8 พ.ค. เวลา 10:10
เรื่องของ จิตที่เค้าว่า กายวาจาใจ เรื่องการสวดมนต์ เราต้องการให้จิต ..เอาจิตมาสวดมนต์ ไม่ต้องไปกังวลว่าแปลว่า อะไรในขณะที่สวด เราก็ต้องการให้กายวาจาใจเราไม่มีอารมณนึกคิดอะไรเลย ให้จิตอยู่กับคำสวด บางครั้ง ก็รู้ได้ว่า เหมือนเราสวดมนต์ อยู่กับจิตที่กระทบธาตุทั่งสิ่ง หรือ ดินฟ้าอากาศ จิตเสียดสีกับดินฟ้าอากาศ ออกมาเป็นเสียง สวดมนต์ นั่นก็ทำให้จิตอยู่กับการสวดมนต์ ไม่รู้สึกว่ามีตัวตน หากมัวว่าแปลว่าอะไร มันก็ยึดอยู่กับกายสังขาร
เราสวดไปเราก็จะรู้จักคำว่า เอาจิตมาสวดมนต์ มันมีอะไรเกิดขึ้น แตกต่างจากการที่เรามีอารมณ์นึกคิดมาสวดมนต์ มันมีความแตกต่างกันมาก ..การเอาจิตมาสวดมนต์ เราจะได้เรียนรู้อะไรตั้งหลายอย่าง หากเราอยากจะรู้คำแปลเราก็มีเวลาที่หาดผผุดหาอ่านเอาได้ ..อต่เวลาสวดมนต์ เราต้องการให้กายวาจาใจเรามาเป็นหนึ่งเดียว ..เหมือนเป็นจิตดวงเดียว มีเพียงจิตที่กำลังสวดมนต์ มีสติในการสวด รับรู้ เรื่องราวต่างระหว่างสวด แต่จิตก็เฉย ปล่ิอยวาง ไม่ยึดถืออะไร
เหมือนนั่ง อยู่ในรถ ไม่เอาสติไปอยู่ที่สิงข้างทาง มีสติสัมปชัญญะในการสวดมนต์ ควบคุม รถไปตามเส้นทาง เหมือนทางรถไฟ วิางไปตามราง ไม่ไปแวะจอด ขับไปจนถึงปลายทางคือ จบการสวดมนต์ ..นั้นก็คือ การเอาจิตมาสวดมนต์ ..อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่า ทำแล้วได้อะไร มันได้สติที่จะรู้จักเท่าทันอารมณ์ ละอารมณ์ ..เป็นสติของจิตเกิดขึ้น
โฆษณา