16 พ.ค. เวลา 03:00 • ท่องเที่ยว
โกลกาตา

รีวิว กัลกาต้า 4วัน เต็ม ฉบับเที่ยวเองงง Kolkata city of joy

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องงง มิตรรักแฟนเพลงง
วันนี้อิสระ ก็กลับมาอีกแล้วกับ การท่องเที่ยวที่ไม่อิงฤดู จะร้อนเหงื่อแตก
จะหนาวขาสั่น หรือ ฝนตกจนเปียกปอน ผมก็จะพาพี่ๆทุกคนไปเที่ยวกับผม อิสระ ได้ค้าบบ
ทริปนี้ผมจะ พาพี่ๆ ทุกคนไป เมืองที่ได้ชื่อ ว่า city of joy เมืองที่เป็นเมืองหลวงเก่า
เมืองที่ได้ อานานิคม อังกฤษ มา พัฒนาเมือง ให้มี รถไฟฟ้าใต้ดิน และ Tram หรือ แม้กระทั่ง อนุสรสถาน ของ ควีนเอลิซาเบธ
เป็นเมืองที่มีเรื่องเล่าขาน ประวัติศาสตร์ มากมายแห่งหนึ่งในอินเดีย เลยก็ว่าได้ครับ
เมือง นั้นก็คือ Kolkata กัลกาต้า หรือ Culcutta หรือ ชื่อย่อ สนามบินกะกดด้วย CCU ฮะ
ทริปนี้ เราจะใช้เวลาทั้งหมด 4วันเต็มๆ ที่ กัลกาต้า กันครับ แล้วมาดูกันว่า ทริปนี้จะสนุกแค่ไหนนนน
เริ่มต้นวันที่ 1 เราเริ่มเดินทาง ที่ สนามบินนานาชาติดอนเมือง DMK เดินทางด้วย สายการบิน Thai air asia เที่ยวบิน FD120 เครื่อง Airbus a320 ที่นั่ง แบบ 3-3 สามาตรจุคนได้ ประมาน 180 ที่นั่ง
ออกเดินทาง จาก กรุงเทพไปกัลป์กาต้า ใช้เวลาทั้งหมด 2.30ชม เองครับ ค่อนข้างใกล้ แปปๆก็ถึงละครับ
เครื่องออกตอน 22.55 และจะถึง เมืองกัลป์กาต้า ประมาณ เที่ยงคืนครับ
ราคาตั๋ว ที่ผมได้ เดินทางเป็นช่วง ปลายเมษา 25- 30 สิริรวม ทั้งสิน 8300บาท *ราคาดั่งกล่าวไม่รวมค่าน้ำหนักขากลับของ
พี่ๆคนไหน ถ้าเช็คราคาตั๋ว ในช่วงที่ไม่ พีค หรือ มีโปร อาจจะได้ถูกกว่าผมหลาย พันเลยนะครับ
ทริปนี้เราจะเที่ยวกัน ในเมือง ล้วนๆเลย หลายๆคนคงคิดว่า กัลป์กาต้า ไปทำอะไรตั้ง 4วัน
เนื่องจาก เป็นเมืองที่ มีความเป็นอังกฤษเก่า และผสมผสานกับ วัฒนธรรมของ อินเดีย ผมก็อยากจะใช้เวลา ตรงนี้ ดื่มด่ำกับ Culture ที่แตกต่างของเค้าให้ได้มากที่สุด
เพราะผมเชื่อว่าทุกการเดินทางทำให้เราเติบโตไม่ว่าจะ ในแง่ของ มุมมอง ประสบปการชีวิต หรือ ไอเดียใหม่ๆ ไม่มากก็น้อย คร้าบบบ
ก่อนออกเดินทาง ประมาณ 2อาทิตย์ ผมบอกเพื่อนสมัยมัธยมของผมที่เป็นคนอินเดียว่าจะไปกัลป์กาต้านะ เพื่อนผม ตกใจและถามว่า Why kulkata? Its nothing there really. Why not Delhi or else where
ผมก็ได้แต่ตอบว่า ticket is cheapest at the time lol
เนื่องจากเป็นไฟล์ดึก อาหารการกิน ผมก็จัดการเรียบร้อยยตั้งแต่ ที่สนามบินเลยครับ ขึ้นเครื่องจะได้งงีบสักหนึ่งงีบ เพราะเวลาเดินทางค่อนข้าง สั้น
รัฐ กัลกาต้านั้น ตั้งอยุ่ที่ West Bengal มีชายแดนติดกับ ประเทศบังกลาเทศ
ทาง West Bengal ขึ้นชื่อเรื่องของ Bengal tiger เป็นเสือที่จะมีเฉพาะ โซนประเทสละเวกนี้เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น อินเดีย บังกลาเทศ เนปาล พม่า และบางส่วนของจีนแผ่นดินใหญ่
จากการอ่านรีวิวต่างๆ การเดินทางหลักของ ทริปนี้คงหหนีไม่พ้น UBER ครับ โหลดเตรียมไว้ได้เลย ได้ใช่แน่นอน
พอลงเครื่อง ก็ เข้าสู่ ด่าน immigration ยื่น E-visa ให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองพร้อมพาสปอร์ด ก็ผ่านได้โดยไม่มีอะไรครับ
ปล. เนื่องจากการเข้าอินเดียนั้นยังจำเป็นต้องใช้วีซ่า พี่ๆ สามารถ ใช้ลิ้งนี้ เข้า กรอกรายระเอียดพร้อมชำระเงินได้เลย
สิ่งที่ต้องระวังก็คือ เว็ป ที่คล้ายของรัฐบาลเยอะมาก ผมจะแปะลิ้งไว้ให้นะครับ ส่วนการกรอกข้อมูลนั้นถือว่า ค่อนข้างเยอะทีเดียว สังเกตง่ายๆ คือ .gov.in ลงท้ายนะครับ
Fyi **** การทำอินเดียววีซ่านั้น จะมี ราคาที่ไม่เท่ากันในช่วงเวลานั้นๆ จากการได้อ่าน เรื่องของการทำวีซ่ามาจาก เว็ปต่างประเทศ ช่วงเดือน เมษา ถึง เดือน มิถุนา ค่าทำ วีซ่า จาก 25usd จะเหลือพียงแค่ 10 usd เท่านั้น ซึ่งในความเข้าใจของผม ก็คือ ถ้าเดินทางระหว่างเดือนข้างต้น ที่ระบุวีซ่าก็จะได้ถูก แต่ กลับกัน ครับ ต้องทำใน เดือนนั้นๆ เช่น ถ้าเดินทาง เมษาก็แนะนำให้ทำ ภายในเดือนเมษา อย่างของผมที่โดนไปคือเดินทาง 25เมษา
เราก็ใจร้อนอยากทำ อะไรให้เสร็จจะได้ไม่มีอะไรคงค้าง พร้อมเที่ยวก็เลยทำล่วงหน้า เกือบเดือน ซึ่งวันที่ทำ คือ 28มีนาคม ซึ้ง อายุอีวีซ่ามี อายุแค่ 30 วันนับจากวันทำ เท่ากับว่า ผมต้องเข้า อินเดีย ก่อนวันที่ 28 เมษา แต่ราคาที่ผม คิดว่า จะเสียแค่ สิบดอล กลับเสีย ถึงยี่สิบห้า เชดอล ที่นี้ใจผมก็ว้าวุ่นเลยยสิฮะ
ตอนชำระเงิน ด้วยบัตรเครดิต ผมก็ คิดแล้วแหละว่า แหล่งข้อมูลที่ผมอ่านมาอาจจะ ไม่จริง
อาทิตย์ ถัดมาเพื่อนๆผม ทำ อีวีซ่ากัน เสียกันคนละ สิบดอล เท่านั้น โอเอ็มจี เงิน ผมหายไป 15ดอลเลยนะครับ
พี่ๆคนไหนมีแพลนจะเที่ยวก็ จะได้เสียแค่ 10ดอลพอนะครับ ผมเสียเผื่อพี่ๆไป แล้ว 555+
สำหรับคนไทยที่เดินทางไปอินเดียเราสามารถทำนัดได้หลังจากวันที่เข้าประเทศ 30 วันยกตัวอย่างเช่นอีวีซ่าของผมหมดวันที่ 28 เดินทางเข้า อินเดียวันที่ 26 เท่ากับว่าผมจะอยู่ที่อินเดียต่อได้อีก 30 วันนับจากวันที่ 26 ครับ
พอออกมานอกอาคาร ผดส ลมร้อน ก็ตีผ่าวเข้าหน้าเลยครับ ร้อนที่ร้อนกว่ากรุงเทพเราก็ที่นี่แหละครับ กัลกาต้า city of joy
เจออากาศแบบนี้เห็นทีทริปนี้จะจอยออกไหมน้า
พอเดินออกมา ก็ จะเห็น เคาเตอร์ ของ Uber ตั้งอยุ่ครับ เดินไปที่นั่นกดเรียกรถผ่านแอพ แล้วเดี๋ยวรถก็มารับตามจุดที่พินไว้
รถส่วนมากของที่นี่จะเป็นรถเก่า เป็น ซูซูกิ สวิฟ หากพี่ๆท่านไหน มี ของเยอะ หรือ ไปกันหลายคน แนะนำกดเรียก แบบ Sedan นะครับบ จะ ใหญ่ขึ้นมานิดนึง
การขึ้น อูเบอที่นี่ บางคันก็ เปิดแอร์ บางคันก็ไม่ ก็ลุ้นเอานะครับ ฮ่าๆ
เนื่องจากมาถึงดึก โรงแรมที่เราจองไว้ค่อนข้างใกล้ สนามบิน ใช้ เวลา ประมาณ 12นาที ก็ถึงแล้วครับ
โรงแรงชื่อ the Maureen ราคาคืนละ 1200บาท
เป็นโรงแรมสามดาวขนาดไม่ได้ใหญ่มาก ห้องก็ โอเคครับ มีแอร์ มีเตียง อยู่ได้ รูปจากในเว็ป สวยสะดุดตา ของจริงให้ ลบจากรูปประมาณ 25% นะคัรบ
ในวันแรกผมจะตื่นสายหน่อยเพื่อที่จะต้องเก็บของแล้วไปเช็คอินอีกหนึ่งโรงแรมเพื่อที่เวลาที่เที่ยวเราจะไม่ต้องวนกลับมาแถวสนามบินอีกรอบซึ่งสถานที่ที่เราจะเช็คอินต่อไปนี้อยู่ค่อนข้างใจกลาง ตัวเมืองโรงแรมชื่อ The panash and banquet hotel
โรงแรมนี้ราคาแพงกว่าโรงแรมแรกราคาประมาณ 1700 บาทต่อคืน บางช่วงอาจจะได้ในราคา 1200 นะครับ
ข้อดีของโรงแรมนี้คืออยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวมากๆและใหม่
โรงแรมนี้ก่อสร้างเสร็จปี 2022 ถ้าผมจำไม่ผิดโรงแรมนี้มีทั้งหมด 28 ห้องหกชั้นชั้นที่ผมได้อยู่ชั้นสามห้องนอนมีแอร์มีพัดลมส่วนห้องน้ำนั้นเปิดออกไปจะค่อนข้างร้อน สามารถตากผ้าแห้งได้ภายในหนึ่ง คืน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35-45นาทีครับ
พอถึงที่เคาน์เตอร์เช็คอินก็ขอเค้าเข้าเช็คอินก่อนเวลาได้ไหมเพราะว่าโดยปกติแล้วต่างประเทศต่างๆการเช็คอินเค้าจะให้เช็คอินตอนบ่ายสองแต่ผมถึงประมาณเที่ยง ซึ่งปกติของโรงแรมที่อินเดียแล้วเค้าให้เช็คอินตอนเที่ยงได้เลย
หลังจากเก็บของเสร็จแล้วร้านอาหารร้านแรกที่ผมดูไว้ก็คือ Aminia ร้านอาหาร อิเดียดสไตล์กัลกาต้า
ขอแทรกอีกนิดโรงแรมที่พักใกล้กับตลาดเดอะนิวมาร์เก็ตมากๆใช้เวลาเดินประมาณไม่เกิน 10 นาทีก็ถึง ร้านอาหารแรกที่ทานเป็นร้านอาหารอินเดียแบบเฉพาะกัลกาต้าซึ่งจุดเด่นของเขา
ก็คือ ข้าวหมกบริยานี่สไตล์กัลกาต้า
เมนูวันนี้ที่สั่งก็จะมีข้าวหมกกับแกงต่างๆกับข้าวประมาณสามอย่างทานกันสี่คนราคาหลังเช็คบิลแล้วประมาณ 1600 รูปีซึ่งพอหารสี่แล้วตกเหลือคนรับประมาณ 400 รูปีแปลงเป็นเงินไทยแล้วอยู่ประมาณ 180 บาทซึ่งผมก็รู้สึกว่าโอเคเลยค่าของชีพที่ถูกสิ่งที่อยากให้ลองในร้านนี้ก็คือ
ส่วนตัวข้าวหมก ที่สั่งมานั้น เอาส่วนตัวผมรู้สึกว่ากลิ่นของเมล็ด Cardamom(เมล็ดกระวาน) ค่อนข้างแรง
แต่แกงแพะกับ แกง paneer อร่อยมากครับ ร้านนี้ ผมให้ 6\10 ขอหักคะแนนนข้าวหมก นิดนึงครับ ถือว่า อร่อยแต่่ยังไม่ถุกปากมากครับ
หลังจากเติมพลังเสร็จเรียบร้อยแล้วที่ ทาแรกที่เราจะไปก็คือ Victoria memorial hall
พระราชวังของควีนอลิซาเบธ ซึ่งจะมีการเก็บค่าเข้าด้วยนะครับ
เอ่อจากที่ผมอ่านมาค่าเข้าจะอยู่ที่ไม่เกิน 100 รูปีแต่พอมาหน้างานเห็นว่ามีการปรับเป็นเรทต่างชาติอยู่ที่คนละ 500 รูปี
ภายนอกจะเป็นสิ่งปลูกสร้างเหมือนพระราชวังอังกฤษด้านหน้าสุดของทางเข้าจะมี Queen อลิซาเบ็ธตั้งตระหง่านอยู่ ด้านในพระราชวังจะเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ให้ชมความสวยงามตระการตา และเล่าถึง ประวัติศาสตร์ความเป็นมาภายในครับ
Victoria Memorial hall จะแบ่งเป็นทั้งหมดสองส่วนส่วนแรกคือในพิพิธภัณฑ์ ส่วนที่สองคือสวน
พิพิธภัณฑ์จะให้บริการช่วงเวลา 10 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็นของทุกวันยกเว้นวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์พี่พี่ท่านไหนจะไปอาจจะต้องเช็คดูว่าตรงกับช่วงวันหยุดของเขาหรือเปล่าครับ
ในส่วนของ สวนนั้นเปิดทำการตั้งแต่ตีห้าครึ่งจนถึง 6 โมงเย็นของทุกวันทุกวันรวมถึงวันหยุดด้วย
ก่อนเข้าไปในพิพิธภัณฑ์จะต้องมีการตรวจสิ่งของที่เป็นอันตรายเช่นอาวุธต่างๆโดยพี่ทหาร
เขาเล่าว่าภายในตกแต่งด้วยหินอ่อนทั้งหมด พอเดินทะลุมาถึงอีกฝั่งของพระราชวังก็จะเป็นสนามหญ้าให้เราสามารถถ่ายรูปกับพระราชวังได้ ประวัติศาตของที่นี่นับว่าพระราชวังแห่งนี้ถือเป็นอนุสาวรีย์ที่ทรงคุณค่าและสวยงามไม่ใช่มากที่สุดในเมืองนี้แต่เป็นอนุสาวรีย์ที่สวยที่สุดในประเทศเลยก็ว่าได้
1
พระราชวังแห่งนี้แสดงให้เห็นถึงความโอ่อ่าสวยงามของอาณานิคมอังกฤษที่มีมาตั้งแต่เนิ่นนาน และยังคงอยู่ จนถึงปัจจุบัน ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใครก็ตามที่มาเมืองนี้จะต้องมาให้ได้
หลังจากที่พระราชินีเอลิซาเบธเสียในปี 1901 ไม่กี่อาทิตย์ได้มีมีการจัดประชุมหารือเพื่อ บูรณะให้พระราชวังแห่งนี้เป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์เพื่อให้คนเข้าชมและเปิดให้เข้าชมสำหรับคนทั่วไปในปี 1921
คน อินเดีย ที่มาท่องเที่ยวภายในพิพิธภัณฑ์มีอยู่ประมาณหนึ่งไม่เยอะมาก ทุกคนล้วนตื่นตาตื่นใจกับคนต่างชาติแบบเราเนื่องจากเมืองนี้ไม่ได้เป็น tourist destination จึงทำให้ไม่ค่อยมีชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวการมาเยือนของเรานั้นถือว่าแปลกตาสำหรับคนที่ที่นี่ค่อนข้างมากไปที่ไหนก็มีแต่มีแต่คนมอง อากาศ วันนี้ ค่อนข้างร้อนแต่เรื่องถ่ายรูปเราสู้ตาย
เนื่องจากอากาศค่อนข้างร้อนก็จะเห็นน้องหมาลงไปอยู่ในบ่อน้ำหลังพระราชวังเป็นประปราย
โดยส่วนมากจะใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ1-2ชมครับ
พอตกบ่ายก็ถึงเวลาหลบแดดไปเดินห้างครับ
ห้างแรกที่เราไปเดินคือ the quest mall ห้างบ้านเค้าจะไม่ได้ใหญ่โตเท่าบ้านเราแต่ก็มีแบรน ครบเครื่อง
ให้ความรู้สึกเหมือนไปเดินพารากอนมีทั้ง แบรนด์เนม ต่างๆไม่ว่าจะเป็น นาฬิกาโรเล็กซ์ หรือแม้กระทั่ง Louis Vuitton เป็นต้น
จากการเดินเที่ยวในเมืองมาทั้งวันตึกรามบ้านช่องทาสีด้วยสีที่ฉูดฉาด จำพวกสีแดงสีส้มหรือสีอิฐ หรือสีเหลือง ครับ
คนที่นี่ส่วนมากน่าจะใช้ชีวิตในช่วงกลางคืน อาจจะ เพราะว่าเป็นที่อากาศร้อนมากผักต่างๆวางขายกันตอนกลางคืนเป็นหลัก ส่วนตอนเช้านั้นก็จะไม่ค่อยมีร้านอะไรเปิดร้านอาหารส่วนมากก็จะเปิดหลัง 10 โมงเป็นต้นไปแล้ว อยู่ร้านอาหารเช้าบางร้านยังเปิด 11 โมง เลยผมว่าประเทศไทยนี่แหละดีที่สุดแล้ว 6 โมงเช้าก็มีโจ๊กขาย แล้ว
และอีกอย่างที่ผมสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือที่นี่ผู้ชายทำงานเป็นหลักไม่ว่าจะเป็นค้าขายหรือแต่ถ้างานตัดเย็บเป็นผู้ชายทำจะไม่ค่อยเห็น ผู้หญิงทำงานด้านนอก ยกเว้นในห้างครับ
ถือเป็น1วันที่ยาวนานมาก สำหรับการเที่ยว 1วันแรกของผม บางรุปอาจจะเบลอบ้างผมก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
มีต่อ ep2 นะครับบบบ
ด้วยรัก
อิสระหน้าฝน
โฆษณา