9 พ.ค. เวลา 07:15 • กีฬา

เอฟเวอร์ตัน 2023-24 : การเดินทางฝ่าภัยพิบัติที่ "เกือบหลับแต่กลับมาได้"

ฤดูกาล 2023-24 "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน ต้องเผชิญกับฤดูกาลที่แสนยากลำบาก เนื่องจาก พวกเขาถูกพรีเมียร์ลีก "ตัดแต้ม" ถึงสองครั้งติดต่อกัน ภายในระยะเวลาหนึ่งฤดูกาล ด้วยข้อหาละเมิดการทำผิดกฎทางการเงิน ของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (PSR)
เรื่องดังกล่าวส่งผลให้ เอฟเวอร์ตัน กลายเป็นหนึ่งในทีมเต็งที่หลายคนมองว่า มีโอกาสตกชั้นลงไปเล่นในศึกฟุตบอล แชมเปี้ยนชิพ ในฤดูกาล 2024-25
แต่อย่างไรก็ตาม ต้องชื่นชมในหัวใจความเป็นนักสู้ของทุกคนภายในทีมที่ช่วยกันเล่นอย่างเต็มที่ในทุกเกมส์การแข่งขันที่ลงสนาม จนเป็นที่มาให้รอดตกชั้นได้ในท้ายที่สุด
ร่วมติดตามเรื่องราวไปพร้อมกันได้ที่ Main Stand
ถูกกฎ PSR เล่นงาน
อย่างที่ทราบกันดีว่า ในช่วงระยะเวลา 4-5 ปีหลังที่ผ่านมา เอฟเวอร์ตัน ผลงานค่อนข้าง "ตก" ลงไปอย่างมากจากในอดีต กลายเป็นทีมที่ต้องดิ้นรนหนีการตกชั้น ไม่เหมือนกับในสมัยที่เป็นหนึ่งในทีมที่จองสัมปทานโควต้าฟุตบอลยุโรปมาโดยตลอด
ปัญหาหลักที่ทำให้พวกเขามีมาตรฐานที่ต่ำลงไป นั่นคือปัญหาทางด้านงบประมาณของทีม ที่มีให้ใช้อย่างจำกัด ส่งผลให้ช่วง 5 ปีหลังที่ผ่านมาจะเห็นได้อยู่ตลอดว่า เอฟเวอร์ตัน มักจะต้องขายนักเตะตัวหลักออกไปจากทีม เพื่อนำเงินดังกล่าวมาใช้จ่ายภายในสโมสร
แม้ว่าจะมีการปล่อยตัวนักเตะออกจากทีมไปหลายต่อหลายคน และได้เม็ดเงินจำนวนมหาศาล เข้ามาสู่ทีม แต่ตัวเลขผลประกอบการในช่วง 3 ปีหลังของทีม ยังอยู่ในเกณฑ์ขาดทุน อยู่ค่อนข้างมาก ซึ่งตัวเลขที่ทางสโมสรขาดทุนมีอยู่มากถึง 372 ล้านปอนด์
ตัวเลขดังกล่าวเป็นที่มาทำให้ เอฟเวอร์ตัน เข้าข่ายข้อหาในการทำผิดกฎทางการเงินของศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ที่มีชื่อว่า Profit And Sustainability Rules (PSR) ที่ว่าด้วยเรื่องของการบริหารจัดการสถานะทางการเงินของสโมสรให้มั่นคง
โดยตัวเลขผลประกอบการที่ทางพรีเมียร์ลีกระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่า หากสโมสรที่มีผลประกอบการลงทุนขาดทุนมากกว่า 105 ล้านปอนด์ ภายใน 3 ปีหลัง จะถูกพิจารณาลงโทษ "ตัดแต้ม" เป็นจำนวน 10 คะแนน
เป็นที่มาทำให้ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2023 คณะกรรมการฟุตบอลอิสระ ที่แต่งตั้งโดย พรีเมียร์ลีก มีมติลงโทษ "ตัดแต้ม" สโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน เป็นจำนวน 10 คะแนน ข้อหาละเมิดกฎการเงิน ว่าด้วยเรื่องการบริหารจัดการสถานะทางการเงินของสโมสรให้มั่นคง
จากการโดนตัดแต้มในครั้งนี้ ส่งผลให้ เอฟเวอร์ตัน ตกไปอยู่ในอันดับรองสุดท้ายของตารางประจำพรีเมียร์ลีก เหลือเพียง 4 คะแนนเท่านั้น จากเดิมทีที่เก็บไปแล้ว 14 คะแนน จากการลงสนาม 12 นัด
หลังถูกตัด 10 คะแนน หนึ่งเหตุผลที่ทาง ฟาอัด โมชิรี ประธานสโมสร เอฟเวอร์ตัน พยายามไกล่เกลี่ย นั่นคือ ในช่วงเวลาดังกล่าว ทางสโมสรกำลังพิจารณาขายหุ้นส่วนจำนวน 94 เปอร์เซ็นต์ของสโมสร ให้กับ 777 Partners กลุ่มทุนสัญชาติอเมริกันที่จะเข้ามาเทคโอเวอร์ และคาดว่าการซื้อขายจะเสร็จสิ้นในช่วงสิ้นเดือนธันวาคม 2023
แต่ข้อไกล่เกลี่ยที่ทาง ฟาอัด โมชิรี พยายามนำมาชี้แจง ไม่เป็นผลแต่อย่างใด
พรีเมียร์ลีก ยังยืนกรานอย่างหนักแน่นว่า สโมสรเอฟเวอร์ตันจะถูกบทลงโทษตัดแต้ม 10 คะแนนตามเดิม เนื่องจากมีความผิดในข้อกล่าวหาจริง
มูฟออนแล้วเดินหน้าลุยกันต่อ
หลังจากที่ เอฟเวอร์ตัน ถูก พรีเมียร์ลีก ตัด 10 คะแนน ฌอน ไดซ์ เฮดโค้ชของทีม ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นดังกล่าว และยังให้คำมั่นสัญญาต่อลูกทีมและแฟนบอล "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ว่าตัวเขาเองจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้สโมสรแห่งนี้อยู่รอดปลอดภัยจากศึกพรีเมียร์ลีกให้ได้
"ผมยอมรับว่าทุกคนภายในสโมสรตกใจเป็นอย่างมาก หลังจากได้ทราบข่าวว่าพวกเราจะถูกตัดแต้มเป็นจำนวน 10 แต้ม ซึ่งมันค่อนข้างส่งผลต่อสภาพจิตใจของใครหลาย ๆ คน ผมคิดว่าพวกเราจะมีวิธีการรับมือได้เร็วมากกว่านี้ ถ้าหากพวกเราได้ทราบข่าวเรื่องการโดนตัดแต้มตั้งแต่ช่วงเปิดฤดูกาล"
"ตัวผมเองได้มีการพูดคุยกับทีมผู้บริหารแล้วเป็นที่เรียบร้อย ต้องมารอดูกันว่า ผลอุทธรณ์ที่เรายื่นไปกับทาง พรีเมียร์ลีก จะเป็นผลดีต่อพวกเราหรือไม่"
"แต่ในวันนี้พวกเราทุกคนภายในสโมสร ต้องทำหน้าที่ให้หนักมากกว่าเดิมหลายเท่า เพื่อให้สโมสรแห่งนี้ยืนหยัดอยู่รอดต่อไปให้ได้ในฤดูกาลนี้ และผมต้องขอขอบคุณกองเชียร์แฟนบอลทุกคนที่คอยอยู่เคียงข้างพวกเราและไม่ทิ้งไปไหน ผมขอให้คำมั่นสัญญาว่า ตราบใดที่ผมยังรับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมสโมสรแห่งนี้ ผมจะไม่มีวันทำให้สโมสร เอฟเวอร์ตัน ตกชั้นอย่างแน่นอน"
ขณะที่ โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน กองหน้าคนสำคัญของทีม ก็ได้ออกมาแสดงความเห็นเช่นกัน
"ผมคิดว่าด้วยสถานการณ์ที่พวกเราต้องเผชิญพบเจอในช่วงนี้ ผมรู้สึกได้ถึงความรักใคร่ปรองดองกันของคนในทีม พวกเราทุกคนมีเป้าหมายเป็นหนึ่งเดียวกันนั่นคือการพาทีมอยู่รอดปลอดภัยต่อไปบนลีกสูงสุด"
"วันแรกที่พวกเราได้ทราบข่าวว่าจะถูกหัก 10 คะแนน พวกเราทุกคนเซ็งกันเป็นอย่างมาก แต่ผมคิดว่าเราไม่ควรจมปักอยู่กับความรู้สึกแบบนั้น เราต้องเดินหน้ากันต่อไป สิ่งที่พวกเรา ทำได้อย่างเดียวคือลงไปทำหน้าที่ในสนามให้ดีที่สุด นำชัยชนะมามอบให้กับเหล่าแฟนบอลและนำคะแนนกลับคืนมาให้กับพวกเราชาวเอฟเวอร์โตเนี่ยน"
ถูกหักคะแนน 2 รอบในฤดูกาลเดียว
หลังจากเจอ "เรื่องร้าย" มาหนักหนาสาหัสมากพอสมควรในฤดูกาลปัจจุบัน ในที่สุดพลพรรค "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ก็ได้รับ "เรื่องดี" เข้ามาบ้างเช่นกัน เนื่องจากในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2024 ทาง พรีเมียร์ลีก ได้พิจารณาลดโทษต่อสโมสร เอฟเวอร์ตัน ให้มีการลดโทษจากเดิมที่ถูกตัดแต้มจำนวน 10 คะแนน ลดเหลือเพียง 6 คะแนน เท่านั้น เพราะว่าผลอุทธรณ์ที่ทางสโมสรได้ยื่นไปต่อสมาคมมีผลสำเร็จ
แต่หลังจากได้รับข่าวดีอยู่ไม่นาน ข่าวร้ายได้กลับมาเยือนอีกครั้ง ในวันที่ 8 เมษายน 2024 พรีเมียร์ลีก มีมติให้ เอฟเวอร์ตัน ถูก "ตัดแต้ม" อีกครั้ง เป็นครั้งที่สองของฤดูกาล
โดยในครั้งนี้ เอฟเวอร์ตัน ถูกตัดเป็นจำนวน 2 คะแนน เนื่องจากถูกพบว่าละเมิดกฎการทำกำไรและความยั่งยืนของพรีเมียร์ลีก (PSR) อีกครั้ง ซึ่งตามเหตุผลเป็นลายลักษณ์อักษร ที่เผยแพร่โดยคณะกรรมการอิสระที่จัดการคดีดังกล่าว พบว่า เอฟเวอร์ตัน ละเมิดการใช้จ่าย เป็นจำนวน 105 ล้านปอนด์ ตลอด 3 ฤดูกาลหลัง เป็นจำนวนเงิน 16.6 ล้านปอนด์
การถูกตัดแต้มในครั้งนี้ทำให้ เอฟเวอร์ตัน กลายเป็นสโมสรแรกในประวัติศาสตร์ในศึก พรีเมียร์ลีก ตั้งแต่มีการก่อตั้งขึ้นมา ที่ถูกตัดแต้มถึงสองครั้งติดต่อกัน ภายในระยะเวลาหนึ่งฤดูกาล
หลังจากทราบข่าว ทางบอร์ดบริหาร เอฟเวอร์ตัน มองว่า พรีเมียร์ลีก กระทำต่อพวกเขา "ไม่เป็นธรรม" เท่าที่ควร เพราะมองว่าช่วงเวลาดังกล่าวกำลังเข้าสู่ช่วงปลายฤดูกาล ควรที่จะพิจารณาการตัดแต้มในครั้งนี้ ยกไปอยู่ในช่วงฤดูกาลหน้าไปเลย
แต่ทาง พรีเมียร์ลีก มองว่าในครั้งนี้ เอฟเวอร์ตัน ทำผิดจริง จึงไม่สามารถเลื่อนข้อกล่าวหาดังกล่าวออกไปได้
จากการถูกตัดคะแนนจำนวนดังกล่าว ส่งผลให้ เอฟเวอร์ตัน ตกจากอันดับ 15 ของตาราง ลงมาอยู่ในอันดับ 17 ของตาราง เหลือคะแนนจาก 29 เพียง 27 คะแนนเท่านั้น และมีคะแนนห่างกับ ลูตัน ทาวน์ ทีมในอันดับ 18 เพียง 2 คะแนน
ตัดแต้มแล้วไง รอดตกชั้นแล้วกัน
แต่ดูเหมือนกับว่าการโดนตัดแต้มในครั้งที่สอง ไม่สะทกสะท้านต่อเหล่าทีมงานสตาฟโค้ชและนักเตะ เอฟเวอร์ตัน แต่อย่างใด พวกเขาทำทุกวิถีทางในสนาม ลงไปเล่นกันอย่างเต็มที่ในทุกเกมการแข่งขัน
และหนึ่งสิ่งที่เปลี่ยนไปหลังจากที่ เอฟเวอร์ตัน ถูกตัดแต้มเป็นครั้งที่สองของฤดูกาล นั่นคือ รูปแบบแผนการเล่นของทีม ที่ทาง ฌอน ไดซ์ ปรับเปลี่ยนแนวทางแตกต่างออกไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด
จากเดิม เอฟเวอร์ตัน มักมีแนวทางสไตล์การเล่นที่เน้นตั้งรับในแดนของตัวเองเป็นส่วนใหญ่ และเมื่อถึงตอนที่ต้องเล่นเป็นฝ่ายรุก จะเน้นออกบอลไปที่ผู้เล่นในตำแหน่งริมเส้น และเปิดบอล เข้ามาเพื่อให้นักเตะที่มีรูปร่างสูงใหญ่ขึ้นโหม่งทำประตู
1
แต่ในช่วงระยะหลัง เอฟเวอร์ตัน กลายเป็นทีมที่เน้นวิ่งเข้ากดดันผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามตั้งแต่แดนบน หรือที่รู้จักกันในแนวทางการเล่นรูปแบบ "เพรสซิ่ง" และมีสไตล์การเล่นเกมรุก ที่แตกต่างออกไปจากเดิม ทั้งการยิงไกลจากแถวสองที่มากขึ้น รวมไปถึง การเล่นฟุตบอลตามพื้น ที่มักจะเห็นได้ค่อนข้างน้อยจาก เอฟเวอร์ตัน ในระยะหลัง
1
ด้วยเหตุนี้เอง ส่งผลให้ผลงานในช่วงเดือนเมษายน หลังจากที่ถูกตัดแต้มเป็นคำรบที่สองของ เอฟเวอร์ตัน พวกเขาเก็บชัยชนะไปได้มากถึง 4 นัด จากการลงสนามไปทั้งหมด 5 นัด ตลอดเดือนเมษายน ส่งผลให้ทัพ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ขึ้นมารั้งในอันดับ 15 ของตาราง เก็บคะแนนไปได้มากถึง 35 คะแนน ซึ่งการันตีในการรอดตกชั้น 100%
หลังจากที่ เอฟเวอร์ตัน รอดพ้นต่อการหนีตกชั้นได้สำเร็จ ฌอน ไดซ์ ถึงกับระเบิดอารมณ์ แสดงความดีใจออกมาอย่างสุดเหวี่ยง หลังเกมที่พวกเขาเปิดบ้านเอาชนะ เบรนท์ฟอร์ด ไปด้วยสกอร์ 1-0
"ผมดีใจจนพูดอะไรไม่ถูกเลยสักอย่าง มันเป็นช่วงเวลาที่น่าภูมิใจเป็นอย่างมาก เราเก็บได้ถึง 12 คะแนน จากการลงสนามทั้งหมด 5 นัดหลังสุด และผมโคตรมีความสุขที่ในปีหน้าเรายังได้โลดแล่นในเวทีพรีเมียร์ลีกต่อไป"
"ขอมอบเครดิตทั้งหมดให้กับนักเตะทุกคนภายในทีมที่ลงไปพร้อมกับความกระหาย ต้องการชัยชนะในทุกนัดที่ลงสนาม ผมบอกกับพวกเขาว่า ผมเชื่อมั่นในตัวของพวกคุณทุกคน ลงไปทำหน้าที่ในสนามให้เต็มที่ ซึ่งผลตอบแทนที่พวกเราทุกคนได้มานั่นคือ ชัยชนะ และรอดจากการตกชั้น มันเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่บ้ามากสำหรับผมเลยตั้งแต่รับหน้าที่การเป็นเฮดโค้ช"
สุดท้ายแล้ว ต้องมารอดูไปพร้อมกันว่า หนึ่งในสโมสรที่โลดแล่นอยู่ในศึก พรีเมียร์ลีก มาอย่างยาวนาน ไม่เคยตกชั้นแม้แต่ครั้งเดียว และอยู่ในลีกสูงสุดยาวนานต่อเนื่องถึง 70 ปี อย่าง เอฟเวอร์ตัน จะยังต้องพบเจอกับสถานการณ์เลวร้าย ถูกตัดแต้มเหมือนกับในฤดูกาลปัจจุบันอีกหรือไม่
แต่หนึ่งสิ่งที่พวกเขาควรได้รับการยกย่องนั่นคือ การไม่ยอมแพ้ที่ต่อให้ต้องเจอกับสถานการณ์ ถูกตัดแต้มถึงสองครั้งสองคราว ก็ยังสามารถกอบกู้สถานการณ์ภายในทีม เป็นหนึ่งเดียวกัน ต่อสู้จนได้ผลลัพธ์ที่ทุกคนในทีมต้องการนั่นคือ การอยู่รอดปลอดภัย
และเชื่อว่าเรื่องราวดังกล่าวในฤดูกาล 2023-24 ของ เอฟเวอร์ตัน คงอยู่ในความทรงจำของเหล่ากองเชียร์ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ไปอีกนานแสนนาน
บทความโดย วิสุทธา วงค์หน่อแก้ว
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา