประจำตัวพวกคัลแลน นับเป็นบุคคลสำคัญที่คอยติดต่อ ประสานงาน ดูแลความเรียบร้อยต่างๆ เวลาไปออกอีเว้นต์ท่ามกลางผู้คนมากมายรายล้อม
อยากจะบอกว่ามาญ่าดีใจที่ได้ร่วมงานกับน้องค่ะ น้องเป็นคนดีทั้งภายนอกและภายในจิตใจ ยินดีที่ได้ร่วมงานกับทั้งทีม ทุกคนรักกันมากๆ ดูแลกันเหมือนพี่น้อง มีความสัมพันธ์ที่น่ารักจริง เป็นเกียรติมากๆ ที่ได้ร่วมทีม และอยากให้รักพวกเราไม่ต้องเยอะ แต่อยู่กันไปนานๆ ค่ะ
คุณมาญ่า
มาถึงลมใต้ปีกของทีมอีกคนอย่าง “อิง” ตัดต่อสาวสวยหวานสุดแกร่ง เธอคนนี้คือแรงสนับสนุนอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ใช่แค่การตัดคลิปให้ทันออนแอร์แต่ละอาทิตย์ ตั้งแต่การคัดฟุตเทจมากมาย แล้วเลือกจุดที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับช่องและคนดู คอยสกรีนทุกรายละเอียดระหว่างทาง สแกนภาษาไทยว่าโอเคมั้ย สแกนว่าจะมีอะไรเสี่ยงดราม่ารึเปล่า? ตัดทีก็กลับมาดูหลายรอบให้แน่ใจที่สุด ท่อนไหนฟังไม่รู้เรื่องก็ตัดออกเลย พร้อมกับเลือกดนตรีเพลงที่เข้ากับโมเม้นต์นั้นๆ มากที่สุด
รวมถึงซับภาษาไทยที่ใส่กิมมิคและความใส่ใจมาอย่างดี กิมมิคคือเวลาพวกคัลแลนพูดคำไหนผิดเสียง ผิดตัวสะกด บางทีเธอก็ใส่ตามนั้นให้ดูเรียลๆ เห็นเป็นความน่ารักของชาวต่างชาติที่ฝึกภาษาเรา อย่างตอนล่าสุดจะเจอแดนพูดคำว่า “ทุเรียนทอดกอด” รวมถึงคำต่างๆ ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่ง Signature ของช่องที่แปลกแตกต่างดีเลย แต่คำไหนที่พูดผิดความหมายไปเลยหรือฟังยากจริงๆ ก็จะมีคำที่ถูกวงเล็บต่อท้ายไว้ให้ ไม่ก็แก้ไขคำนั้นไปเลย เช่น พี่เต๋ (พี่ตี๋)
ถึงจะทำงานเป็นด่านสุดท้ายผู้แบกคอนเท้นต์ทีมไว้ นอนน้อย จนใครๆ ต่างพากันเป็นห่วงสุขภาพ เชียร์ให้จ้างคนมาช่วย แต่เธอยังคงยืนยันขอทำเองหมด มองว่าเป็นงานที่สนุก ทำด้วยใจรัก ถ้าไม่รักจริงๆ อาจจะทำไม่ได้ เวลาตัดไปก็ยิ้มและหัวเราะตามไปกับพวกคัลแลนด้วย ความสุขเลยส่งผ่านคลิปออกมาได้เป็นหนึ่งเดียวกัน
ในทีมพวกเรา อิงเป็นคนที่ทำงานหนักมากๆ และน่าจะเครียดจากผมที่สุด ดังนั้นช่วยให้ความรักกับอิงเยอะๆ ด้วยนะครับ
เคอร์บี้
“ขอบคุณที่เกิดอิงแบบนี้ ขอบคุณที่อิงออกมา เพราะอิงช่วยเราเยอะมาก ทำงานกับอิงสนุกนะ อิงดีมีความสุข สนุกๆ หัวเราะคนเดียวง่าย" -
พี่จอง คัลแลน
อยากขอบคุณที่ชื่นชอบ Video และติดตามผลงานพวกเรา จะตั้งใจทำคลิปต่อไปให้ดีขึ้นกว่านี้ หวังว่าจะสนับสนุนกันต่อไปนะคะ
อิง
“เคอร์บี้” อย่างที่เขียนไว้ข้างต้นว่าเขาสำคัญต่อทีมขนาดไหน ยังไงบ้าง ในความจริงจังของเขา ก็มาจากความรักความใส่ใจรายละเอียดต่างๆ อย่างแรกคือใส่ใจอยากให้งานออกมาดี สองคือใส่ใจทีมทั้งฝ่ายเบื้องหน้าและเบื้องหลัง อย่างการมองว่าจะมีตัดต่อกี่คน รอบการอัพโหลดคลิปก็เท่าเดิม (5-7 วัน อย่างช้า 8 วัน)
เพราะไม่อยากให้หนักและกดดันทีมหน้างานเกินไป มองว่าไม่ง่ายที่จะทำถี่ๆ กลับมาอัพแล้วไปอีก สิ่งสำคัญสุดก่อนเตรียมไปถ่ายคือ ต้องจริงใจ สุข สนุก ถ้าเร็วจะไม่สนุก คอนเท้นต์ก็ไม่สนุก ขณะเดียวกันก็เป็นห่วงสุขภาพอิง มีการพูดคุย ถามไถ่กันบ่อย ก่อนที่เธอจะขอทำเองต่อ
สามคือความใส่ใจคนดูทุกคน ที่แม้จะมีฟีดแบ็คมาว่าใช้โดรนถ่ายสวยๆ อลังการได้มั้ย? หรือติดไมค์ให้ทีมหน้างานหน่อย ไม่ค่อยได้ยินเสียง ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าอัพเกรดได้ แต่อยากให้คนดูรู้สึกเหมือนไปเที่ยวกับพวกคัลแลนจริงๆ ให้ทุกอย่างมันเป็นธรรมชาติ Production สำคัญแน่ แต่ก็ต้องคำนึงถึง “User Experience” ด้วย ถ้าวิ่ง-กระโดดกล้องก็สั่นตาม ที่ไหนเสียงดังก็ได้ยินไปด้วยกัน
เรื่องการรับสปอนเซอร์จากลูกค้าก็ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี ไม่มีการนำสินค้าที่ไม่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ทีมเข้ามา ไม่งั้นเขาเองในฐานะผู้ดูแลทีมจะไม่สบายใจเอามากๆ เพราะห่วงว่าจะมารบกวนการรับชมของคนดู อย่างร้านอาหาร ถ้าต้องเตี๊ยมกันก่อนไปกินมันแล้วต้องเตรียมพูดว่าอร่อย มันก็ขัดกับธรรมชาติของช่องที่เน้นความเรียล สนุก จริงใจ
ดังนั้นลูกค้าที่เข้ามาจึงตรงกับ Brand Identity ของคัลแลนและเพื่อนๆ อย่างไปเที่ยวบ่อยก็ต้องใช้ครีมกันแดด (ยิ่งแดดเมืองไทยที่เดือดจัดๆ) ความเป็นคนรักสัตว์ที่มักจะเตรียมขนมเผื่อไว้ให้น้องหมาน้องแมวในทุกที่ๆ เดินทางไป น้องๆ ที่ไหนก็อยากเข้าใกล้ เพราะสัมผัสพลังบวกจากนุดกลุ่มนี้ได้ ก็มีสปอนเซอร์เข้ามาเรียร้อย พูดออกช่องได้อย่างสบายใจ
ทั้งอาหารน้องแมว Me-Oและอาหารน้องหมา JerHigh JerHigh JerHigh More! ติดหูเลย >< ใดๆ จะว่าไปสปอน “มิโซ:MISO เอ้ย! M-150” ต้องเข้าละนะครับ ฮ่าา (และแล้วก็เข้าจริงๆ 13 พ.ค. นี้ ได้เห็นกันอย่างเป็นทางการ ขอบคุณที่เอ็นดูหนุ่มๆ นะครับ)
เพลง “As Long As We're Together” ที่เขียนขึ้นมา คำว่า “We” ในที่นี้จึงไม่ได้หมายถึงทีม HateBerry ซะทีเดียว หากแต่รวมถึงด้อมใจฟูและคนดูทุกคนที่คอยให้การสนับสนุนพวกเขาเสมอมา ทางข้างหน้าจะเป็นยังไงไม่สำคัญ ตราบใดที่เรานั้นยังอยู่เคียงกันไปนั่นเอง
และสุดท้ายคือตัวตนความน่ารักสดใสของ “พี่จอง-คัลแลน” ที่คิดดี พูดดี ทำดีอยู่เสมอ พบเจอใครที่ไหนก็ยิ้ม อ่อนน้อม ถ่อมตนยกมือไหว้ พร้อมจะเป็นผู้ให้ แบ่งปันแก่คนรอบข้าง ไม่ว่าจะเพิ่งรู้จักหรือเจอกันระหว่างทาง ขนมนมเนย น้ำ หรือการแสดงน้ำใจไมตรี ไม่เคยขาดไปจากพวกเขาเลย เวลาใครให้อะไรดีๆ บอกทาง หรือทีมงานที่พัก ผู้ให้บริการท่องเที่ยว จัดกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยให้ทริปลุล่วง สนุกกันจนสุด ก่อนกลับ 2 หนุ่มก็ไม่เคยลืมที่จะขอบคุณทุกคนเลย
และการเป็นคนมองบวกแบบนี้นี่แหละที่ทำให้โลกยิ้มรับกลับ มีตอนหนึ่งพี่จองขับรถแล้วบอกอยากกินข้าวหลาม ก็ได้เจอข้าวหลามระหว่างทางเฉยเลย ตรงนี้ผมเชื่อว่ากฎแห่งแรงดึงดูดมีจริง You are what you think เราคิดแบบไหน ก็จะนำพาสิ่งนั้นเข้ามา รวมทั้งคนแบบเดียวกันก็จะถูกนำพาเข้าหากัน แบบที่พวกเขาและทีมได้มาเป็นหนึ่งเดียว
อย่างเวลาคัลแลนจะพูดติดตลกบางอย่างที่ดูเป็นลางไม่ดี พี่จองก็จะรีบบอกว่า “ไม่อาววว ไม่พูดแบบนี้55+” เป็นพี่ชายคนโตที่อบอุ่น เฮฮา แค่เห็นหน้าก็ยิ้มตามแล้ว ขนาดเป็นผู้ชายด้วยกัน คือผมชอบผู้หญิงนะ แต่ก็ยังรู้สึกว่าเขาน่ารักมากๆ ไม่ใช่เพราะหน้าตา แต่ด้วยตัวตนที่พาให้โลกสดใส ถ้ามีโอกาสเจอเมื่อไหร่อยากจะจับมือขอบคุณจริงๆ (คัลแลนด้วยเช่นกัน)
นอกจากจะดูแลกันเองแล้ว ทั้งคู่ก็ยังคอยดูแลแดน ด้วยความที่น้องเป็นคนขี้อาย ก็จะพยายามเปิดพื้นที่ให้ได้พูดออกกล้อง ฝึกความกล้าแสดงออกมากขึ้น อย่างในทริปสงกรานต์อยุธยา ตอนท้ายคลิปที่มาพูดความรู้สึกกัน โดยเน้นในมุมวันเกิดน้อง ขณะที่กำลังตื่นเต้นพูดไม่ออก พี่จองก็สะกิดให้ขอบคุณคนดูด้วยนะ เป็นรายละเอียดเล็กน้อยที่ยิ่งใหญ่ ในความเป็นทีมที่ส่งถึงกันมาตลอด (ใดๆ ยินดีกับแดนด้วยนะครับ ได้เป็นอินฟลูท่านหนึ่งแล้ว ออกงานรอบสื่อหนังด้วย)
หรือเวลาออกเดินทาง ทีมหน้างานและเบื้องหลังไม่ได้อยู่ด้วยกัน ความเป็นทีมของพวกเขาก็ยังเหนียวแน่นไม่เปลี่ยนแปลง สังเกตไม่ว่าพวกคัลแลนไปไหนยังไง พอเห็นของฝากน่ารักๆ ก็จะคิดถึงจูดี้ (เวลาที่แม่ไม่ได้ไป) ซื้อตุ๊กตา ชา ผ้าถุง วิตามิน และเก็บสแตมป์เซเว่นมาฝากอิง ไปไหนทำอะไรก็จะนึกถึงเพื่อนๆ หลังบ้านเสมอมา อันนี้ให้จูดี้ อันนี้ฝากอิงกะเคอร์บี้ แม้แต่ผลไม้ที่เก็บได้ก็อยากให้
หรือแม้แต่เวลาที่พวกเขาชอบพูดติดปากว่าเดี๋ยวเคอร์บี้จะโมโห มองมุมทั่วไปคือการเล่นแซวกันขำๆ แต่อีกมุมคือการแสดงความนึกถึง ใส่ใจกันเสมอ เพราะรู้ว่าถ้าทำแบบนี้แล้วเพื่อนจะไม่ชอบ แล้วงานแบบไหนถึงจะตรงใจได้มาตรฐานเพื่อน เพื่อให้คนดูได้รับสิ่งที่ดีที่สุด พอถึงเวลาต้องพูดขอบคุณก็ไม่เคยลืมที่จะให้เครดิตเคอร์บี้และทุกคนในทีมที่สร้างแรงส่งให้พวกเขามาถึงวันนี้ได้
สำหรับผม การได้ไปเที่ยวกับพี่ๆ ทำให้รู้สึกสนุกและผ่อนคลายทุกครั้งครับ อยากขอบคุณทุกคนที่ดูช่องของเรา อยากไปเที่ยวกับพวกพี่อีกบ่อยๆ ครับ จะพยายามไปด้วยบ่อยๆ
แดน
เมื่อก่อนไม่เคยคิดจะดังแบบนี้ เป็นคนปกติ ขี้อาย แต่การไปเที่ยวด้วยกัน ได้ดูวิวดีๆ บ่อยๆ แล้วมันมีความสุขที่สุด และการได้ให้ความสุขกับคนอื่น ผมก็มีความสุขด้วย จริงๆ พอใจชีวิตช่วงนี้ เจอคนดี คัลแลน จูดี้ และทุกคน
พี่จอง
จริงๆ มีความสุข เพราะคัลแลนไม่เคยคิดว่าเราจะมีผู้ติดตามเยอะถึง 2 ล้านซับแบบนี้ ขอบคุณทุกคนมากครับ ถ้าไม่มีทุกคน เราอยู่ที่นี่ไม่ได้จริงๆ อยากโฟกัสทั้งงานช่อง Youtube และเพลงให้ดีไปด้วยกัน
คัลแลน
ความสดใสเฮฮามองบวกของ “คัลแลน พี่จอง แดน”
ความเป็นแม่และครูผู้แข็งแกร่งจาก “จูดี้”
ความเป็นพี่ ผจก. ของคุณ “มาญ่า”
ความรักในงานอย่างลึกซึ้งของ “อิง”
และความเอาจริงเอาจัง+ความใส่ใจของ “เคอร์บี้”
ทุกอย่างเหล่านี้คือสิ่งที่หลวมรวมให้ทีม
ได้เติบโตมาด้วยกันเป็นหนึ่ง
เสริมจุดแกร่ง กลบจุดอ่อน
จับมือพากันไปอย่างดีที่สุดเลย
อยากขอบคุณทีม #HateBerry จากใจ
ที่เข้ามาทำให้คนดูตัวเล็กๆ คนนี้
และใครอีกหลายๆ คน
ได้มีพลังบวก มีแรงบันดาลใจอันเปี่ยมล้น
ส่งต่อเป็นใจบันดาลแรงฮึดสู้ต่อไปแบบนี้
อยากจะคิดดี พูดดี ทำดี
มีเวลาก็อยากจะออกไป
ใช้ชีวิตให้เต็มที่กว่าเดิม
ขอเป็นกำลังใจให้
ทำผลงานดีๆ ออกมาให้ทุกคน
ได้รับชมกันต่อไปเรื่อยๆ นะครับ
ตราบใดที่ “เรายังอยู่ด้วยกัน”
แค่นั้นก็มีความสุขมากพอ,,, 🇰🇷🇹🇭
ขอบคุณภาพจาก IG: jung_kt_ /
cullen_hateberry / judy_diaw
โฆษณา